ปีใหม่สุขสดใสทั่วหน้า
ปีพุทธศักราช 2552 กำลังจะผ่านไป ปีพุทธศักราช 2553 กำลังจะเคลื่อนคล้อยเข้ามา เพื่อมอบความแก่ให้กับทุกชีวิต นั่นก็หมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่ม สาว เฒ่า หรือแก่ ย่อมได้รับรางวัลความแก่จากวันเวลาที่มาเยือนอีกคนละหนึ่งปีโดยไม่มีสิ่งใดมาขีดคั้นหรือจำกัด ล้วนเป็นของขวัญที่กฎธรรมชาติ คือ ความเปลี่ยนแปลงมอบให้อย่างเท่าเทียมกัน
หนึ่งปีผ่านไป นอกจากความเปลี่ยนแปลงแห่งสังขารของมนุษย์ที่ปรากฏให้เห็นกันโดยทั่วไปแล้ว มนุษย์แต่ละคนที่มีหน้าที่ต่างๆกัน ยังสร้างเหตุปัจจัยแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมอีกมากมายหลายอย่าง
มองปัญหาร่วมในระดับโลกที่ทุกประเทศ หรือ มนุษย์ทุกคนที่อยู่ในส่วนต่างๆของโลกจะต้องตระหนักและแก้ปัญหาร่วมกัน คงหนีไม่พ้นปัญหา สภาวะโลกร้อน ปัญหาการก่อการร้าย ปัญหาสงครามในระดับต่างๆทั้งในระดับภูมิภาค ในระดับประเทศต่อประเทศ สงครามภายในประเทศที่มีรากฐานมาจากปัญหาด้านศาสนา ชาติพันธุ์ ความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน ในปีที่ผ่านมา บางส่วนก็ลดลงบ้าง บางส่วนก็ยังคงรุนแรงเข้มข้นขึ้นรอการปะทุดุเดือดแตกหัก
ปัญหาเศรษฐกิจในระดับโลก ก็ยังคงอยู่ในสภาพทรงกับทรุด เวลาผ่านไปหนึ่งปี ยังไม่มีประเทศไหนกล้ายืนยันลงไปได้ว่า เศรษฐกิจในประเทศของตนฟื้นอย่างแท้จริงแล้ว แม้แต่ประเทศยักษ์ใหญ่ระดับสหรัฐอเมริกาและจีน ก็ยังไม่มีใครกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่า เศรษฐกิจของตนฟื้นแล้ว บางทีตัวเลขฟื้นแล้ว แต่จำนวนคนว่างงานกลับไม่ลด นั่นก็ชี้ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจในกระดาษหรือในจอคอมพิวเตอร์ชี้ว่าดี แต่เศรษฐกิจภาคจริงกลับไม่ฟื้น
ปัญหาการเมืองไทยที่เรื้อรังมาเป็นเวลาสามถึงสี่ปี ก็ไม่มีที่ท่าว่าจะพบทางออกที่สว่างไสวเสียที คู่ขัดแย้งที่ต่างฝ่ายต่างเผชิญหน้าถือแนวทางของตนว่าแน่ ก็มีทีท่าว่าจะยังคงความขัดแย้งต่อไป แม้จะแสดงอาการอิดโรยอ่อนหล้ากันทุกฝ่ายแล้วก็ตาม หากอ่อนหล้ามากๆ บางทีอาจจะทำให้คู่ขัดแย้งต่างๆหันหน้ามาพูดคุยร่วมหาทางออกเพื่อสันติสุขได้บ้าง คงได้แต่หวังและฝันว่า หากวันหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างอ่อนเพลียเต็มทีคงจะละทิฎฐิมานะลงไปได้บ้าง วันนั้นแหละแสงสว่างปลายอุโมงค์ก็จะเริ่มทอแสงแล้ว
หากมีเวลาพักผ่อนกันช่วงปีใหม่ กลับมาหาตัวเองแล้วทบทวนตัวเองบ้างว่า ชีวิตที่ผ่านไปแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี จะมีค่าตรงไหนกันแน่ ลองๆนั่งเงียบๆถามตัวเองดูเถอะแล้วแต่ละคนก็จะมีคำตอบที่แต่ละคนพอใจ
หากมองจากมุมมองทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า ชีวิตของคนที่เกิดมาขณะเดียวแต่ได้พบความสงบ ย่อมมีค่ามากกว่าชีวิตที่เกิดมาแม้ตั้งร้อยปี แต่ไม่เคยลิ้มรสแห่งความสงบเลย
พระพุทธพจน์บทนี้ ชี้ให้เห็นว่า ความสงบ มีคุณค่าแก่ทุกชีวิตเพียงใด
ลองๆพิจารณาดูซิว่า คนๆหนึ่ง มีอาหารแสนอร่อยวางอยู่ต่อหน้า แต่จิตใจของเขาหรือเธอหงอยเหงาเศร้าซึม เขาจะรับประทานอาหารนั้นได้มากน้อยแค่ไหน ใครๆก็คงจะตอบไปในทางเดียวกันว่า เขาหรือเธอจะรับประทานไม่ลงเลย เพราะเมื่อใจไม่สงบแม้ตักอาหารใส่ปากเวลาเคี้ยวและกลืนย่อมทำได้อย่างยากเย็น อาหารอันโอชะนั้นก็พลอยไร้ค่าไปด้วย
ในทางตรงกันข้าม หากเขาหรือเธอมีจิตใจที่โปร่ง รื่นเริงแจ่มใสและยิ่งมีอาหารดีวางอยู่ต่อหน้า เธอจะรับประทานอาหารนั้นอย่างมีความสุข รสชาติดี การเคี้ยวดี การกลืนดี ระบบการย่อยตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางดีตลอดเวลา เขาหรือเธอก็จะรับประทานอาหารอย่างมีความสุข
หรือบางครั้งแม้อาหารจะเรียบๆง่ายๆไม่มีราคาค่างวด ไม่มีรสชาติมากมายอะไร แต่ถ้าใจสงบบวกกับความหิวก็จะรับประทานอาหารเรียบๆง่ายๆนั้นอย่างมีความสุข
ตัวอย่างอื่นๆ เช่นการมีรถคันงาม บ้านหรู ที่นอนอันอ่อนนุ่ม แต่ถ้าจิตใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวล หวาดกลัว สับสนโกรธเคือง เคียดแค้น สถานที่หรูๆก็กลายเป็นนรกไปในพริบตา แต่ในทางตรงกันข้ามเมื่อจิตสงบ จะเป็นบ้านหรู บานเล็ก กระท่อมปลายหนา บนรถเมล์ที่แออัดก็รู้สึกว่าอยู่กับสิ่งเหล่านั้นอย่างมีความสุข ทุกอย่างจะกลายเป็นสวรรค์ไปในพริบตาเมื่อจิตสงบ
การส่งความสุขในปีใหม่จึงต้องส่งสิ่งที่นำความสงบให้แก่จิตใจได้ด้วย จึงจะเป็นการส่งความสุขให้แก่กันอย่างแท้จริง
ปีเก่าผ่านไปด้วยความยากลำบากไปตามๆกัน เพราะความลำบาก ความทุกข์ ความไม่สงบ ก็มาจากเหตุปัจจัยที่จะให้เป็นไปอย่างนั้น เมื่อเราสามารถประคับประคองชีวิตให้ผ่านพ้นปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ได้อย่างปลอดภัย ก็ต้องชื่นชมว่าแต่ละคนก็เก่งดี มีคุณภาพมากทีเดียว
หากมองหาสาเหตุแห่งความระส่ำระสายของสังคม หรือประเทศชาติในทุกๆส่วนของโลกใบนี้ อย่างรอบด้าน อาจจะกล่าวได้ว่า มนุษย์ยังมีความเมตตากรุณากันไม่พอ นอกจากจะมีเมตตากรุณา ไม่พอแล้ว ยังเพิ่ม ความโกรธ เกลียดชังและพยาบาทลงไปอย่างไม่ยั้งอีก ความเดือดร้อนวุ่นวายจึงไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ
สงครามทุกแห่งทั่วโลก ความเห็นแตกแยกทที่มีอยู่อย่างมากมายหลายส่วนจนบางแห่งพร้อมจะนำความแตกแยกแตกต่างนี้ไปเป็นสาเหตุทำลายล้างฆ่าฟันกันได้อย่างง่ายดายโดยมองชีวิตของเพื่อนมนุษย์มีค่าแค่เพียงผักปลา ที่จะทำร้าย ทำลาย เพื่อเปิดทางให้ตนได้รับเงิน ทอง ทรัพย์สิน อำนาจ โดยไม่ต้องคำนึงถึงความผิดถูกเหมาะสมดีงามแต่ประการใด
ปีใหม่จึงต้องตั้งใจกันใหม่ให้ถูกตรง ด้วยการนำเอา คุณธรรมมาสำรองไว้อย่างเพียงพอ คุณธรรมที่จะก่อให้เกิดความสุขสงบได้ทั้งในจิตใจ ครอบครัว สังคม และประเทศชาติได้จะต้องมี
1. เมตตากายกรรม มีเมตตาทางกาย ได้แก่ การสร้างความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว คนรอบข้าง คนแปลกหน้า ต่างชาติ ต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรม ต่างอุดมการณ์ ต่างความคิด ด้วยทีท่า ที่สุภาพและอ่อนโยน ไม่เบียดเบียน ไม่ฆ่าฟัน ไม่ทำร้ายด้วยมือ ด้วยเท้า ไม่ทำร้ายด้วยอาวุธหนักอาวุธเบาอันเป็นเหตุให้ต้องบาดเจ็บล้มตาย ขจัดเหตุร้ายทั้งหลายที่ต้องเผชิญหน้ากันถึงกับบาดเจ็บล้มตาย
2. เมตตากายวิจีกรรม มีความเมตตาทางวาจา ได้แก่ การพูด หรือการสื่อสารจากบุคคล สู่บุคคล หรือ จากบุคคลสู่สาธารณะ ต้องสื่อสารด้วยวาจาที่สุภาพ เป็นความจริง เป็นประโยชน์ ผู้ฟังฟังแล้วได้รับความจริง ได้ปัญญา สงบ เยือกเย็น เป็นสุข ไม่โกหก ไม่แต่เรื่องที่เกินความจริงด้วยเจตนาที่จะสร้างความเคียดแค้นชิงชังให้เกิดขึ้นกับใคร คนใดคนหนึ่ง หรือแก่ประชาชนเพื่อนร่วมชาติกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและเพื่อนพ้องทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพราะประโยชน์ใดๆก็ตามที่ได้รับมาจากความรุนแรงโหดร้ายย่อมนำความทุกข์มาสู่ผู้ครอบครอง เพราะเหตุแห่งบาปจะให้ผลเป็นความสุขไม่ได้ สื่อมวลชนทุกแขนง ที่รักความสงบต้องหลีกเลี่ยงการสื่อเรื่องราวที่กระตุ้นความโกรธ โหมให้เกิดความเกลียดชังที่พร้อมจะใช้ความรุนแรงกับฝ่ายที่ตนเกลียดชัง แต่จะต้องสื่อเรื่องราวที่ทุกฝ่ายชมอ่านหรือฟังแล้วได้ครุ่นคิดพร้อมจะเข้าใจกัน รักกัน ร่วมกันยุติความรุนแรง นี่คือเรื่องที่ท้าทายการทำงานของสื่อที่จะต้องสื่อทั้งความจริงและสร้างสันติสุขไปพร้อมๆกัน
3. เมตตามโนกรรม คือ คิดด้วยความเมตตา หรือ เวลาจะคิดถึงใคร ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่รัก หรือ เป็นศัตรูกันต้องคิดบนพื้นฐานแห่งความรักสากลที่ว่า สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขๆเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
4. ทิฏฐิสามัญญตา มีความเห็นตรงกัน หมายความว่า ประชาชนในชาติ หรือในสังคมแม้จะมีความคิดเห็นแตกต่างกันในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิต ความเชื่อ ศาสนา อุดมการณ์ทางการเมือง การบริโภคใช้สอยสิ่งต่างๆ แต่จุดร่วมที่จะต้องเห็นตรงกันคือ การดำเนินชีวิต หรือ การกระทำใดๆ ต้องไม่ทำลายความสงบทางสังคม ในทางตรงกันข้ามการกระทำใดๆที่ส่งเสริมความสงบของสังคมประเทศชาติและโลกต้องร่วมมือกัน
5. สีลสามัญญตา มีศีลเสมอกัน หมายความว่า ทุกคนเคารพกฎหมายของบ้านเมืองเป็นบรรทัดฐานในการดำเนิชีวิตในฐานะเป็นพลเมืองทั้งที่เกี่ยวข้องกับตนและคนอื่น รัฐต้องหาทางให้ทุกคนได้ปฏิบัติตนตามกฎหมายเพราะกฎหมายคือ เครื่องมือสร้างเอกภาพในความแตกต่างได้เป็นอย่างดี เมื่อรัฐนำกฎหมายมาใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และประชาชนยอมรับการบังคับใช้กฎหมายของรัฐอย่างไม่หลีกเลี่ยง
คุณธรรมเหล่านี้ เป็นรากฐานที่จะทำให้จิตใจ ชีวิต สังคม หรือ แม้แต่โลกจะสงบและแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนให้กลายเป็นโลกเย็นได้ โดยเริ่มทำใจให้เย็น เมื่อใจเย็น การดำเนินชีวิตก็ไม่ไปเบียดเบียนใคร ก็มีชีวิตเย็น เมื่อต่างคนต่างประจักษ์ว่าความเย็นมีคุณค่ามาก็ช่วยกันสร้างครอบครัว สังคม และประเทศชาติของตนให้เย็น เมื่อหลายๆประเทศสงบเย็น ความเปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกร้อนมาสู่โลกเย็นก็จะบังเกิดขึ้น ตามที่ผู้เห็นภัยในโลกร้อนพากันใฝ่ฝัน
เมื่อตระหนักร่วมกันว่า ความสงบ คือ ต้นธารแห่งความสุขดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มีแล้ว มาช่วยร่วมกันสร้างความสงบด้วยพระธรรมกันเถิด แล้วจะพบความสุขแท้มิใช่แต่สุขสันติ์วันปีใหม่เท่านั้น แต่ความสุขนิรันดร์ก็เกิดได้ไม่ไกลเกินเอื้อม
ขอเพื่อนๆที่เคยทุกข์ทนมาแต่ปีเก่า จงก้าวผ่านพ้นวันเวลาแห่งความยากลำบาก สู่วันเวลาแห่งความสุขสดชื่นโดยทั่วกันเถิด
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple