วัดพุทธปัญญา

บทความ\เยือนเพื่อนทุกข์ ตอนที่ 4 แรงอธิษฐาน

เยือนเพื่อนทุกข์ ตอนที่ 4 แรงอธิษฐาน

เมื่อผ่านการตรวจของหน่วยรักษาความปลอดภัยและผ่านประตูต่างๆแล้ว ท่านอิหม่ามได้นิมนต์ให้ไปนั่งรอในห้องทำงานก่อน ส่วนท่านอิหม่ามเองได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ที่จะนำนักโทษจากแดนต่างๆเข้ามาฟังธรรมที่ห้องศาสนธรรม ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับห้องทำงานของท่านอิหม่ามนั่นเอง

ก่อนเวลาที่นักโทษจะมาฟังธรรม ก็นึกภาพไม่ออกว่า หน้าตานักโทษจะเป็นอย่างไร หน้ากลัวหน้าเกรงขามแค่ไหน จะแสดงธรรมให้ฟังได้หรือไม่ จะสื่อสารกันรู้เรื่องไหม พวกเขาสนใจจะฟังธรรมแค่ไหน ล้วนแต่เป็นเรื่องที่สุดคาดเดาเพราะไม่เคยมีประสบการณ์แสดงธรรมแก่ผู้ต้องขังในประเทศสหรัฐอเมริกามาก่อนเลย

ขณะที่นั่งคิดไปต่างๆนานานั้น พลันเสียงโซ่ตรวนกระทบกันก็ดังขึ้น โพล้งเพล้ง ยิ่งทำให้คิดแล้วน่ากลัวมากขึ้นเพราะเสียงโซ่ตรวนที่พันธนาการดังขนาดนั้น น่าจะต้อง เป็นนักโทษฉกรรจ์หรือเด็ดขาดเป็นแน่ คิดในใจด้วยความหวาดวิตกว่า เอ แล้วกูจะเทศน์กับมันได้หรือเปล่านะนี่

เสียงโซ่ตรวนผสมเสียงเดินของมนุษย์ใกล้เข้ามา ไม่ช้าเจ้าของเสียงก็โผล่ออกมา เจ้าของเสียงนั้นกลายเป็นผู้คุมร่างใหญ่ เสียงโซ่นั้นมาจากสายโซ่ที่รัดไว้กับเข็มขัดเส้นย่อมๆ ตามข้อของโซ่ก็มีกุญแจพวงใหญ่ห้อยระโยงระยางอยู่หลายพวง เวลาเดินไปไหนสายโซ่กระทบกับกุญแจดังได้ยินไปไกลทำให้คิดว่า น่าจะเป็นโซ่ตรวนของนักโทษ แต่พอเห็นเข้าจริงๆกลายเป็นโซ่ห้อยพวงกุญแจของผู้คุม เหอ โล่งใจไปหน่อย

ตามตารางการอบรมที่ท่านอิหม่ามจัดไว้ เวลาหนึ่งทุ่มเป็นการอบรมผู้ต้องขังหญิงไปจนถึงเวลา สองทุ่ม จากนนั้นก็จะอบรมผู้ต้องขังชายต่อไปจนถึงสามทุ่มจึงเสร็จสิ้นการอบรมตามที่ได้กำหนดไว้

เวลาประมาณสิบแปดนาฬิกาห้าสิบนาที ท่านอิหม่ามได้เดินทางขึ้นไปชั้นบนเพื่อรับผู้ต้องขังหญิงมารับการอบรม ท่านอิหม่ามเดินนำหน้า ผู้ต้องขังหญิงสวมกางเกงกากีขายาว สวมเสื้อคอกลม ชายเสื้อใส่ในกางเกงเรียบร้อย เมื่อเข้ามาในห้องก็เลือกที่นั่งบนเก้าอี้และบนพื้นตามถนัดอย่างเป็นระเบียบ มองด้วยสายตาธรรมดา ถ้าไม่บอกว่า เป็นผู้ต้องขังก็จะไม่รู้เพราะการแต่งตัวเรียบร้อย คล้ายจะเป็นเจ้าหน้าที่เสียด้วยซ้ำไป

ในห้องศาสนธรรม ท่านอิหม่ามให้ผู้ต้องขังชาวอเมริกันที่เคยมาอยู่เมืองไทยเป็นผู้จัดแท่นบูชา มีตู้ใส่พระพุทธรูปเปิดปิดได้ นำตู้พระพุทธรูปออกมาวางเปิดประตูตู้ออก บนโต๊ะหมู่ปูด้วยผ้าแพรสวยงาม วางธูปและเทียนไว้หน้าพระพุทธรูป บริเวณใกล้ๆกับห้องศาสนธรรมนั้น มีหนังสือธรรมะเรียงรายอยู่หลายเล่ม ที่ผู้ต้องขังสามารถนำมาอ่านได้ตามสะดวก

ฉันนำหนังสือ ธรรมะภาคภาษาอังกฤษเรื่อง Buddhism in current event ไปจำนวนห้าเล่ม โดยตั้งใจไว้ว่าจะนำไปมอบแก่ห้องสมุดเพื่อให้ผู้ต้องขังได้ยืมอ่านกันเป็นครั้งคราว แต่พอนำไปวางเท่านั้นเอง ผู้ต้องขังหญิงสี่ห้าคนคว้าไปอ่านทันทีด้วยแววตาและท่าทางที่หิวกระหายอยากรู้ข้อมูลภายในเล่มว่า เป็นอย่างไร

ฉันเป็นคนเขียนหนังสือขึ้นมาเอง พิมพ์เองและแจกเอง อดภูมิใจไม่ได้ว่า ความฝันที่จะได้เผยแผ่ธรรมะกับเพื่อนมนุษย์ต่างภาษาเป็นจริงแล้ว ภาษาอังกฤษของฉันที่เรียนมาแบบกระปริดกระปรอย กระท่อนกระแท่นด้วยความขาดแคลนที่เรียกกันว่า งูๆปลาๆ สามารถสื่อถึงเพื่อนมนุษย์ที่อยู่คนละมิติและอยู่คนละภาษาเข้าใจกันได้แล้ว

ผู้ต้องหาหญิงที่เข้ามาร่วมฟังธรรมสิบกว่าคนล้วนมีทีท่าเป็นมิตร สายตาทุกคู่อ่อนโยน ไม่มีวี่แววของผู้ดุร้ายให้เห็นเลยแม้แต่น้อย คนติดคุกไม่จำเป็นต้องดุร้ายเสมอไป แต่บางทีอาจจะติดคุกด้วเงื่อนไขบางประการที่ถูกเล่ห์กลของเพื่อนมนุษย์หลอกลวงฉ้อฉลแล้วติดคุกฟรีก็มีไม่น้อย

ผู้ต้องขังหญิงส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกัน มีชาวลาวสองคน พูดไทยได้ คนหนึ่งมีอายุประมาณสามสิบกว่าปี อีกคนหนึ่ง อายุประมาณห้าสิบกว่าปี ร่างกายอ้วนถ้วนสมบูรณ์หน้าตาอิ่มเอิบ

พอเข้ามาถึงห้องฟังธรรมทั้งสองคนก็รี่เข้ามานั่งคุกเข่าข้างหน้า กราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ปลาบปลื้มน้ำตาซึม ถามว่า เป็นอย่างไรบ้าง สตรีอายุวัยห้าสิบกว่าคนนั้นก็บอกว่า ท่านมาตามแรงอธิษฐานของแม่ออกแล้ว

ฉันถามว่า แม่ออกอธิษฐานใจไว้อย่างไรหรือ

เธอตอบว่า ตั้งแต่แม่ออกมาติดคุกเก้าเดือน ทุกค่ำเช้าเข้านอนแม่ออกไม่คิด ไม่หวังอะไรมาก นอกจากอยากพบพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาสักครั้งหนึ่ง อยากฟังธรรมอยากไหว้พระ อยากทำสมาธิ

เธอละล่ำละลักด้วยความปลาบปลื้มอย่างเห็นได้ชัด แล้วเธอเสริมต่อว่า ท่านรู้ไหม วันนี้แม่ออกโชคดีสองชั้น

ฉันถามว่า โชคดีอย่างไรหรือ

เธอตอบว่า แม่ออกได้พบพระสงฆ์ตามแรงอธิษฐานก็เป็นโชคชั้นที่หนึ่ง เมื่อแม่ออกได้พบท่าน ซึ่งเป็นพระที่แม่ออกเคยติดตามชมราบการคนรักธรรมทาง NatTv เป็นประจำ ไม่เคยนึกเคยฝันเลยว่าจะได้พบท่านตัวเป็นๆ

ฉันเสริมว่า ในทีวีก็ตัวเป็นเป็นเหมือนกันนะแม่ออก

แม่ออกยืนยันว่า ก็ไม่เหมือนพบตัวเป็นๆจริงๆอย่างนี้หรอกเจ้าค่ะ

ขอโทษนะ แม่ออกต้องมาอยู่ในที่นี้ด้วยคดีอะไร ฉันถือโอกาสถามด้วยความอยากรู้

แม่ออกตอบว่า ก็เรื่องการเงินเจ้าค่ะ

ฉันถามแค่นั้น เพราะถ้าถามมากอาจจะฟื้นรอยร้าวในหัวใจขึ้นมาโดยไม่จำเป็น ส่วนแม่ออกอีกคนหนึ่งอยู่แคนาดาได้ทราบว่ามาติดคุกด้วยคดีการเงินด้วยเหมือนกัน รูปบบคดีจะเป็นอย่างไรถึงต้องเข้าคุก ก็ไม่ได้ซักถามเช่นกัน แม้เธอทั้งสองคนมีทีท่าว่าจะเล่าให้ฟังด้วยความเต็มใจ

ฉันนั่งคุยกับแม่ออกชาวลาวด้วยภาษาไทยทำให้ชาวอเมริกันและเพื่อนๆอีกหลายชาติต้องนั่งฟังตาปริบๆด้วยความไม่เข้าใจ ดูท่าทางพวกเธอสนใจอยากจะสนทนาด้วย ฉันจึงเริ่มเปิดฉากการสนทนาด้วยการกล่าวสวัสดีตอนเย็น ทุกคนก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรภาพ รอยยิ้มแห่งความเมตตาของเพศแม่เหล่านี้เปลี่ยนความรู้สึกวิตกกังวลเป็นความอบอุ่นไปอย่างน่ามหัศจรรย์

ฉันตระหนักอยู่เสมอว่า รอยยิ้มเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักสากล ที่ไม่ต้องแปลความหมายก็รู้ได้ว่า ใครก็ตามที่เผยรอยยิ้มให้กับเรา เขาหรือเธอคนนนั้นต้อนรับเราอย่างอบอุ่นและปลอดภัยในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ แม้แต่รอยยิ้มของคนที่ถูกกักขังหมดอิสรภาพก็ยังมีความอ่อนโยนอบอุ่นเป็นเป็นสัญญลักษณ์แห่งความรักได้ ไม่ต่างจากรอยยิ้มแห่งอิสรชนบนโลกกว้างโดยทั่วไป มาช่วยสร้างวัฒนธรรมมอบรอยยิ้มให้กระจายไปทั่วโลกดีไหม เพื่อนมนุษย์จะได้รับไออุ่นแห่งความสุขที่หาได้ง่ายๆไม่ต้องซื้อหาแต่ประการใด

มีคนเคยกล่าวไว้ที่ไหนสักแห่งหนึ่งก็จำไม่ได้เสียแล้วว่า แกล้งยิ้มยังดีกว่าตั้งใจหน้าบึ้ง หากแกล้งยิ้มบ่อยๆนานไปก็จะยิ้มเก่งไปเอง แต่หน้าบึ้งนี่ซิ ฝึกไปนานๆแล้วจะกลายเป็นคนหน้าบึ้งที่แสดงออกแต่ความทุกข์อยู่เป็นนิจ ไหนๆจะฝึกตนทั้งทีฝึกยิ้มดีกว่าฝึกปั้นหน้ายักษ์เป็นแน่

ติดตามตอนต่อไป

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple