วัดพุทธปัญญา

บทความ\เยือนเพื่อนทุกข์

เยือนเพื่อนทุกข์

เมื่อวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2552 ฉันมีโอกาสได้ออกจากวัดเพื่อเดินทางชมบ้านชมเมืองในสถานที่ที่ยังไม่เคยได้เห็น ซึ่งมีอีกหลายแห่ง เพื่อเรียนรู้ศึกษาสิ่งใหม่ๆ โดยออกเดินทางหลังจากร่วมฉันภัตตาหารเช้าร่วมกับพระภิกษุสามเณรที่วัดแล้ว การเดินทางจาริกในวันนั้น เป็นการจาริกไปอย่างเสรี ไม่มีเป้าหมายชัดเจนว่า จะไปไหนแน่นอน ไม่มีแผนการใดๆที่ได้วางไว้ล่วงหน้า ตั้งใจเพียงว่า พบรถประจำทางคันไหนผ่านมาก่อนก็จะขึ้นรถคันนั้น ส่วนรถจะนำไปไหนก็ไปตามรถ ครั้นสุดสายปลายทางก็ลงจากรถ ครั้นชมภูมิสถาปัตย์ในบริเวณที่รถจอดพอสมควรแล้ว รถบัสคันไหนผ่านมาก็จะขึ้นนั่งรถบัสคันนั้น เดินทางต่อไป จนกว่าจะถึงเวลาบ่ายๆจึงจะหาทางกลับวัด

คุณบุญเลิศ จิตผ่องใส แสดงความจำนงที่จะขับรถไปส่งที่สถานี Pomona ซึ่งจะเรียกว่า เป็นชุมทางย่อยๆแห่งหนึ่งในทิศตะวันออกของ L.A. ก็คงไม่ผิดนัก เพราะมีทั้งรถไฟและรถยนต์วิ่งผ่านรับส่งผู้โดยสารตลอดเวลา ใครต้องการจะไปทำธุระที่ไหนในบริเวณใกล้หรือไกล หากศึกษาเส้นทางเดินรถอย่างชัดเจนแล้ว ก็ไปรอรถกันที่นั่น ส่วนมากรถบัสจะผ่านมาสามสิบนาทีต่อหนึ่งคันหรืออาจจะ หนึ่งชั่วโมงต่อหนึ่งคัน ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรในระหว่างทางของแต่ละช่วง

เมื่อคุณบุญเลิศ ได้ไปส่งที่สถานีชุมทางย่อย Pomona แล้ว อีกประมาณเพียงหนึ่งนาทีรถด่วนสายตะวันตกก็ผ่านมาจอดพอดี รถคันนี้เวลามุ่งหน้ามาทาง Pomona ก็จะขึ้นป้ายบอกว่า Eastbound ครั้นจอดที่ชุมทาง Pomona แล้ว หันหัวกลับไปทาง L.A. ก็จะขึ้นป้ายบอกว่า Westbound

เมื่อแสดงตั๋วผู้โดยสารแก่พนักงานขับรถแล้ว รถก็นำมุ่งหน้าไปทาง L.A. เป็นอันว่า เบื้องต้นเริ่มรู้ว่า จะไปทาง L.A. และจะลงจากรถบัสที่ Union Station อันเป็นชุมทางรถไฟขนาดใหญ่ทางด้านฝั่งตะวันตกที่สำคัญแห่งหนึ่ง แต่ปัจจุบันนี้ ทั้งรถ Metro และ Amtrak ต่างก็มีรถยนต์ร่วมไว้บริการรับช่วงส่งต่อไปยังสถานที่ต่างๆที่รถไฟเข้าไม่ถึง Union Station จึงเป็นทั้งสถานีรถยนต์และสถานีรถไฟไปโดยปริยาย

เมื่อเดินทางไปใกล้กับสถานีรถไฟ รถบัสก็จอดป้าย ตรงต้นไทรสามต้น ให้เงาร่มเย็น เป็นสถานที่พักผู้โดยสารตามธรรมชาติได้เป็นอย่างดี เมื่อลงจากรถบัสแล้วก็เดินข้ามถนนไปทางสถานีรถไฟ เลี้ยวขวาผ่านที่ทำการประปา เลี้ยวขวาอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าเข้าสถานีรถไฟ

ขณะที่เดินเข้าประตูสถานีรถไฟบริเวณขายตั๋วรถ Amtrak นั้น ได้พบชาวมุสลิมคนหนึ่งเดินสวนมา กล่าวทักทายด้วยการสวัสดียามเช้า เพราะขณะนั้นเวลาประมาณเจ็ดนาฬิกาห้าสิบนาที

ฉันตอบรับคำทักทายด้วยการส่งรอยยิ้มกลับไป ชาวมุสลิมเดินเข้ามาหาแล้วถามด้วยความสุภาพว่า ท่านเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาใช่ไหม

ฉันตอบว่า ใช่ ฉันเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา

ท่านแสดงธรรมได้ไหม ชาวมุสลิมถามต่อ

ฉันตอบว่า ฉันแสดงธรรมได้ หากมีผู้สนใจฟัง เพราะการแสดงธรรมให้แก่ผู้สนใจฟังนั้นย่อมทำได้สะดวก และผู้ฟังก็จะได้เข้าใจธรรมะได้เร็วกว่าการฟังธรรมโดยไม่เต็มใจ

ชาวมุสลิมถามต่อไปว่า หากจะนิมนต์ไปแสดงธรรมแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำที่อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟนี้จะไปไหม

ฉันตอบว่า ลองไปถามผู้ต้องขังเหล่านั้นดูก่อน ถ้ามีคนสนใจแม้แต่คนเดียว ฉันก็จะไปแสดงธรรมให้โดยไม่คิดค่าแสดงธรรมแต่อย่างใด

ชาวมุสลิมยิ้มด้วยความพอใจแล้วตอบว่า คิดว่า มีคนสนใจมากกว่าหนึ่งคนแน่นอน

ฉันรู้สึกว่า การสนทนาเริ่มไปได้ดี มากกว่า การทักทายแล้วผ่านไปตามธรรมเนียมจึงมองหาที่สนทนาที่สะดวกกว่าที่คุยกันอยู่ ขณะนั้นม้านั่งในสถานีบริเวณนั้น ผู้คนนั่งกันเต็มไปหมด เหลือบไปมองเห็นมุมที่ตั้งตู้ขายเครื่องดื่มไม่มีคนพลุกพล่านและสงบพอสมควรจึงชี้ให้ชาวมุสลิมไปคุยต่อกันตรงมุมนั้นดีกว่า แล้วเราทั้งสอง ชาวพุทธกับชาวมุสลิม ก็นั่งสนทนากันตรงมุมสงบท่ามกลางความจอแจของฝูงชนตรงนั้น

ฉันเองไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่มีโทรศัพท์มือถือ เวลาเดินทางไปที่ไหนก็มักจะ ถ่ายเพียงนามเอาไว้ นั่น คือ ความทรงจำ

ภาพพระสงฆ์กับชาวมุสลิมนั่งสนทนากันด้วยความสุภาพตามสถานภาพของผู้ซาบซึ้งในพระศาสนาของตนๆ เป็นภาพที่หาดูได้ไม่ง่ายนัก ท่านอาจารย์พุทธทาสเคยตั้งปณิธานไว้ว่า ควรทำความเข้าใจระหว่างศาสนา ควรเข้าถึงหัวใจศาสนาของตนๆ และออกมาจากอำนาจของวัตถุนิยม

วันนี้ได้ทำหน้าที่สืบสานปณิธานของหลวงพ่อพุทธทาสด้วยความภาคภูมิใจเพราะกำลังทำความเข้าใจกันระหว่างศาสนา และ เมื่อแต่ละคนใช้ศาสนธรรมของตนนำชีวิต พระธรรมจะนำให้คนกลายเป็นมนุษย์ที่สุภาพอ่อนโยน ไม่นิยมความรุนแรง และไม่เห็นแก่เหมือนๆกัน

ส่วนการนั่งสนทนากันง่ายๆในมุมหนึ่งของสถานีรถไฟ ก็เป็นกิจกรรมของการออกมาเสียจากอำนาจของวัตถุนิยมได้อย่างหนึ่งเหมือนกัน นับเป็นการร่วมกันสร้างสันติภาพ โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองทรัพย์สินเงินทองเพื่อเช่าห้องประชุมที่เลิศล้ำสวยหรูแต่อย่างใด เพราะศาสนาทุกศาสนา เมื่อเข้าถึงสันติภาพภายในล้วนได้รับสันติรส คือรส แห่งความสงบเป็นหนึ่งเดียว

ชาวมุสลิมท่านนั้นจึง ขอทราบประวัติส่วนตัวย่อๆประกอบการพิจารณา แล้วตัดสินใจเดี๋ยวนั้นว่า ถ้าท่านไม่ขัดข้องขอนิมต์ท่านไปสแสดงธรรมให้แก่ผู้ต้องขังฟัง แต่จะเป็นวันไหน ยังกำหนดไม่ได้ จะขอไประสานงานทางเรือนจำตามขั้นตอนแล้วจะแจ้งให้ทราบทางอีเมล์โดยเร็ว

ชาวมุสลิมได้มอบนนามบัตรให้ไว้ เขียนที่หัวนามบัตรไว้ว่า กระทรวงยุติธรรม ข้ารัฐการเรือนจำสังกัดรัฐบาลกลาง ชื่อว่า อิหม่าม อาบู เอ ฮาฟิซ มีเบอร์โทรศัพท์ที่ทำงานและอีเมล์พร้อมเพื่อการประสานงานต่อไป

เมื่อได้สนทนาเรื่องราวต่างๆด้วยมิตรภาพที่อบอุ่นแล้ว เราทั้งสองต่างกล่าวคำอำลาแก่กัน ก่อนจากกัน ท่านศาสนาจารย์ได้ย้ำว่า เมื่อท่านเดินทางถึงวัดอย่าลืมเปิดอีเมล์ตรวจเมล์ด้วยผมจะนัดไปให้เร็วที่สุด

ติดตามฉบับหน้า

 

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple