ตัดกรรม
แม้ว่าระยะเวลาช่วงเดือนมกราคม ถึงต้นเดือนมีนาคมของทุกปี อากาศในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย จะหนาวเป็นพิเศษ เพราะเป็นฤดูหนาว แต่บางสัปดาห์ถ้าฝนไม่ตกลงมา แสงแดดส่องจ้า ท้องฟ้าใสไปทั้งผืนฟ้า อากาศจะอบอุ่น ไม่ถึงกับร้อน แต่ไม่ถึงกับหนาวจนทนไม่ไหว เรียกกันว่า อากาศพอสบายๆ วันอาทิตย์ไหน อากาศอบอุ่นเป็นใจอย่างนี้ ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัดพุทธปัญญามักจะจับกลุ่มสนทนาธรรมกันอย่างสดชื่นรื่นรมย์ที่ลานธรรมใต้ต้นโอ๊คใหญ่ ที่ท้าทายลมหนาวมาแล้วไม่รู้สักกี่หนาวแล้ว
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา อากาศดี ญาติโยมมาทำบุญกันมากหน้าหลายตา คนที่เคยไปทำบุญวัดพุทธปัญญามักจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า หากใครมาถึงวัดเวลา สิบนาฬิกา จะได้ร่วมกิจกรรมทั้งบุญและกุศลครบเครื่อง ได้ทั้งเรื่องสงบเรื่องสาระถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งทีเดียว แต่บางคนตั้งใจว่าจะมาให้ทันเวลาสวดมนต์ สมาธิภาวนาและฟังบรรยายธรรม แต่เจอเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงกลางทางเช่นต้องพบอุบัติเหตุรถชนกันบนท้องถนน ตำรวจต้องปิดถนนในบริเวณที่เกิดเหตุก็มาช้า แต่ส่วนใหญ่ก็มาทันทำกิจกรรมอย่างครบถ้วน
เมื่อทำบุญตักบาตรถวายทานแก่พระสงฆ์แล้ว พระสงฆ์จะแบ่งอาหารจากที่ถวายทานให้พุทธศาสนิกชนรับประทานกันทันที เพื่อจะได้มีเวลาสนทนาธรรมหรือฟังธรรมกันในตอนบ่าย ซึ่งมีเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ โดยไม่ต้องกำหนดว่า ผู้ฟังจะมีเหลือสักกี่คน พอถึงบ่ายโมงก็ต้องแสดงธรรม เพื่อให้ญาติโยมที่ไปวัดได้ทราบว่า ยังมีกิจกรรมที่ร่วมได้ตอนบ่ายอีกหนึ่งรายการคือ ฟังธรรม
ก่อนที่จะถึงบ่ายโมง เมื่อพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่รับประทานอาหารกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พุทธศาสนิกชนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาเป็นกลุ่มประมาณห้าคน ชายหนุ่มอายุน้อยๆคนหนึ่ง ทราบภายหลังว่า ทำปริญญาโท อยู่ที่หมาวทิยาลัย ยู.เอส.ซี. หนึ่งในกลุ่มนั้นก็ตั้งคำถามขึ้นว่า ท่านครับ กรรม ตัดกันได้ด้วยหรือครับ
ประธานลานธรรมขยับจีวรให้เข้าที่แล้วตอบว่า ตัดได้
ชายคนนั้นถามต่อไปว่า ตัดอย่างไรหรือครับ
ประธานฯตอบว่า ตัดโดยการไม่กระทำกรรมนั้นต่อไป เช่น เคยดื่มสุรา เมื่อทราบถึงโทษของการดื่มสุราว่า สูญเสียทรัพย์ สุขภาพเสื่อม เกิดอุบัติเหตุง่ายเพราะขาดสติ บางทีสูญเสียหนักถึงขั้นนเสียผัวหรือเสียเมียไปอย่างไม่มีวันกลับมาก็มีมากมาย แล้วยุติการดื่มโดยเด็ดขาด การทำอย่างนี้เรียกว่าตัดกรรม หรือ ในวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ มีคนมาวัดกันหลายสิบคน ถามว่า คิดอย่างไรจึงตัดสินใจมาวัดวาอารามไม่สนใจจะไปวัดดวงกันบ้าง
หลายคนก็ตอบว่า ฟังเทศน์ท่านอาจารย์นานๆแล้วจิตใจฮึกเหิมลองฮึดสู้ดูทีซิว่า ไม่ได้ไปเล่นการพนันจะตายไหม
พระถามต่อไปว่า แล้วตายไหมละโยม
พวกเขาก็ตอบว่า ไม่เห็นมีใครตายสักคน ซ้ำยังสบายอีกด้วยไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเครียด ไม่มีใครแพ้ ใครมาวัดคืนนี้ชนะทุกคน
จึงสรุปให้ฟังว่า นี่แหละโยม ทุกคนเก่ง ขลัง ศักดิ์สิทธิ์เองเลย
บางคนงงถามต่อไปว่า เก่ง ขลัง ศักดิ์สิทธิ์อย่างไรหรือท่านอาจารย์
ประธานฯจึงตอบว่า ขลังเพราะตัดกรรมได้นะซิ พูดจบก็หัวเราะชอบใจ
ชายคนที่เริ่มปัญหาถามต่อไปว่า ทุกคนตัดกรรมเองได้ด้วยเหรอครับ
ประธานฯตอบว่า ได้ซิโยม เราไม่ตัดกรรมของเราแล้วใครที่ไหนจะไปช่วยตัด ใครจะรู้จักตัวเราเอง ดีกว่าเราหรือ ที่จะมาตัดกรรมให้เรา อาตมานั่งคุยกับโยมตั้งนานยังไม่รู้เลยว่า โยมมีกรรมอะไรต้องตัดทิ้งบ้าง
ภรรยานั่งอยู่ใกล้ๆแทรกขึ้นมาทันทีว่า ก็ดื่มเหล้าเก่งนะหลวงพ่อ
ประธานฯจึงถามว่า จะตัดกรรมวันนี้เลยไหม
ชายคนนั้นคงอาลัยอาวรน้ำทองแดงของแกเต็มทีรีบบอกปัดว่า ไม่กล้ารับปากครับท่านอาจารย์
ประธานจึงแหย่ไปว่า แหมรักษาศีลข้อสี่อย่างเคร่งครัดแล้วปล่อยเสรีข้อห้าเหรอโยม
ทุกคนฮาครืน
ชายคนนั้นพูดต่อว่า ที่ผมรู้มานี่ไม่ใช่ตัดกรรมอย่างที่ท่านอาจารย์เทศน์มา นะ ต้องมีคนตัดให้บางทีก็มีแม่ชี บางทีก็มีคนที่นั่งทางในเก่งๆตัดให้
ประธานฯตอบว่า อ๋อ ตัดกรรมแบบนั้นไม่ทราบว่าทำอย่างไร เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ ถ้าเป็นศาสนาพุทธไม่ต้องนั่งทางในหรือวางยาสลบก่อน ตัดกันสดๆเลย เช่น โยมนี่แหละเย็นนี้ ถึงจะเปรี้ยวปากแค่ไหนก็ตัดมันเลย ไม่ดื่มไม่แตะมัน ตายเป็นตาย
ชายคนนั้นตอบยิ้มๆว่า ตัดเหล้าได้ ไม่ตายหรอกครับ ไม่ตัดนะซิจะตาย เมื่อไรท่านอาจารย์จะตัดกรรมอย่างที่เขาทำกันบ้างละ
ประธานฯตอบเขาไปว่า ปล่อยให้เขาทำกันไปเถอะ
ชายคนนั้นถามต่อว่า ทำไมท่านอาจารย์ไม่ทำบ้าง ปล่อยให้แม่ชีทำอยู่ได้ ถ้าพระทำบ้างน่าจะขลังกว่าแม่ชีนะ
ประธานฯจึงชี้ให้เห็นว่า โยมจำได้ไหม เมื่อสักยี่สิบปีที่แล้ว ชายคนหนึ่งเคยบวชแล้วตัดกรรมเขาไปทั่วประเทศและไปประเทศอื่นด้วย โด่งดังมากสุดท้ายถูกจับสึกด้วยข้อหาปฐมปาราชิก
ชายคนนั้นนั่งทบทวนอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยชื่ออดีตพระนักตัดกรรมชื่อดังได้อย่างแม่นยำ
นั่นแหละโยม เที่ยวตัดกรรมคนอื่นเขาไปทั่วราชอาณาจักร แต่ไม่ยอมตัดกรรมตัดเองปล่อยไว้จนต้องอาบัติปาราชิก จนขาดความเป็นพระไป ไม่ระวังกรรมชั่ว และไม่ยอมตัดกรรมชั่วๆ เลยต้องรับผลกรรมแบบไม่ต้องแบบไง
ทุกคนฮาครืนแล้วชายคนนั้นก็สรุปว่า ท่านอาจารย์ไม่ยอมตัดให้ใช่ไหมเพราะเหตุใด
ประธานตอบว่า เพราะอาตมาเป็นพระไง
ชายคนนั้นถามอย่างไม่ลอดละ ทำไมพระทำไม่ได้
ประธานฯตอบว่า เพราะการตัดกรรมแบบที่โยมเข้าใจและนำมาสนทนาในวันนี้นั้น เป็นการตัดกรรมนอกศาสนาจะเป็นศาสนาอะไรก็ไม่ทราบ
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ความบริสุทธิ์หรือความไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตัว ใครจะทำให้ใครบริสุทธิ์หรือเศร้าหมองไม่ได้ พระพุทธเจ้ายังตรัสอีกว่า หว่านพืชเช่นใดได้ผลเช่นนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หากขืนอาตมาอุตริไปตัดกรรมก็เท่ากับกระทำการอันสวนทางกับเรื่องกรรมที่พระพุทธเจ้าสอน ทำกรรมใดไว้ต้องรับผลของกรรมนั้น ถ้ายังเป็นศิษย์พระพุทธเจ้าก็ต้องเข้าใจและปฏิบัติอย่างนี้จะทำอย่างอื่นไม่ได้
ประธานฯถามต่อ ถ้าโยมรู้ว่าดอกอุตพิด เหม็นโยมจะปลูกไหม
ชายคนนั้นตอบว่า ไม่ปลูกซิครับ
ประธานฯจึงถามต่อไปว่า ถ้าเหล้าเหม็นละดื่มไหม
ชายคนนั้นจึงพูดว่า แหมใจคอจะให้ผมตัดเหล้าวันนี้เชียวเหรอท่านอาจารย์ ผมลงทุนไปมากแล้วต้องถอนทุนคืนบ้าง กว่าจะติดต้องฝึกกันหลายปีนะครับ
ประธานฯจึงแซวว่า ขอแค่ถอนทุนคืนพอนะโยม แต่อย่ารับดอกเบี้ยด้วยแล้วกัน
ชายคนนั้นถามว่า อะไรคือ ดอกเบี้ยครับ
ประธานฯตอบทันที ตับแข็งไงละโยม เอาไหม
ชายคนนั้นรีบตอบ ไม่ละครับ
ประธานฯกล่าวต่อว่า ถ้าไม่อยากได้ดอกเบี้ยเป็นตับแข็งต้อง...ตัดกรรม ทุกคนกล่าวขึ้นพร้อมกัน
ประธานฯถามต่อ ถ้าดอกกุหลาบกลิ่นหอมๆจะปลูกไหมโยม
ปลูกครับ ชายคนนั้นตอบทันที
ประธานฯชี้ว่า นั้นแหละ จะตั้งหน้าตั้งตาตัดกรรมอย่างเดียวไม่ได้ ต้องสร้างกรรมด้วย
ชายคนนั้นถามอย่างงงๆว่า อ้าวสร้างกรรมเพิ่มแล้วไม่มากเข้าไปใหญ่เหรอ
ประธานฯกล่าวตอบ ต้องตัดกรรมชั่วออกไปให้หมด แล้วปลูกฝังกรรมดีให้มากๆสม่ำเสมอ
จะทำกรรมดีที่ไหนได้ละครับท่านอาจารย์ ชายคนนั้นถาม
ทำในส้วมซิโยม ประธานฯตอบทันควัน
อ้าวไม่ใช่ทำที่วัดเหรอ ชายคนนั้นถามด้วยความงง
ประธานฯรีบถามสวนไปทันทีว่า ในวัดมีส้วมไหมละ
ช่วยทำความสะอาดส้วม เป็นการทำกรรมดีอย่างหนึ่ง เมื่อส้วมสะอาดแล้ว ไม่ว่าพระหรือเณร หญิงหรือชาย เข้าไปใช้แล้วต่างพูดว่า สะอาดจริงๆ คนฟังๆแล้วเป็นไง
ชื่นใจครับ ชายคนนั้นตอบ
ประธานฯชี้แจงช้าๆเนิบๆว่า นั่นแหละกรรมดีเหมือนปลูกดอกไม้ กรรมดีทำได้ทุกหนทุกแห่ง บนบ้าน ในสำนักงาน ในครัว บนถนนหรือแม้แต่ในส้วม ทำง่ายๆเห็นไหม หรือถ้าโยมไม่อยากทำกรรมดีในส้วมทำในปากก็ได้
ทำอย่างไรละครับ ชายคนนั้นถาม
ประธานฯยิ้มให้แล้วตอบว่า พูดเพราะๆกับภรรยานะซิ เป็นการทำดีทางวาจา และถ้าเย็นนี้โยมกลับบ้านแล้ว ตัดสุราออก ดื่มแต่น้ำแกงจืดหรือดื่มน้ำส้มคั้นแทน โยมก็ได้ทำดีทางปาก อยากถามว่า ผลแห่งกรรมดีตกอยู่ที่ใคร
ตกอยู่ที่ผมซิครับ ชายคนนั้นตอบอย่างไม่ต้องคิด
ประธานฯลากเสียงอย่างพอใจในคำตอบแล้วกล่าวต่อว่า น่านละ กรรมดี ต้องสร้างอย่าไปตัดทิ้งหมด ตัดแต่กรรมชั่วๆที่มีผลกับตัวเอง เมื่อตัดกรรมชั่วได้ ผลชั่วก็หมดไปด้วย เมื่อตัดต้นไม้ทิ้งไปแล้วผลไม้จะเกิดได้อย่างไร อยากถามโยมว่าตัดกรรมแบบไหนเด็ดขาดกว่ากัน
เราตัดเองเด็ดขาดกว่ครับ ชายผู้นั้นคล้อยตาม
เอ้าถ้าอย่างนั้นก็สรุปว่า กรรมมีสองอย่าง กรรมดีและกรรมชั่ว กรรมดีต้องสร้างลงไปที่กาย วาจาและใจ ส่วนกรรมชั่วก็ต้องตัดออกจากกาย วาจาและใจเช่นกัน ส่วนกรรมที่ยังไม่แน่ว่าจะไปทางดีหรือชั่ว เรียกว่า กรรมกลางๆ พอเข้าใจแล้วหรือยัง
แจ่มแจ้งแล้วละครับ ชายคนนนั้นตอบด้วยรอยยิ้มอย่างพึงใจ
ประธานฯกล่าวสรุปการสนทนาว่า ขอให้คุณโยมกลับบ้านพร้อมกับกรรมดีที่ได้กระทำในวันนี้ และจะทำต่อไปในวันนหน้า และจงระวังไม่ให้กรรมชั่วมากล้ำกรายหากเผลอเข้ามาเมื่อไรตัดทิ้งเมื่อนั้น ขอผลแห่งกรรมดีที่ได้สะสมมาในชีวิตจงผลิดอกออกผลเป็นความสุข สงบเย็นในชีวิตตลอดไปทุกท่านทุกคนเทอญ ขอเจริญพร
ทุกคนพนมมือขึ้นรับว่า สาธุ แล้วอำลาจากไปด้วยใจที่อิ่มบุญและรุ่งเรืองไปด้วยกุศลอย่างเต็มอกเต็มใจ
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple