เหงา
ความเหงา มักจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ที่ทำใจให้อยู่กับปัจจุบันไม่ได้ บางคนทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งมานานเป็นเวลาหลายสิบปี พออยู่มาวันหนึ่งต้องยุติการทำงานนั้นไปทั้งที่ได้เตรียมใจไว้ก่อนหรือ มิได้เตรียมใจไว้ก่อน ต้องพักอยู่กับบ้านโดยไม่ต้องทำอะไร มีปัจจัยสี่เครื่องยังชีพพร้อมมูล ไม่ขาดแคลนสิ่งใด มีรายได้พอเพียงที่จะจับจ่ายใช้สอยไปตลอดชีวิตก็ไม่หมด แต่ยังรู้สึเหงา อาการแบบนี้มีปรากฏอยู่โดยทั่วไปไม่จำกัดเพศไม่จำกัดวัย ความเหงา เป็นสิ่งที่น่ากลัวไม่น้อยที่คนขี้เหงาพยายามหลบหนีกันอย่างอุตหลุด จนบางคราว หนีไปพบเรื่องที่น่าตื่นเต้นท้าทายแล้วติดใจไม่เหงา แต่อาจจะมีผลข้างเคียงที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ตามมามากบ้างน้อยบ้างสุดแล้วแต่กรณี
จำได้ว่าเมื่อคุณทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีในระยะสุดท้าย เวลาไปไหนมาไหน มักจะบ่นให้นักข่าวฟังบ่อยๆว่า ทำงานเหนื่อยมาก อยากพักผ่อน อยากอยู่กับครอบครัว อยากตีกอล์ฟ อยากท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ อยากอ่านหนังสือน่าอ่านที่ยังไม่ได้อ่านอีกหลายเล่ม แต่พอหลังวันที่ 19 กันยายน 2549 อันเป็นวันที่คณะค.ม.ช. ทำรัฐประหารแล้ว คุณทักษิณ ต้องลี้ภัยไปอยู่ประเทศอังกฤษ ในระยะแรก คุณทักษิณพักอยู่อย่างสงบ มีภรรยาและลูกๆไปเยี่ยมเยือนและอยู่ด้วย คราวละหลายๆเดือน ออกเดินซื้อของหรือรับประทานอาหารตามที่ต่างๆด้วยกันอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไปหลายเดือนนักข่าวขอสัมภาษณ์ ถึงเรื่องราวต่างๆในชีวิต คุณทักษิณมักจะบอกนักข่าวเสมอๆว่า เหงามาก อยากกลับบ้าน จะเที่ยวไปกี่ประเทศก็ไม่มีความสุขเหมือนบ้านเรา แสดงว่า เมื่อหยุดงานแรกๆมีความสุขเพราะสมหวังที่ตั้งใจมานานว่าจะได้ทำอะไรตามใจปรารถนาโดยไม่กังวลกับความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับอย่างใหญ่หลวง แต่พอได้ทำในสิ่งที่ปรารถนาแล้ว ใจก็เลื่อนไปจุดปรารถนาอื่นๆอีก เมื่อไม่สมปรารถนา ก็จะพาให้เป็นทุกข์เหมือนกัน
เมื่อคุณทักษิณได้กลับประเทศไทย ครั้งแรกคุณทักษิณมีความสุขมาก ถึงกับเหยียบแผ่นดินแล้วก้มลงกราบแผ่นดินอย่างซาบซึ้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ ได้พบปะสังสรรค์เพื่อนฝูงเก่าๆได้อยู่กับบ้านและครอบครัวอันเป็นที่รัก อย่างมีความสุข ระยะนั้นไม่ได้ยินคุณทักษิณพูดถึงความเหงาอีกเลย เพราะใจไม่วังเวง หว้าเหว่และล่องลอย แต่สมปรารถนา อิ่มเอิบเพราะใจมีสิ่งยึดเหนื่อยวเกี่ยวเกาะหลายอย่าง
เมื่อคุณทักษิณกลับไปอังกฤษครั้งสุดท้ายที่ยังไม่ได้กลับมาเมืองไทยและต้องย้ายไปอยู่ประเทศดูไบและเดินทางไปดูงานธุรกิจในประเทศต่างๆและมีโอกาสพูดคุยกับคนที่สนับสนุนผ่านการโฟนอินและวีดีโอลิงค์บ่อยๆ เดี๋ยวนี้มีสนทนาทางทวิตเตอร์แสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วง นอกจากนี้ยังมีคนที่เคยใกล้ชิดและรักคุณทักษิณเดินทางแวะเวียนไปเยี่ยมเยือนกันบ่อยๆ
เมื่อตรวจสอบคำปราศรัยก็ดี ข้อความทางทวิตเตอร์ก็ดี ไม่ปรากฏคำว่าเหงาจากปากคุณทักษิณอีกเลย เพราะจิตใจมีเรื่องที่จะเกาะเกี่ยวยึดเหนี่ยว มีเรื่องให้คิด ให้ตื่นเต้นร้าวใจตลอดเวลา มีความหวังในเรื่องราวต่างๆมากขึ้น จิตใจไม่หว้าเหว่หรือล่องลอยไร้ทิศทางอย่างช่วงแรกๆ ความเหงาก็หายไป
คนอื่นๆที่บ่นว่าเหงาก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากคุณทักษิณที่ยกมาเป็นกรณีตัวอย่าง เวลาที่ได้เคลื่อนไหวทำเรื่องราวต่างๆอยู่เป็นประจำก็ไม่มีความเหงา แต่ถ้าหยุดกระทันหันหรือจำเป็นต้องหยุดความเหงาจะมาเยือน หากมองไปในวงการเมืองจะเห็นว่านักการเมืองส่วนใหญ่โดยเฉพาะวุฒิสมาชิก จะมีแต่ผู้สูงอายุแทบทั้งนั้น บุคคลเหล่านี้มาเล่นการเมืองแก้เหงาเพราะส่วนใหญ่เกษีณอายุมาแล้ว
หลายๆคนไม่อยากเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ชอบเรื่องตื่นเต้นแก้เหงาแบบเงียบๆเป็นการส่วนตัวก็สะสมบ้านเล็กบ้านใหญ้ไว้คลายเหงานับไม่ถ้วน หรือเรียกให้ทันสมัยหน่อยก็ต้องเรียกว่า มีกิ๊ก หลายกิ๊ก เรื่องบ้านเล็กบ้านน้อยถ้าจัดการให้ดีก็หายเหงาไป แต่ถ้าจัดการไม่ดีนอกจากจะต้องเสียเงินนับไม่ถ้วนแล้วอาจจะเสียชีวิตเอาได้ง่ายๆเพราะความหึงหวงและความโลภในสมบัติที่เรียกว่าฆ่าช้างเอางายังเป็นคติที่ต้องนำมาพิจารณาอยู่เสมอ
หลายคนมีบารมีทางธรรมเคยสะสมมามากพอถึงเวลาต้องพักจากงานการประจำวันหรือภารกิจครอบครัวก็หันหน้าเข้าวัด หรือหันหน้าเข้าหาธรรมะฝึกฝนจิตใจด้วยการหมั่นภาวนา เพราะรู้ว่า ความเหงามีสาเหตุสำคัญมาจากจิตถ้าขาดความอิ่มเอิบปราโมช ขาดน้ำหล่อเลี้ยงที่เรียกว่า ปีติ การฝึกฝนภาวนาก็คือ การนำใจมาคิด มายึดเหนื่ยว มาเกาะเกี่ยว กับสิ่งที่มีคุณค่าทางนามธรรมที่ละเอียดบริสุทธิ์ เช่นระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ แม้แต่ระลึกถึงความตายที่จะมาเยือนได้ทุกลมหายใจ ก็ทำให้คลายเหงาได้
เมื่อเข้าใจวางใจไว้อย่างถูกที่ถูกทางไม่เป็นพิษเป็นภัยได้แล้ว ก็มองตรงๆเข้าไปหาความเหงาที่เกิดขึ้นมาแต่ละครั้ง โดยไม่ต้องหนีหาเครื่องบำบัดความเหงาอย่างอื่น มองความเหงาตรงๆ จริงๆไม่ต้องท่อง หรือไม่ต้องบ่นอะไรทั้งสิ้น มองดูไปเรื่อยๆแล้วจะพบว่า ความเหงามาเยือนเพียงชั่งคราวแล้วก็ออกไป เมื่อค้นพบอย่างนี้ได้สักครั้งก็ใช้เวลาว่างที่มีอยู่มองความคิดอื่นๆที่วนเวียนเข้ามาแล้วกลั่นกรองดูว่า อะไรถ่วงใจให้หนัก อะไรถ่วงใจให้เบาเฝ้าดูเรื่อยไป แล้วชั่งนำหนักดูว่า แต่ละอย่างเป็นอย่างไร ถ้าเห็นว่าทั้งหนักทั้งเบาก็หนักพอๆกัน ก็ดูเพียงว่า มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่ต้องไปดิ้นรนหลบหนีแต่อย่างใดมองดีๆเดี๋ยวความสงบก็จะเข้ามาทดแทนเอง และความสงบที่เกิดจากความปกติที่จิตหยุดอยู่กับปัจจุบันนี้เอง จะปลอดจากความเหงาอย่างแท้จริง เป็นวิธีการจัดการความเหงาที่ไม่มีผลข้างเคียงเป็นพิษภัยกระทบตนเองและสังคมแทรกซ้อนแต่อย่างใด
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple