วัดพุทธปัญญา

บทความ\เยือนเพื่อนทุกข์ ตอนที่3 เปิดประตูคุก

เยือนเพื่อนทุกข์ ตอนที่3 เปิดประตูคุก

วันพุธที่ 26 กันยายน 2552 คุณพรเทพ เสรีจิตติมา (คุณปุ๊ย) เจ้าภาพถวายอาหารเพลพระสงฆ์ที่วัดพุทธปัญญาประจำวันพุธติดต่อกันมาหลายปี ได้มาถวายอาหารเพลแก่พระสงฆ์ตามปกติ เมื่อเล่าให้ฟังถึงศาสนกิจใหม่ที่จะเริ่มขึ้นในเย็นวันนั้น คุณปุ๊ยก็อนุโมทนาในกองการกุศลครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง ได้ปวารณาขับรถไปส่งที่ชุมทางย่อยสถานีโพโมนา

เนื่องจากเวลาเหมาะสมที่จะเดินทางออกจากวัดแล้วรอรถบัสไม่นานนักน่าจะเป็นเวลา 14.30 น. เมื่อฉันเพลแล้วยังมีเวลาเขียนบทความและทำภารกิจเร่งด่วนประจำวันได้อีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จึงขอตัวคุณปุ๊ย ไปทำงานก่อน คุณปุ๊ยสนทนาธรรมกับ อาจารย์บุญพิทักษ์จนถึงเลาที่นัดหมายกันไว้

เวลา 14.30 พวกเราออกจากวัดพุทธปัญญา ไปยังสถานีย่อยโพโมนา พอรถจอดให้ลงเท่านั้นเอง รถประจำทางสายตะวันตกที่จะไปแอลเอมาจอดรับผู้โดยสารพอดีในเวลาประมาณ 14.50 น. เมื่อรับผู้โดยสารแล้ว ออกเดินทางภายในห้านาทีหรือบางแห่งเร็วกว่านั้น รถคันนี้เป็นรถด่วนจะจอดตามจุดรับผู้โดยสารที่สำคัญๆเพียงไม่กี่แห่ง ตามเส้นทางที่วิ่งผ่านไปแล้ว จากนั้นขึ้นวิ่งบนทางด่วนในช่องทางสะดวกที่ประชาชนทั่วไปเรียกกันว่า ไดอามอน เลน สำหรับรถโดยสารหรือรถส่วนบุคคลที่นั่งตั้งแต่สองคนขึ้นไป

รถด่วนประจำทางใช้เวลาวิ่งจากสถานีย่อยโพโมนาไปจอดหน้าสถานีชุมทางใหญ่ยูเนียนประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ นับว่าทำเวลาได้ดีเยี่ยม ใกล้เคียงกับเวลาที่เดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคลทีเดียว

เมื่อรถประจำทางวิ่งเร็ว เดินทางสะดวกมาก มีเวลาเหลือก่อนที่จะทำการอบรมผู้ต้องขังอีกสองชั่วโมงกว่า จึงหนีความร้อนจากบริเวณท้องถนนไปนั่งพักห้องพักผู้โดยสารในบริเวณสถานียูเนียนเสียก่อน เพราะช่วงนั้นเป็นเวลาที่อากาศร้อนจัดมาก อีกประการหนึ่ง ท่านอิหม่ามอับดุลก็ได้นัดหมายทางโทรศัทพ์ก่อนออกเดินทางว่า ขอให้รอพบกันตรงที่เดิมที่เราเคยพบกันตรงทางเข้าออกบริเวณชุมทางรถยูเนียนตรงกับที่ขายตั๋วรถแอมเทร็ก เวลาระหว่าง 17.00-17.30 จะได้มารับเดินทางเข้าไปเรือนจำเมโทรโปลิแตน ดีเทนชั่น เซ็นเตอร์ บนถนนอลามีด้า ใกล้ฟรีเวย์ 101 ในดาวน์ทาวน์ลอส แอนเจลิสที่ตรงข้ามกับยูเนียนสเตชั่น

เนื่องจากเวลายังเหลืออีกนานจึงเดินชมบริเวณอาคารพักผู้โดยสารของชุมทางใหญ่ยูเนียนที่กว้างใหญ่ไพศาลบรรจุผู้โดยสารที่รอการเดินทางไปส่วนต่างๆของประเทศสหรัฐอเมริกาได้เป็นจำนวนหลายพันคน เป็นอาคารโบราณที่โล่งโปร่ง ลมพัดล่องได้สะดวกทางหน้าต่างและประตูบานใหญ่ เย็นสบาย มีเก้าอี้ไม้ที่มีพนักสูงไว้ให้ผู้โดยสารนั่งหรือจะเอนตัวงีบหลับเพราะรอรถไฟหรือรถยนต์นานเกินไปก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

บริเวณใกล้ๆที่พักผู้โดยสารมีน้ำดื่มและอาหารว่างหรืออาหารมื้อใหญ่ ชา กาแฟ ขายแก่ผู้โดยสารอย่างอุดมสมบูรณ์ หิวหรือกระหายเมื่อไร เข้าไปซื้อหาได้อย่างสะดวกสบาย ภายนอกสถานีรถไฟเป็นสวนหย่อมหญ้และอดกไม้ได้รับการดูแลตัดแต่งเป็นอย่างดี มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาบังแดดได้เป็นอย่างดี เวลาเข้าไปนั่งเล่นบนเก้าอี้ใต้ต้นไม้ จะรู้สึกเย็นสบาย ใกล้ๆส่วนหย่อมนั้นมีน้ำตกเล็กๆที่ทำขึ้นมาสร้างบรรยากาศแห่งความชุ่มชื่นอยู่แห่งหนึ่ง มีที่นั่งเล่นรับไอน้ำที่กระเซ็นเป็นฝอยและฟังเสียงน้ำตกได้อย่างผ่อนคลาย

นกตัวเล็กๆและนกพิราบบินมาเกาะบนต้นไม้บริเวณนั้นส่งเสียงเจี้ยวจ้าวจอแจอย่างเพลิดเพลิน เมื่อเดินสำรวจบริเวณชุมทางแห่งนี้จนเป็นที่สบายอกสบายใจแล้วได้เดินกลับไปนั่งพักในห้องพักผู้โดยสาร แม้จะไม่ติดแอร์แต่อากาศเย็นสบายเพราะตัวอาคารถูกออกแบบให้เพดานสูง หลังคาโปร่ง ใช้ไม้โอ๊คหรือไม้เนื้อดีอื่นๆเป็นวัสดุที่ดูแล้วสวยงาม มองไปด้านไหนรู้สึกขรึมขลังและคลาสิคจริงๆ อาคารนี้คงมีอายุหลายสิบปีหรือ อาจจะถึงร้อยปีทีเดียว แม้จะมีร่องรอยแห่งการปรับปรุงเครื่องใช้ให้ทันสมัยขึ้นแต่ไม่ทำลายความงามแบบคลาสิคลงไปได้

เวลาประมาณบ่ายห้าโมงกว่า ท่านอิหม่ามอับดุลก็เดินยิ้มมาแต่ไกล กล่าวทักทายจับไม้จับมือด้วยไมตรีที่อบอุ่นยิ่ง แสดงออกถึงความเป็นนักการศาสนาที่มีความสุขสงบภายในได้เป็นอย่างดี โบราณสอนไว้ว่า รอยยิ้มคือหน้าต่างใจ เมื่อมีรอยยิ้มแสดงว่า ภายในมีความสุขสดชื่นเบิกบาน รอยยิ้มเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพไร้พรมหแดนไม่มีข้อจำกัดด้วยเชื้อชาติหรือศาสนาใด แต่ใครได้รับรอยยิ้มก็ทราบได้ทันทีว่า คู่สนทนาหรือเพื่อนแปลกหน้า หรือเพื่อนสนิทคนนั้นกำลังยื่นไมตรีมาให้อย่างไม่ต้องสงสัยเคลือบแคลง

พวกเราเดินทางฝ่าเปลวแดดแห่งฤดูร้อนข้าถนนไปยังฝั่ง เรือนจำซึ่งตั้งอยู่ฝากถนนอีกฝากหนึ่ง โดยใช้เวลาไม่นานนัก

เมื่อไปถึงบริเวณหน้าเรือนจำจะมีห้องพักผู้ที่จะมาเยี่ยมญาติ ที่เป็นผู้ต้องขังที่นี่หรือ บางครั้งทหนายความต้องมารอพบผู้ต้องขังที่คดียังไม่ถึงที่สุด ได้ทราบว่า ผู้ต้องขังที่อยู่เรือนจำแห่งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องขังที่มีโทษไม่มากนัก หรือเป็นผู้ต้องขังที่ยังต้องไปศาลรอการตัดสินโทษที่แน่นอนเสียก่อน

เวลาประมาณบ่ายห้าโมงครึ่ง ท่านอิหม่ามจึงนิมนต์ให้เข้าไปตรวจหลักฐานต่างๆตรงจุดรักษาความปลอดภัย เมื่อตรวจตราหลักฐานต่างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงเก็บบัตรประจำตัวที่รัฐแคลิฟอร์เนียออกให้แล้ว ก็ตรวจหนังสือธรรมะที่จะนำไปแจกผู้ต้องขังแทบจะทุกเล่มแล้วจึงอนุญาตให้ผ่านด่านตรวจ เนื่องจากเข้าใจภารกิจการตรวจรักษาความปลอดภัยที่เจ้าหน้าที่ต้องทำอย่างละเอียด จึงให้ความร่วมมืออย่างดี เพราะต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคมและบ้านเมือง

เมื่อผ่านการตรวจรักษาความปลอดภัยแล้ว เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งได้ขอประทับตราลงบนหลังฝ่ามือด้านซ้าย พนักงานทุกคนทำงานด้วยความสุภาพและตั้งใจ เมื่อ ผ่านการตรวจสอบทุกอย่าง ด้วยความรอบคอบครบถ้วนตามกระบวนการแล้ว ท่านอิหม่ามจึงเดินนำหน้าก่อนจะผ่านประตูแรกท่านอิหม่ามบอกให้ยกฝ่ามือด้านหลังที่ประทับตรานั้นให้ตรงกับหลอดไฟที่ติดไว้หน้าประตู รออีกประมาณครึ่งนาที ประตูบ้านนั้นก็เปิดออกโดยไม่ต้องใช้กุญแจไขแต่อย่างใด

ผ่านประตูที่หนึ่งแล้วพอถึงประตูอื่นๆก็ต้องยืนคอยที่หน้าประตูเพียงครึ่งนาทีประตูก็จะเปิดออกโดยไม่ต้องใช้กุญแจเหมือนๆกัน เมื่อผ่านประตูต่างๆไปแล้ว นึกในใจว่า เอวันนี้ ฉันเป็นเจมส์บอนด์ 007 ไปแล้วหรือนี่ เพราะเคยเห็นการเข้าออกสถานที่สำคัญในหนังที่ใครจะเข้าไปล้วงความลับจากหน่วยงานไหนก็มักจะยกมือขึ้นหน้าประตูแล้วประตูก็เปิดเองอย่างนี้ เป็นอันว่า วันนี้ได้เปิดประตูคุกผ่านเข้าไปถึงด้านในแล้ว กว่าจะเข้าคุกได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย จึงเตือนใจเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายทุกคนว่า ประตูคุกเปิดยากกว่าประตูวัดหรือสถานศึกษาหาความรู้หลายเท่านัก เวลามีปัญหาหนักอกหนักใจ จงใช้สติเข้าไปสงบจิตสงบใจในวัดดีกว่า เพราะประตูวัดเปิดง่ายกว่าประตูคุกเป็นไหนๆนะ.....จะบอกให้

โปรดติดตามตอนต่อไป

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple