วัดพุทธปัญญา

บทความ\ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร

ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร

หลักการสำคัญของระบบประชาธิปไตยมีว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ตัวแทนของปวงชนที่ปวงชนเลือก จะใช้อำนาจบริหาร และอำนาจนิติบัญญัติแทนปวงชนเพื่อปกป้องและสร้างสรรค์ผลประโยชน์ให้แก่ปวงชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

นับตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2551 อันเป็นวันที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเสียงข้างมากแล้ว การจัดสรรค์ตำแหน่งรัฐมนตรีก็ดำเนินไปอย่างดุเดือดเข้มข้น โผคณะรัฐมนตรีพลิกกลับไปกลับมาตลอดเวลา นักวิ่งเต้นทั้งหลายต่างวิ่งเข้าไปหาศูนย์อำนาจเพื่อช่วงชิงตำแหน่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

แม้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหลายจะอ้างว่า ตนเองเป็นผู้แทนปวงชน เป็นผู้แทนราษฎรเพื่อทำหน้าที่ใช้อำนาจแทนปวงชนชาวไทย แต่ในทางปฏิบัติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเหล่านี้ ได้นำเอาอำนาจอธิปไตยที่ปวงชนมอบให้ในวันเลือกตั้งไปขายให้แก่นักธุรกิจการเมือง ที่รอซื้อเสียงจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้ามาอยู่ในกลุ่มของตนเพื่อแลกกับตำแหน่งรัฐมนตรี แล้วนำเอาตำแหน่งรัฐมนตรีไปทำมาหากินต่อไป

ขณะนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงมิได้เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทยอย่างที่ชอบอ้างกันนักกันหนา แต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเหล่านี้ได้แปลงร่างเป็นทาสของนายทุนในกลุ่มที่ตนได้ขายตัวและสังกัดอยู่นั้นเอง ที่เรียกว่า เป็นทาสของนายทุนนั้น เรียกตามพฤติกรรมที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเหล่านั้นแสดงออกมา ตามบท ที่นักธุรกิจการเมืองเจ้าของกลุ่มของตนได้เขียนไว้

ตัวอย่างของเรื่องนี้เห็นได้จากการเลือกนายกรัฐมนตรีและการแบ่งสรรค์ตำแหน่งรัฐมนตรีที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆนี้

เมื่อเลือกตั้งเสร็จใหม่ๆ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเหล่านี้ได้รับคำสั่งเจ้าเจ้านายใหญ่ว่า ให้พากันยกมือเลือกนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเหล่านั้นก็ทำหน้าที่เลือกนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีตามที่นาใหญ่สั่งทุกประการ นายสมัคร สุนทรเวช ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนไหนคัดค้านแต่อย่างใด

แต่ครั้นนายสมัคร สุนทรเวช เจอคดี ชิมไปบ่นไปต้องมีอันหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีออกไป ครั้งแรกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชาชนที่นายสมัครเป็นหัวหน้าพรรคต่างให้สัมภาษณ์ว่า จะเลือกนายสมัครกลับมาอีก แต่พอถึงเวลาเลือกนายกรัฐมนตรีเข้าจริง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เคยรับปากว่าจะเลือกนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ต่างปล่อยให้นายสมัครเข้าไปนั่งรอเก้อในสภา ไม่มีสมาชิกพรรคพลังประชาชนเข้าไปเลือกนายสมัครเลย สภาจึงล่ม เพราะองค์ประชุมไม่ครบ

เหตุการณ์ครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะปฏิบัติการใดๆในสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถทำตามเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ อิสระแทนปวงชนชาวไทยได้ แต่ต้องทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งครัด เมื่อเจ้านายตัดสินใจ ไม่ให้เข้าประชุมสภา พวกเขาก็ทำตาม ทั้งๆที่พวกเขาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราฎร ซึ่งหน้าที่หลักของพวกเขาคือ การประชุมสภา

แต่บัดนี้คำสั่งของเจ้านายที่ตนเองได้พลีกายยอมเป็นทาส ย่อมยิ่งใหญ่กว่าหน้าที่ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ

เวลาผ่านไปเพียงห้าวัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชาชนที่เป็นตัวแปรสำคัญก็พร้อมกันเลือกนายสมชายวงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างเรียร้อย ราบรื่นรวดเร็ว

นั่นก็หมายความว่า เจ้านายเหนือหัวได้สั่งการมาแล้วว่า ให้ตั้งใจเลือกนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรี อย่าตุกติก อย่าทำตัวมีปัญหา

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหลายจึงสนองนโยบายของเจ้านายอย่างว่าง่าย นี่คือเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริง เจ้าของคอกตัวจริง

นายสมชายเป็นใคร นายสมชายคือ น้องเขยพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นเจ้าของพรรคพลังประชาชนตัวจริง เมื่อเจ้าของพรรคจริงๆสั่ง ใครจะกล้าหือ

การเข้าสู่ตำแหน่งของนายสมชายวงศ์สวัสดิ์จึงเป็นไปตามภาษิตไทยๆที่ว่า ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร

แม้นายสมัครจะจัดเข้าในกลุ่มลูกจ้างที่อาสามาทำงานให้พันตำรวจโททักษิณ แต่เมื่อเทียบกันแล้ว นายสมชายใกล้ชิดกว่า นายสมชายจึงสมควรได้รับการสนับสนุนมากกว่า

หรือหากพูดว่า นายสมชาย ดวงดี ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแบบสบายๆเพราะดวงดีก็คงจะไม่ผิด

ทีนี้มาดูคำว่า ดวง อย่าละเอียดจะพบระหัสลับที่แฝงไว้ว่า

ด. หมายถึง เด็กใคร คำตอบ นายสมชาย เป็นเด็กพันตำรวจโททักษิณ

ว. วิ่งเร็วไหม คำตอบ ไม่ต้องวิ่งเพราะทุกอย่างภรรยาและพี่ภรรยาวิ่งให้หมด

ง. เงินถึงไหม คำตอบ เงินที่จะทุ่มเพื่อการนี้มีไม่อั้น

เมื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยวิธี เด็กของใคร นายสมชายจึงมิได้เป็นนายกรัฐมนตรีในนามตัวแทนของปวงชนชาวไทย แต่นายสมชายเป็นตัวแทน พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคนในครอบครัวชินวัตรที่ออกแรงช่วยผลักดันจนเป็นนายกรัฐมนตรี

การทำหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์จึงต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของ พันตำรวจโททักษิณและครอบครัวชินวัตรก่อนผลประโยชน์แห่งปวงชนชาวไทยเป็นธรรมดา

เมื่อสภาหานายกรัฐมนตรีได้แล้ว การจัดสรรค์ตำแหน่งรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ทุกตำแหน่งล้วนเป็นไปตามดวง คือ เด็กใคร วิ่งเต้นดีไหม เงินถึงไหม

การจัดสรรค์ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นไปตามกลุ่มของเจ้าของคอก หากเจ้าของคอกพอใจใคร คนนั้นจะต้องได้เป็นรัฐมนตรี โดยไม่ต้องคำนึงถึความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ในกระทรวงที่รับผิดชอบแต่อย่างใด ขอให้เจ้าของคอกพอใจก็จะได้เป็นรัฐมนตรีทันที ตัวอย่างของเรื่องนี้จะเห็นได้จากตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวงเช่น

กระทรวงสาธารณสุข หากจะตั้งรัฐมนตรีระบบคุณธรรมก็จะต้องหานายแพทย์ที่มีความรอบรู้และมีประสบการณ์ด้านการบริหารงานสาธารณสุขมานาน เข้าใจปัญหาสาธารณสุขระดับมหัพภาคเป็นอย่างดี แต่โผคณะรัฐมนตรีชุดนี้กลับมีชื่อ ร้อยตำรวจเอกเฉลิมอยู่บำรุง ผู้ที่ไม่ประสีประสางานสาธารณสุขเลยมาตลอดชีวิต มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะเจ้าของคอกที่ร้อยตำรวจเอกเฉลิมอยู่บำรุงสังกัดอยู่พอใจส่งรายชื่อเข้าประกวด ผู้จัดโผรัฐมนตรีไม่กล้าขัดขืนจำต้องจัดชื่อลงไป

กระทรวงการคลัง หากจะตั้งรัฐมนตรีตามระบบคุณธรรมต้องตั้งผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมีประสบการณ์ด้านการเงิน การคลังเป็นพิเศษมาเป็นรัฐมนตรีในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังระส่ำระสายอย่างนี้ แต่โผคณะรัฐมนตรีชุดนี้กลับมี ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ซึ่งอดีตเป็นพยาบาลมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สาเหตุเพราะ ร.ต.ระนองรักษ์ เป็นภรรยานายไพโรจน์ สุวรรณฉวี อดีตกรรมการพรรคไทยรักไทยที่ถูกห้ามมิให้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมืองห้าปี

ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี จึงมิได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในนามตัวแทนปวงชนชาวไทย แต่เป็นรัฐมนตรีในนามสามีของเธอเอง

ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีอื่นๆที่ตั้งมาอย่างผิดฝาผิดตัว วางคนไม่เหมาะกับงาน ล้วนตั้งมาในระบบ อุปถัมภ์ที่ถือว่า ค่าของคนอยู่ที่คนของใครทั้งสิ้น รัฐมนตรีแต่ละคนที่ได้รับการแต่งตั้งแล้ว ล้วนตั้งหน้าตั้งตาประจบสอพลอผู้มีอำนาจทางการเงินและทางการเมืองเพื่อรักษาอำนาจของตน แทนที่จะมุ่งมั่นทำงานเพื่อประโยชน์ของปวงชนทั้งประเทศ

นี้คือ ความอัปลักษณ์ของการเมืองเก่า ที่มีรูปแบบเป็นประชาธิปไตย แต่เนื้อหาและการปฏิบัติเป็นระบบอุปถัมภ์และธานาธิปไต ที่เต็มไปด้วยการผูกขาด ตัวแทนที่ปวงชนชาวไทยเลือกมามีแค่แค่สัตว์เลี้ยงที่ต้องเดินตามหลังเจ้าของอย่างเชื่องๆ

คำถามที่ผู้ออกแบบการเมืองใหม่จะต้องตอบให้ได้ คือ ทำอย่างไร ผู้แทนปวงชนจะมีอิสระมีศักดิ์ศรี ทำหน้าที่เพื่อปวงชน อย่างตรงไปตรงมา ทำอย่างไรการพิจารณาบุคลาการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี จะใช้ระบบคุณธรรมบนพื้นฐานของความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ในการทำงาน มากกว่า ค่าของคน อยู่ที่คนของใคร

 

 

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple