วัดพุทธปัญญา

บทความ\คนมาวัด

คนมาวัด

แต่ละเดือนแต่ละปี ประชาชนจำนวนมากแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน วัดพุทธปัญญามิได้ขาด ประชาชน ส่วนใหญ่ที่เข้ามาวัดพุทธปัญญาก็มักจะเข้าใจถึงแนวนโยบายของวัดในด้านการศึกษา ปฏิบัติและเผยแผ่กันเป็นอย่างดีจึงจะตัดสินใจมาเยี่ยมเยือน หลายท่านเดินทางเข้ามาเยี่ยมเยือนสนทนาหลังจากได้อ่านผลงานทางหนังสือพิมพ์หรือทางโทรทัศน์มาแล้วหลายครังจนเข้าใจว่า มาแล้วควรมาคุยกันด้วยเรื่องอะไรดี

กาลเวลาผ่านไปหลายปี พุทธศาสนิกชนหน้าใหม่ๆที่ได้ฟังข่าวคราวของวัดแล้ว เมื่อมีเวลาก็เข้ามาขอบริการเรื่องราวต่างๆแบบด่วนให้วัดทำตามความเชื่อของตนเช่นเวลาใครตายอยากให้ลูกหลานบวชด่วนๆก็เข้ามาขอให้บวชให้โดยเจ้านาคไม่ต้องท่องอะไรเลยมาถึงก็จะให้ประชุมสงฆ์ห่มผ้ากันเลยก็มี ทางวัดก็ต้องปฏิเสธไปเพราะทางวัดไม่ปฏิเสธการบวชของกุลบุตรที่มีศรัทธา แต่ปฏิเสธความมักง่ายของพ่อแม่และญาติของคนที่จะบวช ที่ไม่ยอมลงทุนศึกษาและท่องแม้กระทั่งนะโมและศีลห้า

พอบอกว่า จะต้องท่องจำคำขอบวชให้ได้ด้วยนะแล้วยื่นกระดาษพิมพ์คำขอบวชให้เท่านั้นแหละ คณะที่มาก็จะถอนกำลังหายไปเลย  ก่อนจะมาขอบวชก็ไม่เคยเห็นหน้าอย่างไร เจอบทท่องขานนาคเข้าไปอีกหายสาบสูญไปเลยไม่กลับมาแสดงหน้าตาอีกเลยอย่างนั้น

บางรายอยากให้ลูกมาบวชเณรจะได้เรียนทั้งภาษาไทยและพุทธศาสนาแต่เริ่มต้นเด็กที่พ่อแม่จะขอให้บวชขอต่อรองขนอุปกรณ์การบันเทิงมาครบครันมาวัดด้วย เลยต้องบอกให้กลับไปอยู่บ้านเถอะเพราะหากอุปกรณ์การบันเทิงครบครันอย่างนี้บวชไปก็ไม่ได้อะไร ได้รับคำแนะนำอย่างนี้แล้วก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

บางรายโทรศัพท์มาขอสมาทานศีลแปดสักห้าวัน พอบอกว่า ไม่มีที่พักที่เหมาะสม ใครมาก็ต้องนอนพื้นพักรวมๆกันไม่สะดวกหรอก ถ้าจะให้สะดวกก็กรุณาไปถามตามวัดใหญ่ๆที่เขามีที่พักมากมายนั้นแหละ บอกเท่าไรก็ไม่ฟัง จึงต้องยอมรับ เพราะรับหรือไม่รับเธอก็จะมาให้ได้

เวลามาพักก็ชวนเพื่อนๆมาหลายคนตื่นเช้าขึ้นมาปรากฏว่า เก็บผ้าเก็บผ่อนบอกลาว่าวันนี้กลับแล้ว

ถามว่า อ้าว ไหนว่าจะนอนตั้งหลายวันทำไมรีบกลับ

เธอตอบว่า ไม่เคยนอนพื้น ที่นี่ไม่มีเตียง นอนไม่หลับเลย

ทานอาหารเช้าเสร็จก็พากันหลับหมด

ทั้งๆที่อธิบายให้ฟังอย่างครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่องอะไรแต่สุดท้ายก็ต้องก็รับการนอนพื้นไม่ได้อยู่ดี ทั้งๆที่ทราบว่า วัดไม่มีเตียงนอน ผู้สมาทานศีลแปดขึ้นไปต้องนอนบนพื้น ก็ยังจะต้องมาให้ได้ เมื่อมาแล้วก็หายข้องใจกลับไปเลย

วันหนึ่ง ญาติโยมอีกคณะหนึ่งมารายงานตัวว่า เคยได้ยินชื่อท่านอยากจะมากราบท่าน วันนี้ว่างเลยมาเสียทีตั้งท่านานแล้ว

ฉันก็กล่าวต้อนรับว่า เจริญพร ทุกๆท่านนะ ยินดีต้อนรับสู่วัดพุทธปัญญา

ชายหัวหน้าคณะก็พูดขึ้นว่า แต่ผมไม่รู้สึกว่ามาวัดเลยนะ เพราะไม่มีอะไรที่เป็นวัดเลย

ฉันถามว่า ทำไมรู้สึกอย่างนั้นละ

เขาตอบว่า ไม่มีช้อฟ่า ไม่มีใบระกา หน้าจะปั้นยักษ์หรือพญานาคไว้หน้าวัดสักตัวหนึ่งเพื่อให้รู้ว่า เป็นวัด

ฉันจึงบอกว่า นั้นคือวัดในความทรงจำของโยมก็ถูกต้องแล้ว  แต่วัดนี้สร้างขึ้นมาตามหลักพระธรรมวินัย ซึ่งไม่ได้ระบุไว้ว่า จะต้องต้องมีช่อฟ้าใบระกายักษ์และพญานาคตามที่โยมกล่าวไว้ เมื่อพระธรรมวินัยไม่บังคับไว้ก็มีสิทธิ์จะสร้างได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า วัดที่มีช่อฟ้าใบระกาจะทำอะไรผิด ยิ่งดีเสียอีกคือพระธรรมิวินัยก็ไม่ผิดแถมยังได้เป็นหอศิลป์ประจำชาติด้วย โยมรู้ไหม ช่อฟ้าใบระกาบนหลังคาอุโบสถนั่นนะเป็นศิลปะแบบไทยๆ

เขาเลถามต่อว่า ทำไมท่านไม่ทำอย่างเขาบ้าง

ฉันก็ตอบง่ายๆว่า ฉันก็ทำไปตามเหตุปัจจัยอำนวยแต่ไม่ขัดแย้งกับพระธรรมวินัยแล้วถือว่าสำเร็จประโยชน์แม้ อาจจะไม่ถูกต้องตามใจญาติโยมนัก อีกประการหนึ่งวัดที่สร้างใหญ่โตมโหฬารมีศิลปะไทยครบนั้นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลมากกว่าวัดที่สร้างตามพุทธวิถีหลายร้อยเท่า เมื่อต้องใช้จ่ายเงินในการซื้ออุปกรณ์การก่อสร้างมาก ค่าแรงมาก ค่าตกแต่งมาก ต้องหาเงินจากพุทธบริษัทมาก เมื่อวัดต้องบอกบุญมากๆถี่ๆบ่อยๆนานๆก็กลายเป็นรีดไถเบียดเบียนพุทธบริษัทไปอย่างไม่รู้ตัว อาตมาจึงคิดว่า ทำไปตามที่มีแล้วรู้จักหยุดรู้จักพอ ให้พุทธศาสนิกชนได้พักผ่อนบ้างจะเป็นการปฏิบัติทางพุทธที่เน้นความไม่เบียดเบียน

เขาเลยสอดขึ้นมาว่า ถ้าบริจาคแล้วได้ของสวยงามมาไว้ดูไว้ชมก็คุ้มะนะครับ

ฉันก็ตอบว่า ถ้าพุทธบริษัทมีเงินเหลือใช้เหลือจ่ายแล้วไม่รู้จะไปใช้จ่ายอะไร นำมาสร้างศาสนวัตถุไว้ดูไว้ชมก็ประเสริฐแล้วละ ดีกว่า นำไปเล่นการพนันหรือไปผลาญทางอื่น แต่ถ้าวัดต้องอาศัยพุทธบริษัทที่ต้องทำมาหากินสายตัวแทบขาดรายได้ยังไม่ค่อยพอกับรายจ่ายแล้ว วัดยังไปขูดรีดเพื่อมาทำหอศิลป์ให้คนดูเล่นเพื่อเป็นเกียรติ์แก่ผู้ดำเนินการก่อสร้าง ฉันว่ามันโหดไปฉันจะไม่ยอมทำอย่างนั้น วัดไหนใจกล้า ญาติโยมคนไหนใจถึง ก็ทำกันตามชอบใจเพื่อเกียติ์ยศของใครก็แบ่งๆกันไป

ท่านทำอะไรที่เป็นกิจกรรมวัดบ้าง แต่ละปีจัดงานใหญ่กี่ครั้ง แต่ละครั้งคนมามากไหม

กิจกรรมวัดก็มีตายตัวคือ ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ญาติโยมมาเยี่ยมก็สนทนาธรรมตามอัธยาสัย ใครเต็มใจมาก็มา ใครไม่เต็มใจมาก็ไม่ต้องมา ไม่ต้องโฆษณาชักจูง ไม่ต้องนำเอากิจกรรมบันเทิงมาล่อ เพราะญาติโยมไม่ใช่แมลงเม่าที่จะต้องจุดไฟล่อแล้วจึงจะเข้ามา

เขาถามต่อไปว่า ถ้าท่านคิดแบบนี้ ทำแบบนี้ จะมีใครมาวัดละครับ

ฉันตอบว่า ก็มีส่วนหนึ่งที่เขาใช้ข้อมูลวิเคราะห์แล้วตัดสินใจเองได้ จำนวนวนไม่มากใครมาวัดนี้ได้ต้องบารมีแก่กล้าจริงๆจึงจะมาถึง

เมื่อผู้คนมาร่วมงานน้อย ไม่มีความจำเป็นต้องมีที่จอดรถมาก การขยายพื้นที่ก็ไม่จำเป็น นั่นก็หมายถึง ไม่ต้องการรีดไถทายกทายิการผ่านการทอดผ้าป่าบ้าเลือด ไม่ต้องขายทุกอย่างที่ขวางหน้าแม้แต่สังฆทาน  อยู่ได้ด้วยน้ำใจที่ไหลมาอย่างบริสุทธิ์ต่างฝ่ายต่างไม่เดือดร้อน

เขาพูดเชิงสรุปว่า ท่านทวนกระแสมากเลยนะ

ฉันตอบว่า โบราณกล่าวว่า ปลาที่ว่ายทวนกระแส คือปลาเป็น ส่วนปลาที่ว่ายไปตามกระแสน้ำโดยไม่ขยับเคลื่อนไหวเลย คือปลาที่ตายแล้ว อาตมาไม่ใช่ปลาตายจึงไม่ไหลไปตามกระแส และไม่ใช่ปลาเป็นที่ต้องไหลทวนกระแส เพราะทั้งการไหลตามกระแสและไหลทวนกระแสก็เหนื่อยพอๆกัน จึงตัดสินใจขึ้นจากกระแสมาอยู่ในที่แห้งๆดีกว่า เดินบนดินแบบสบายๆ เป็นพระเดินดินแบบธรรมดาตามรอยบาทพระศาสดาก็พอแล้ว

เขาจึงสรุปสั้นๆว่า ท่านคิดและทำอะไรแปลกๆจริงๆ

ฉันจึงบอกเขาว่า ถ้าแปลกจริงคนต้องเข้าวัดตรึมซิโยม

เขาถามต่อว่า อ้าว เข้ามาทำไมครับ

ก็มาดูของแปลกซิ ของแปลกใครๆก็ชอบดู ดูหมีแพนด้าที่เมืองไทยซิเห็นไหม

เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างลืมตัว สักครู่หนึ่งก็บอกคณะว่า ลาท่านเถอะ คณะทั้งหมดก็ชวนกันกราบพระพุทธรูปแลพระสงฆ์พร้อมกันแล้วเดินชมวัดรอบหนึ่งแล้วพากันกลับออกไปทิ้งให้ฉันนั่งอยู่กับพระพุทธรูปองค์น้อยแต่อัดแน่นด้วยพุทธานุภาพอย่างเงียบๆแต่ทว่าเปี่ยมสุข

 

 

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple