วัดพุทธปัญญา

บทความ\7 ปีกริฟฟิตพาร์ค

7 ปีกริฟฟิตพาร์ค

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2552 เป็นวันที่ฝนตกลงมาอย่างหนักทั่วบริเวณพื้นที่ลอสแอนเจลิสและบริเวณใกล้เคียง ตามคำพยากรณ์อากาศที่ติดตามได้ทางเว็บไซด์และสถานีข่าวโทรทัศน์โดยทั่วไป บริเวณกริฟฟิตพาร์คที่เคยทำกิจกรรมฟังธรรมในวันเสาร์ก็เปียกแฉะไปหมด ริมถนนที่ออกแบบไว้เป็นที่ระบายน้ำยามฝนตก ก็มีน้ำไหลเชี่ยวกรากคล้ายๆลำธารน้อยๆ เพราะฝนตกหนักติดต่อกันมาเกือบทั้งสัปดาห์

ชุมชนคนรักธรรมที่รักการฟังธรรมเป็นชีวิตจิตใจที่ตั้งใจกันอย่างแน่วแน่ว่า แม้ฝนจะตกหนัก มีน้ำหลากริมถนนประดุจน้ำป่า หนทางสัญจรและสถานที่ทำกิจกรรมจะเปียกแฉะเพียงใด แต่นักฟังธรรมใจเพชรเหล่านี้ก็ไม่เคยหวั่นหรือย่อท้อแต่ประการใด พระสงฆ์ที่เกาะติดกิจกรรมการฟังธรรมมาเป็นเวลานานก็ไม่เคยหยุดเช่นกัน ตั้งใจว่า แม้เดินทางถึงกริฟฟิตพาร์คแล้ว ไม่มีใครจะมาเลยแม้แต่คนเดียวก็จะต้องไปให้ได้ แม้มิได้ทำกิจกรรมใดๆอย่างวันก่อนๆก็จะฉันอาหารแล้วเดินทางกลับก็ถือว่าได้ทำกิจกรรมประจำวันเสาร์อย่างสมบูรณ์แล้ว

ตามปกติถ้าฝนไม่ตกหนักเปียกแฉะแบบนี้ จะไปทำกิจกรรมกันตรงทางขึ้นหอดูดาว บริเวณที่มีลานจอดรถกว้างขวางที่สุดในสวนสาธารณะแห่งนี้ทีเดียว แต่เนื่องจากฝนตกหนักดินบริเวณนั้นแปรสภาพเป็นโคลนโดยทั่วไป ไม่มีที่มุงบังเลยแม้แต่น้อย คณะอุบาสกอุบาสิกาที่ไปทำกิจกรรมเช้าที่สุดอันประกอบไปด้วย คุณเพ็ญสุข คุณนพรัตน์ คุณจวน คุณณรงค์ คุณนิกิ คุณนคร จึงตัดสินใจกันว่า กลับมาใช้สถานที่ที่เคยใช้ทำกิจกรรมของชุมชนคนรักธรรมดีกว่า เพราะตรงนั้น ระยะใกล้กว่าสถานที่ทำกันอยู่โดยปกติและข้อสำคัญคือมีที่มุงบังด้วย แม้ที่มุงบังนั้นจะเต็มไปด้วยรูรั่วและฝนสาดทำให้น้ำชุ่มฉ่ำไปโดยทั่วก็ตาม แต่พื้นเป็นคอนกรีดยืนได้ไม่เละเหมือนที่อื่นๆ แม้เวลาเดินขึ้นจะเป็นเนินสูง แต่ก็พอจะเดินกันขึ้นได้อย่างสบายแม้ทุกคนล้วนเป็นหนุ่มน้อย สาวน้อย แต่ก็เข้มแข็งทั้งกายและใจด้วยกันทุกคน

จำได้ดีว่า การเริ่มต้นของการเผยแผ่ธรรมะท่ามกลางสวนธรรมชาติแห่งนี้เริ่มมต้นเมื่อ เดือนธันวาคม 2545 หลังวันที่ 5 ธันวาคม หนึ่งอาทิตย์ ซึ่งปีนี้ทำกิจกรรมติดต่อกันมาเป็นเวลา 7 ปี ด้วยผู้ใคร่ธรรมเพียงไม่ถึงสิบคนและเดินทางตามกาลเวลาเรื่อยมาเผลอเดี๋ยวเดียว ผ่านไป 7 ปี การใช้เวลาทุกนาที ทุกชั่วโมงให้หมดไปกับงาน เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้ชุมชนคนรักธรรมเป็นกลุ่มคนไทยที่รวมกลุ่มกันเฉพาะวันเสาร์โดยใช้เวลาเพียงสามถึงสี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ชุมชนคนรักธรรมจับกลุ่มกันแน่นด้วยน้ำใจโดยไม่มีการบริหารจัดการในรูปองค์กรแต่ประการใด ไม่มีผู้นำและไม่มีผู้ตาม ถือคติว่า ทุกคนมีวุฒิภาวะสูง ไม่ต้องมีใครชักจูงใครหรือสั่งการใคร แต่เดินไปพร้อมๆกัน แต่การกระทำที่ล้วนแต่เป็นการละความเห็นแก่ตัวที่สมาชิกทุกคนแสดงออกมานั่นเกิดจากความเมตตากรุณาที่หลั่งออกมาจากใจของทุกคน

แม้คาดคะเนว่า ฝนตกหนักขนาดนี้ไม่น่าจะมีใครมาร่วมกิจกรรมได้แน่ แม้ว่าจะมีก็คงไม่เกินห้าคนที่เป็นแกนนำจริงๆเท่านั้น แต่น้ำใจของพี่น้องชุมชนคนรักธรรมยิ่งใหญ่กว่าน้ำฝน พอถึงเวลา ก็มีสมาชิกมาร่วมทำกิจกรรมกันถึง 19 คน ในสถานการณ์อย่างนี้นับได้ว่ามากทีเดียว

แม้สถานที่ที่เราจะใช้ในวันนี้จะมีหลังคา แต่ฝนสาดและหลังคารั่วหลายช่องทำให้บริเวณนั้นเปียกแฉะแม้ทางวัดพุทธปัญญาจะเตรียมเสื่อมาปู แต่ไม่สามารถจหาที่ปูได้เลย ใต้หลังคาศาลาหลังน้อยตรงนั้น มีม้าหินชนิดติดกับพื้นอย่างถาวรตัวหนึ่ง ใช้เป็นที่ตั้งอาหาร สิ่งของต่างๆที่มีมาเพื่อใช้งานตามปกติ ก็วางบริเวณขอบกำแพงกั้นดินที่มีอยู่รอบๆท่ามกลางสายฝนโปรยปรายที่ตกมาอย่างไม่ต้องลืมหูลืมตา

แม้ทุกคนต้องเผชิญกับความหนาว และหาความสะดวกไม่พบเลยแม้น้อยนิด ก็ยังมีท่าทางแจ่มใส สดชื่นเบิกบาน ไม่มีควาทุกข์หงุดหงิดหรือเศร้าหมองแต่ประการใด เพราะคนที่มาร่วมทุกคน ต่างมีความจริงใจ เต็มใจ และตั้งใจมาร่วมกันอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างแท้จริง

เมื่อจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยท่ามกลางสถานการณ์ที่แสนจะคับขันให้พอผ่านพ้นได้แล้ว จึงเดินเข้ามาล้อมวงใกล้ๆโต๊ะอาหาร พระสงฆ์ยืนแสดงธรรม พุทธศาสนิกชนทั้งหลายยืนฟังธรรมเพื่อให้ได้กิจกรรมสมบูรณ์ตามที่เคยจัดมาเป็นประจำ

การแสดงธรรมวันนี้ได้เลือกหัวข้อธรรมสำคัญที่พระพุทธเจ้าได้แสดงไว้ในโอวาทปาฏิโมกข์ว่า ขันติ ปรมัง ตโป ตีติกขา แปลว่า ความอดทน เป็นธรรมเครื่องเผากิเลส อย่างยิ่ง

ความอดทนมีสามอย่างคือ ทนลำบาก ทนตรากตรำ และทนเจ็บใจ

ทนลำบากได้แก่ความอทนต่อสถานการณ์ที่ไม่มีความสะดวก เช่น ต้องเดินไปทำงานในที่ไกลๆไม่มียานพาหนะ หรือ แม้จะมีรถเมล์ผ่าน แต่นานๆจะผ่านมาสักคัน แม้ว่าผ่านมาแล้วก็มีผู้โดยสารเต็ม ต้องนั่งกันไปในสภาพที่แออัดยัดเยียดอยู่เป็นประจำ ต้องอยู่หรือทำงานกันท่ามกลางมลพิษที่เสียงต่อความป่วยไข้ หรือ ความตาย แม้จะต้องลำบากเหน็ดเหนื่อยฝ่าฟันอุปสรรคเท่าไรก็ไม่ย่อท้อ

ทนตรากตรำ คือ ความอดทน แต่ดินฟ้าอากาศที่หนาวจัด ร้อนจัด ต้องเดินทางหรือทำงานท่ามกลางความร้อนความหนาวอยู่เป็นนิจ เช่น ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ทำงานกลางแดดกลางฝน ทนร้อน ทนหนาวชั่วนาตาปีไม่เคยท้อไม่เคยหวั่น หรือ คนที่ทำงานดูแลถนนหนทางในประทเศสหรัฐอเมริกาหรือในประเทศที่หิมะตกจัดหนาวจัด ร้อนจัดไม่เคยอบอุ่นพอดี แต่สามารถตรากตรำทำงานอำนวยความสะดวกให้ผ่านพ้นไปด้วยดีจนเกษียณอายุ บุคคลเหล่านี้ก็ได้ชื่อว่า ทำงานอยู่ได้เพราะปฏิบัติ ขันติ คือ ความอดทน

วันนี้พี่น้องชุมชนคนรักธรรมก็ได้ปฏิบัติขันติธรรมในข้อที่ทนลำบาก และทนตรากตรำได้อย่างน่าภาคภูมิใจ การกระทำอย่างนี้เป็นการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องตรงตามธรรมปฏิบัติทุกประการ ขอให้ทุกคนภาคภูมิใจและมีกำลังใจในการปฏิบัติธรรมในส่วนอื่นๆให้มากขึ้นๆเพราะพวกเราเรียกตัวเองว่า ชุมชนคนรักธรรม

ส่วนการทนเจ็บใจนั้น หมายถึง ความอดทนต่อเมื่อเผชิญ กับบุคคล สถานการณ์ หรือ สิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ที่ผ่านเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ สถานการณ์หรือ คนบางคนไม่ได้มาตบมาตีแต่แค่รับข่าวคราวของเขามาก็ทำให้เจ็บใจได้ เพราะไปโกรธหรือไปเกลียดเขา ถ้าไม่ระวังใจให้ดีปล่อยใจไปเกลียดคนโน้นทีคนนี้ที จะพบกับความเจ็บใจได้ง่ายๆ เข้าตำรา แกว่งใจหาทุกข์

การปฏิบัติความอดทนในข้อที่ทนเจ็บใจนั้น ต้องมองสิ่งทั้งหลายทั้งส่วนที่พึงปรารถนาและไม่พึงปรารถนาว่า เป็นเพียงปรากฏการณ์ที่ปรากฏขึ้นเพียงชั่วชณะและสลายไป ไม่เที่ยงแท้ถาวรแต่ประการใด เกิดขึ้นในเบื้องต้นแปรปรวนในท่ามกลางและสลายไปในที่สุด เหมือนท้องฟ้าที่บริสุทธิ์เป็นสีครามอยู่ตามปกติ แต่พอมีเมฆเข้ามาบังคราวใดก็เศร้าหมองไปชั่วขณะ เมื่อเมฆหมอกผ่านไปฟ้าก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม

ใจจึงเป็นเรื่องที่จะต้องรักษาให้สงบเป็นปกติเมื่อต้องรับรู้เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา เข้าไปรับรู้เต็มที่แต่อย่าให้เรื่องเหล่านั้นชนหัวใจให้หวั่นไหวและเจ็บปวด เหมือนเรายืนมองดูรถรานานาชนิดที่ผ่านมาและผ่านไปได้แต่ต้องระวังรถชนบาดเจ็บล้มตายเท่านั้น เราอนุญาตให้ใจรับรู้ได้แต่รู้อะไรโดยวิธีใด จึงจะไม่เจ็บปวด ต้องใช้ธรรมะในข้อที่ว่า ผู้ใดจะระวังจิต ผู้นั้นจะพ้นจากบ่วงแห่งมาร เผลอปล่อยใจให้เข้าบ่วงมารเมื่อไรถูกบ่วงรัดเจ็บใจทุกที

บ่วงมารก็มีมากมายแต่ที่ร้ายสุดๆก็คือ ราคะ ความลุ่มหลงเข้าใจว่า สิ่งนั้นๆสวยงาม น่ารัก น่าใคร่ น่าพอใจ เมื่อหลงมากๆไม่ได้มาครอบครัวเป็นเจ้าของ หรือไม่ได้ดู ไม่ฟัง ไม่ได้ดมกลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส ไม่ได้สัมผัสจับต้อง มีเพียงจิตนาพร่ำเพ้อ นานไปก็จะลงท้ายด้วยความเจ็บใจ

บ่วงมารคือ โลภะ ความอยากได้ของของคนอื่น หรือ สิ่งอื่นๆที่ตนเองไม่มี สิ่งนั้นๆมีทั้ง ลาภ ยศ สรรเสริญ และความสุขทางเนื้อหนัง ทรัพย์สินเงินทองชื่อเสียงเกียรติยศที่ไม่รู้จักสิ้นจักพอ เมื่ออยากได้สิ่งใดได้มาน้อย หรือไม่ได้เลย ลงท้ายด้วยความเจ็บใจ เคยมีตำแหน่งใหญ่โตในที่แห่งใดแห่งหนึ่งแต่ถึงคราวต้องพลัดพรากจากไป ก็โหยหาอาวร เจ็บใจไม่รู้สร่างซา

บ่วงมาร คือ โมหะ ลุ่มหลงในวัตถุ สิ่งของ เงินทองที่ตนได้มาอย่างไม่ลืมหูลืมตา สิ่งใดที่ตนเชื่อว่า จะช่วยให้ตนเอง มีทรัพย์สินเงินทองสิ่งของมากขึ้น ร่ำรวยมากขึ้น แม้จะเป็นเรื่องลึกลับ รู้เห็นไม่ได้ ก็จะลุ่มหลงต่อสิ่งนั้นๆ แต่หากหลงมากๆไม่สมปรารถนา ความเจ็บใจก็ดักรออยู่ตลอดทาง

การอดทนต่อความเจ็บใจ จึงเพียงทำใจให้รู้แล้วส่งผ่านหรือปล่อยให้หายไปตามธรรมชาติไม่เก็บมาครุ่นคิดให้เป็นหนามตำใจ ก็จะมีชีวิตอยู่อย่างไม่เจ็บใจ

สิ่งที่ทั้งพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวชุมชนคนรักธรรมภูมิใจกับกิจกรรมการฟังธรรมที่สวนสาธารณะอันร่มรื่นด้วยแมกไม้นี้ ก็คือ การได้ตระหนักตามที่หลวงพ่อพุทธทาสได้พูดเสมอว่า พระพุทธเจ้า ประสูติกลางดิน ตรัสรู้กลางดิน และนิพพานกลางดิน เมื่อพวกเราได้มาทำกิจกรรมฟังธรรมกลางดิน ก็ภูมิใจว่าได้มาเดินตามรอยบาทองค์พระศาสดาของเราอย่างใกล้ชิด พวกเราจึงมีจิตสดชื่นเบิกบานได้ง่ายแม้บางครั้งเช่นวันนี้จะไม่สะดวกนักก็ตาม

ความไม่สะดวกเป็นเรื่องภายใน ก็จัดการกันไปตามความเหมาะสมแต่เมื่อใจของเราไม่มีน้ำคือ กิเลสห่อหุ้ม ครอบคลุม โล่งโปร่งสบายใจก็จะไม่ลำบาก มีปัญหาอะไรก็แก้กันไปให้ถูกต้อง ถูกที่ ถูกทาง ก็จะปลอดโปร่งโล่งสบาย

เมื่อพวกเราระลึกว่า พระพุทธเจ้า ประสูติใต้ต้นไม้ ตรัสรู้ใต้ต้นไม้และปรินิพพานใต้ต้นไม้ คือ พระพุทธเจ้าประสูติใต้นต้นสาละ ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ และปรินิพพานใต้ต้นนางรังทั้งคู่ ก็อิ่มใจปลาบปลื้มว่า พวกเรามาฟังธรรมใต้ต้นไม้ทุกวันเสาร์ได้เข้าใกล้สถานที่ที่พระบรมศาสดาของเราได้ใช้สอยทำกิจกรรมสำคัญจนตลอดพระชนมชีพ

มองการทำกิจกรรมผ่านมิติทางสุขภาพ สมาชิกของชุมชนคนรักธรรมทุกคนล้วนได้มารับอากาศดี บิรสุทธิ์ ได้รับแสงแดดอุ่นๆยามเช้าในวันที่แสงแดดส่อง ซึ่งมักจะได้รับกันตลอดปี กิจกรรมที่มาร่วมกันกระทำกลางแจ้งนี้ล้วนต้องเดินอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาเดินไปห้องน้ำของสวนสาธรณะที่ตั้งอยู่ไกลประมาณเกือบห้าร้อยเมตร ต้องเดินทั้งไปทั้งกลับ เวลาเดิน ใครจะเดินขึ้นเนิน หรือ เดินที่ราบก็เลือกได้ตามอัธยาศัย ใครออกมาร่วมกิจกรรมล้วนมีโอกาสออกกำลังกายไม่มากก็น้อย

ชุมชนคนรักธรรมจับกลุ่มกันเป็นชุมชนด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยเมตตากรุณา ไม่มีผลประโยชน์ใดๆแอบแฝงต่างคนต่างมาศึกษาและปฏิบัติธรรม ภายในบรรยากาศธรรมชาติเพื่อรำลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในสมัยอดีตครั้งยังทรงพระชนมอยู่แล้วจิตใจก็บริสุทธิ์เกลี้ยงเกลา จึงไม่มีความขัดแย้งใดๆ ใครได้มาร่วมก็มีเพียงมิตรภาพที่จะหยิบยื่นให้แก่กันอย่างจริงใจ

อย่างไรก็ตามคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลอดเวลา 7 ปี ที่ผ่านมาก็มีมิตรสหายจำนวนไม่น้อยที่เดินผ่านมาเยี่ยมเยือน เมื่อร่วมกิจกรรมกันแล้วเห็นว่า ชุมชนแห่งนี้คงตอบปัญหาคาใจหรือสนองตอบสิ่งที่ตนเองปรารถนาไม่ได้เพราะมีแต่เรื่องการฟังธรรม สนทนาธรรม ซึ่งธรรมะในรูปแบบนี้อาจจะไม่ต้องอัธยาศัยของตนนัก หรือมีแต่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันด้วยความใจกว้าง อย่างกว้างขวางครอบคลุมทุกเรื่อง แต่อาจจะไม่ตรงใจ ก็จากไปด้วยอาการสงบ เป็นการคัดสรรค์ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตามธรรมชาติ

ชุมชนคนรักธรรม ขอบคุณและเห็นคุณค่าของทุกคนที่ผ่านมาเยือนหากวันใดระลึกถึงจะกลับมาเยี่ยมเยือนกันอีกก็ยินดีต้อนรับเสมอ ตามคติที่ว่า ยังคอยๆเธออยู่ทุกลมหายใจ รักเธอแค่ไหนใจคงจะรู้

มองในมิติสิ่งแวดล้อม ชุมชนคนรักธรรมก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่ได้ลงมือปฏิบัติในเรื่องสิ่งแวดลอ้มอย่างเป็นรูปธรรม ก็เพราะซาบซึ้งเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เราจึงออกจากบ้าน ออกจากวัด มาอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เป็นการกลับไปหาเส้นทางเดิมอันเป็นสันติสุขแท้ของมวลมนุษยชาติ

หากจะมองให้ทันสมัยตามค่านิยมสมัยใหม่ เรื่องการลดภาวะโลกร้อน ชุมชนคนรักธรรมก็ได้ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและการสร้างจิตสำนึกแห่งการทำความสะอาดโลก ด้วยการจัดโครงการรักโลก รักน้องขึ้นมา ด้วยการที่สมาชิกของชุมชนคนรักธรรม พบขวดหรือกระป๋องพลาสติกที่ไหนก็รี่เข้าไปเก็บทันที เป็นการสร้างจิตสำนึกทำความสะอาดให้บ้านเมืองและช่วยกันลดมลพิษให้โลก เมื่อมลพิษในโลกลดน้อยลง สภาวะโลกร้อนก็ลดลงเช่นเดียวกัน

การช่วยลดภาวะโลกร้อน ทำได้ง่ายๆเพียงแค่หยิบขวดพลาสติก หรือ กระป๋องที่ตกเรี่ยราดอยู่ตามถนนหนทาง หรือ เก็บขวดน้ำที่ดื่มแล้วไปจำหน่ายตามศูนย์รับซื้อสิ่งของที่ใช้แล้ว ขยันใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้และนำกลับมาใช้ใหม่ในชีวิตประจำวันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หากทำกันทุกคนทำกันทุกวัน โลกก็จะเย็นลง

ชุมชนคนรักธรรมมีจิตสำนึกในการรักสิ่งแวดล้อมและช่วยกันปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมแล้วนำเอาวัสดุเช่นขวดพลาสติกหรือกระป๋องเหล่านี้ไปจำหน่ายนำไปช่วยเหลือค่าอาหารกลางวัน เด็กๆที่ขาดแคลนตามโรงเรียนในถิ่นกันดารหลายแห่งในประเทศไทย หรือนำไปถวายแก่วัดในต่างจังหวัดให้จัดอาหารเพลแก่พระภ-ิกษุสามเณรจำนวนมากที่พำนักเพื่อการศึกษาพระปิรยัติธรรม ช่วยสร้างห้องสมุดให้เด็กที่ขาดแคลนได้มีหนังสืออ่านอย่างพอเพียง ดังที่เด็กๆกลุ่มหนึ่งได้กล่าวคำที่กินใจว่า ได้ช่วยกันแปลงขยะให้เป็นดอกไม้

ในมิติทางเลือกที่เสรีจากกระแสหลัก ก็ค้นพบว่า การศึกษา ปฏิบัติและเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เน้นศาสนธรรมเป็นแกนกลางนั้น เป็นสิ่งที่กระทำได้ไม่ยาก ไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ต้องไหลตามกระแสของวัตถุนิยมและทุนนิยมอย่างบ้าคลั่ง มีเพียงสวนสาธารณะที่เป็นธรรมชาติร่มรื่น มีผู้เผยแผ่ธรรมที่ตั้งใจและจริงใจจริงจังต่อเนื่อง มีผู้ฟังที่มีสติปัญญา มีศรัทธา ที่หนักแน่นมั่นคง ก็ช่วยกันหมุนกงล้อธรรมจักรฝ่ายเปลวร้อนแห่งทุนนิยมและวัตถุนิยมที่เร่าร้อนไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ทุกครั้งที่มาทำกิจกรรมที่กริฟฟิตพาร์คก็ให้หวนระลึกปณิธานข้อหนึ่งของหลวงพ่อพุทธทาสที่ว่า ออกมาเสียจากอำนาจของวัตถุนิยม การทำกิจกรรมในเรื่องศาสนธรรมเช่นนี้ก็ถือได้ว่า ได้สืบสานปณิธานของหลวงพ่อพุทธทาสอย่างทรงความหมาย ดังที่ชาวชุมชนคนรักธรรมได้ร่วมกันจัดงานรำลึกพุทธทาส 100 ปีที่กริฟฟิตพาร์คนี้เอง วันนั้นจำได้ว่ามีคนมาร่วมงานถึงสี่ร้อยกว่าคน

หากชุมชนคนรักธรรมร่วมกิจกรรมนี้ด้วยความหวังว่า เราจะเดินตามรอยบาทของพระบรมศาสดาผู้ถือกำเนิดท่ามกลางสิ่งแวดลอ้มที่เป็นธรรมชาติ ตรัสรู้ท่ามกลางสิ่งแวดลอ้มที่เป็นธรรมชาติ และปรินิพพานท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ พวกเราทุกคนสามารถเดินตามได้อย่างเต็มอกเต็มใจ

เมื่อแสดงธรรมเสร็จแล้ว ทุกคนยืนกล่าวคำถวายทายทาน พระสงฆ์ยืนรับอาหารแล้วให้พร รับอาหารใส่จานกระดาษแล้ว กึ่งนั่งกึ่งยืนพิงผนังกั้นน้ำฉันอาหาร และเชิญชวนพุทธศาสนิกชนรับประทานอาหารท่ามกลางสายฝนอันชุมฉ่ำ ด้วยความสดใสร่าเริงเบิกบาน เป็นอันว่างานฉลองครบรอบเจ็ดปีของชุมชนคนรักธรรมจบลงด้วยความอิ่มหนำชุ่มฉ่ำกันทั่วหน้า แล้วมาพบกันอีกทุกวันเสาร์เพื่อเดินตามรอยบาทพระบรมศาสดา เพื่อความก้าวหน้าแห่งชีวิต เพื่อดวงจิตที่สงบเพราะได้พบความจริงตามธรรมชาติอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple