กำลังใจจาก.... พระสงฆ์แนวหน้าของเมืองไทย
ฉันได้รับอีเมล์ฉบับหนึ่ง จากพระมหากิตติศักดิ์ โคตมสิสฺโส แห่งวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร(วัดโพธิ์) ท่าเตียน กรุงเทพมหานคร ขณะนี้ ท่านมาจำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราว ณ วัดไทย ลอสแองเจลิส มหานครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เกือบจะทุกวันเสาร์เวลาระหว่าง 9.30 - 10.00 น. หากท่านมีเวลาว่าง ท่านมักจะเมตตามาร่วมบิณฑบาตกับคณะสงฆ์จากวัดต่างๆในแถบแคลิฟอร์เนียใต้และถือโอกาสให้ธรรมะห้านาทีแก่ท่านสาธุชนที่มาทำบุญตักบาตรเสมอๆ สร้างความปลาบปลื้มปีติแช่มชื่นเบิกบานแก่พุทธศาสนิกชนถ้วนหน้า
เมื่อท่านพำนักอยู่ในประเทศไทย ท่านเป็นพระนักเทศน์ นักสอน นักกลอน นักเขียน นักแหล่ ที่สามารถสื่อธรรมได้ทั้งเนื้อหาและความบันเทิงครบเครื่อง ท่านได้เผยแผ่ธรรมะทางโทรทัศน์หลายช่องและสถานีวิทยุหลายสถานี เป็นพระสงฆ์เพียงไม่กี่รูปของเมืองไทยที่นักจัดรายการหนุ่มสาวรุ่นใหม่ให้ความเคารพนับถือในฐานะผู้นำทางความคิดและและนำเอาข้อคิดและบทกวีของท่านไปเป็นแสงสว่างนำทางชีวิตออกจากความโศกเศร้า บทกลอนบทประพันธ์ของทานทุกตัวอักษรทุกวรรคทุกตอน เรียกรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่ลึกแสนลึกในซอกหลืบของหัวใจให้ออกมาเบ่งบานพลิ้วไหวบนใบหน้าของทุกคนที่ได้ยลได้อ่านผลงานของท่าน ชนิดที่เรียกว่า อ่านไปยิ้มไป
ฉันเองเคยได้พบท่านมานานนับสิบปีตั้งแต่สมัยที่มีโอกาสออกโทรทัศน์บ้าง เพียงได้ยินนามฉายา ของท่านว่า โคตมสิสฺโส ซึ่งแปลว่า ลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าก็ประทับใจทันทีว่า พระรูปนี้มีความรักในพระพุทธเจ้าอย่างแน่วแน่จนนำความเคารพรักนั้นมาประทับแน่นไว้ในนามฉายาของตน ดังที่หลวงพ่อพุทธทาสมีความรักเคารพในพระพุทธเจ้า เลื่อมใสในหลักธรรมของพระองค์ท่านจนกล่าวมอบกายถวายชีวิตรับใช้พระพุทธเจ้าเยี่ยงทาสผู้ซื่อสัตย์ ดังนามพุทธทาส ดื่มด่ำตรงดิ่ง สู่พระพุทธองค์อย่างแน่วแน่ไม่วอกแวกหวั่นไหว
เมื่อฉันอ่านเมล์ของพระมหากิตติศักดิ์แล้ว รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจไมตรีที่หยิบยื่นมาให้อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา จดหมายของท่านนอกจากให้กำลังใจแก่ฉันเป็นการส่วนตัวแล้ว ยังให้ข้อคิดเรื่องของพระพุทธศาสนาที่น่าสนใจในหลายแง่หลายมุม จึงขออนุญาตท่านนำจดหมายส่วนตัวของท่านมาเผยแพร่ให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันศึกษาเรียนรู้ข้อคิดอันคมเข้มทางธรรมของท่านด้วย ท่านทราบแล้วอนุญาตด้วยความยินดีและกรุณาแก้ไขเพิ่มเติมข้อความให้เหมาะสมต่อการเผยแพร่ต่อสาธารณชนยิ่งขึ้น ขอเชิญท่านพุทธศาสนิกชนเรียนรู้ร่วมกัน ณ บัดนี้
เรียนท่าน ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ ที่รักนับถือยิ่ง
ได้อ่านประวัติวัดพุทธปัญญาแล้วซาบซึ้งตรึงใจยิ่งนัก อดไม่ได้ที่จะ ปัคคัณเห ปัคคหารหัง (ชมคนที่คนชม) คนทำงานต้องให้กำลังใจครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่นิยมศรัทธาหลวงพ่อปัญญานันทะมาตั้งแต่เป็นสามเณร แรงบันดาลใจจากการเผยแผ่ธรรมะ ส่วนหนึ่งมาจากหลวงพ่อปัญญานี้แหละ ทำให้ผมเผลอเขียนหนังสือไป ๔๔ เล่มแล้ว การเวลาผ่านไปนานมาก ไม่ผ่านไปเฉยๆ มันเพิ่มอายุผมด้วย ผมโชคดีได้ออกโทรทัศน์รายการเดียวกันกับหลวงพ่อปัญญาฯ เป็นรายการดี เวลาดี รายการดัง ร่วมกับดารา นักพูดที่มีชื่อเสียง (ถ้าเป็นรายการพระอย่างเดียว จะอยู่ตอนตีสี่ตีห้า ซึ่งเป็นเวลาที่เรตติ๊งกระฉูดที่สุด) วันนั้น(๖ มีนาคม ๒๕๔๒) มีบันทึกเทปหลายเทป ผมบันทึกก่อนหลวงพ่อปัญญา ท่านเลยต้องนั่งฟังผมไปด้วย พอเสร็จ หลวงพ่อกวักมือเรียกเข้าไปหา ผมไปคุกเข่าต่อหน้าท่านด้วยใจระทึก ท่านบอกว่า “ วันนี้พูดดี รักษาเนื้อรักษาตัวไว้........... ” ผมขนลุกขนพอง กำลังใจมาอย่างมหาศาล เหมือนคนกำลังยกของหนักแล้วยกไม่ไหว แล้วมีคนมาช่วยยก ทำให้ยกขึ้นได้
หลวงพ่อปัญญานันทะ เกิดมาเป็นแสงส่องความมืดให้สว่าง เมื่อหลวงพ่อจากไป เหมือนแสงสว่างดับไปด้วย ที่เคยมืดก็มืดต่ออีก มี(อัป)มงคลวัตถุใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายยิ่งกว่าเดิม (ไม่ใช่รูปพระพุทธเจ้าหรือรูปพระเหมือนแต่ก่อนมา ที่เราสร้างขึ้นเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวรั้ง ยามพลั้งพลาดจะตกไปในที่ชั่ว ตามวัตถุประสงค์เดิม..ให้เหนี่ยวรั้งใจ ไม่ใช่ให้เหนี่ยวรั้งกายให้อยู่ยงคงกะพัน เพราะนั่นคือวัตถุผลักให้ตกเสียมากกว่า) จึงเป็นที่มาของอภิมหาบรมธุรกิจพันล้าน ในสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์เคลื่อนที่ได้ชนิดใหม่ เกิดเศรษฐีใหม่ติดอันดับ แม้บิลเกตส์ ยังก้มหัวให้ มีหมอดูมีชื่อเสียงโด่งดังเกิดขึ้นในเมืองไทยมากมายนับไม่ถ้วน นั่นเป็นเครื่องประมาณคุณภาพคนไทยละหรือว่าฉลาดหลักแหลมเพิ่มขึ้นครึ่งประเทศ ตามความหมายของคำว่าพุทธะ
แสดงให้เห็นว่านายแพทย์พยามรักษาโรค รักษาหายมาแล้วมากมาย หมอสั่งห้ามกินของแสลง เมื่อคนไข้ลับหลังหมอไปคบหากับนักกิน เย้ายวนหลงใหล เผลอไผล ไปกินของแสลงกับเขาอีกจนโรคไม่หาย แล้วเป็นหนักกว่าเดิม ผมนั่งซึม เศร้า เหงา แฮงค์ ว่ายังมองไม่เห็นใครในวัฏฏสังสารปัจจุบันนี้ จะกล้าหาญ จริงใจ กล้าสอนเหมือนหลวงพ่อปัญญา หลวงพ่อเป็นของดีสุดยอดที่หาอะไหล่ไม่ได้แล้วหรือนี่ (ผมเองก็ไม่กล้าหรอก จึงหาคนกล้าไง)
ตอนนี้ผมพบแล้ว คือท่าน ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ ที่เป็นทองเนื้อแท้ เสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด คำพูดคมคายทันคน พระกลัวรายการ “ ตามหาแก่นธรรม ” สมัยช่อง ๑๑ พระไม่กล้าออกกันหลายองค์(รูป)แต่ท่าน ดร. พระมหาจรรยา กล้ารับ กล้าบอก กล้าออก กล้าถูก ทำได้ดี ไม่มีเพลี่ยงพล้ำ กลับแสดงกึ๋นได้เหนือชั้นจริงๆ ถือได้ว่าเป็นตัวแทนรักษาหน้าสงฆ์ไทยไว้ได้ดีเยี่ยม จึงสมกับกวีที่อ่านแนะนำวิทยากรในรายการว่า
ภิกษุหนุ่ม จากชุมพร ผู้สอนสั่ง
จริงจัง จริงใจ เหมือนไฟจี้
สกุลเดิม “ คงจินดา ” ผู้กล้าดี
เปรียญเจ็ด รสเผ็ดจี๋ อร่อยใจ
เป็นพระแก่ ดีกรี ดุษฎีบัณฑิต
เป็นพระเทศน์ ทุกถิ่นทิศ ไกลใกล้
เป็นพระยุ ทหารปฏิวัติ ขจัดภัย
เป็นพระใหญ่ “ ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ ”
ตามปกติคนชอบใส่บาตรมากกว่าฟังธรรม ประกาศให้ไปใส่บาตรงานไหนมากันล้นหลาม เป็นหมื่นแสนก็เคยมีให้เห็นแล้ว แต่ถ้าประกาศว่าใส่บาตรเสร็จให้มาฟังธรรมกันก่อน ที่ไหนที่นั้นไปกันเรียบ เหลือคนแก่สิบกว่าคนนั่งฟังอยู่ เหมือนกันหมดคือไม่ชอบฟังเทศน์ ไม่ชอบฟังเรื่องเป็นสาระฟังแล้วหงุดหงิด แต่มหัศจรรย์ปาฏิหาริย์มีจริง(อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือการสื่อสารที่ดี) เพราะมาอเมริกาคราวนี้ได้ยินกับหูได้รู้กับตา ว่าคนใส่บาตรใส่แล้วไม่ยอมกลับ รอฟังท่าน ดร.พระมหาจรรยาก่อน สุดยอดเหนือชั้นมากมายเป็นพระหาได้ยากจริงๆ รู้ดี สามารถดี ประพฤติดี
มหาจรรยา วิชาดี นี้สำคัญ
จรณะนั้น สัมปันโน ยิ่งโชว์ได้
เทศน์ขั้นเซียน เขียนขั้นเทพ เป็นเชฟใจ
แม้ตัวใหญ่ แต่ไปคล่อง ดังของเบา
ทำให้ทราบจิตใจคนได้อีกว่าที่แท้แล้วคนชอบฟังเทศน์ คนเขาหาพระเทศน์น่าฟังไม่ค่อยพบ เมื่อเขาพบแล้วเขาจึงหยุดรอฟัง สาธุๆๆ
ขอคารวะน้ำชาแบบเซน
พระมหากิตติศักดิ์ โคตมสิสฺโส (ศ. สียวน)
ได้อ่านจดหมายที่เพียบพร้อมด้วยสาระ ข้อคิด คำคม บันเทิงและกำลังใจอย่างท่วมท้นแล้วได้ตอบจดหมายท่านในขณะนั้นว่า
กราบเรียน ท่านอาจารย์พระมหากิตติศักดิ์ ที่เคารพ
ช่วงนี้ผมไปเรียนหนังสือ ทุกวัน ในโครงการเก็บฝันเมื่อวันวาน ผมกลับไปเรียนคณิตศาสตร์ใหม่ตั้งแต่ชั้นต้น หลังจากทิ้งไปถึงสามสิบเจ็ดปีแล้ว เพราะก่อนผมจะบวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ 13 ขวบ ผมจบการศึกษาแค่ชั้นประถมปีที่เจ็ด ความรู้คณิตศาสตร์ของผมจึงมีแค่ชั้นประถมปีที่เจ็ด และคิดว่า คณิตศาสตร์กับผมคงต้องเดินทางเป็นเส้นขนานอย่างไม่มีวันบรรจบตั้งแต่วันที่ก้าวออกมาจากชั้นประถมปีที่เจ็ดนั้นแล้ว การศึกษาที่เหลือถึงระดับปริญญาเอก ผมเลือกเดินสายสังคมตามความเหมาะสมกับเพศภาวะและบรรยากาศทางการศึกษาที่เอื้ออำนวยแก่พระสงฆ์เพียงน้อยนิด เมื่อสามทศวรรษล่วงแล้ว
เมื่อผมมาพบแหล่งการศึกษาที่นี้โดยบังเอิญ เป็นแหล่งข้อมูลความรู้สาธารณะที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ศึกษาเล่าเรียนกันอย่างกว้างขวางโดยจำกัดเพศว่า เป็นเพศใด แม้แต่สมณเพศอย่างผม ทำให้ผมเข้าใจความหมายของคำว่าความเสมอภาคทางการศึกษามากยิ่งขึ้น ผมจึงได้เดินกลับเข้าสู่สถาบันการศึกษาอีกครั้งเพื่อตามเก็บฝันที่ตกหล่นหายไปสามทศวรรษกลับคืนมาอย่างน่ามหัศจรรย์ ต้องขอบพระคุณพระพุทธเจ้าที่ได้ประทานโอกาสดีๆให้แก่เด็กน้อยผู้ด้อยโอกาสเสมอมา
แต่ความจริงที่ยากแก่การหลีกเลี่ยง คือ เมื่อต้องเรียนแบบลัดสั้นด้วยเวลา(ชีวิต)ที่เหลือน้อยเต็มทีก็ต้องเรียนด้วยความเร่งรีบ แทนที่จะเรียนชั้นหนึ่งสามปีดังคนที่เขามีโอกาสเหลือเฟือ ก็ต้องมาเร่งเรียนอย่างเร็วจี๋ให้จบภายในหกสัปดาห์ เลยต้องทุ่มเททำแบบฝึกหัดอย่างหนักอย่างหนักหน่วง ทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยความหวังที่แอบซ่อนไว้ภายใต้จีวร ว่า วันหนึ่งหากกลับเมืองไทยจะได้เดินทางเร่ร่อนรอนแรมไปตาม ท้องถิ่นชนบทห่างไกลอย่างไร้ขีดจำกัด หากพบโรงเรียน หรือ วัดที่การศึกษาเพื่อสามเณรผู้ด้อยโอกาส ที่ขาดแคลนครูสอนคณิตศาสตร์หรือวิชาอื่นๆที่ผมพอมีความรู้พอจะสอนได้ก็จะสมัครสอนลูกหลานชายหญิงและลูกเณรโดยไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ เป็นการใช้เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนบ้างเล็กๆน้อยๆดีกว่า หายใจทิ้งเปล่าๆไปวันหนึ่งๆ
วันนี้ขณะที่ทำการบ้านค่อนข้างเหนื่อย ก็เปิดอีเมล์ดู แค่ได้สัมผัสชื่อ ผมก็ชื่นใจแล้ว เมื่ออ่านข้อความยิ่งซาบซึ้ง นาทีนั้นผมสะอื้นด้วยความตื้นตันใจว่า สิ่งที่ผมได้กระทำลงไปเพื่อตอบแทนพระคุณพระศาสนา นอกจากหลวงพ่อปัญญานันทะที่ผมเคารพนับถือยึดเป็นต้นแบบแห่งการเผยแผ่ เคยฝากภาพมาให้ผมภาพหนึ่งเขียนบนภาพว่า แด่...จรรยา ที่รัก แล้ว ก็ยังมีท่านอีกรูปหนึ่ง ที่ผมชื่นชมมาตลอด ที่ส่งจดหมายมาเป็นกำลังใจ นับว่า ท่านเป็นพระสงฆ์รูปที่สองที่ให้กำลังใจกันอย่างเปิดเผย เร้าใจ ให้พลัง ความรู้สึกตอนนั้นเสมือนคนที่กำลังเดินอยูในทะเลทรายอย่างอ้างว้าง มองหาน้ำดับกระหาย ก็ได้พบน้ำในบ่อน้อยที่ใสเย็นและจืดสนิท ได้นั่งลงตักดื่มดับกระหาย ได้ความชุมกายชุ่มใจยิ่งนัก
ยกหลวงพ่อปัญญานันทะขึ้นไว้เหนือเกล้าเหนือเศียรแล้ว ท่านน่าจะเป็นพระสงฆ์รูปแรกทีเดียวที่เปิดใจ ว่า เข้าใจความคิดและการทำงานของผม ต้องขอขอบคุณอย่างมาก คำพูดของท่านทุกคำเป็นประดุจน้ำมันที่เติมตะเกียงน้อยที่จวนจะมอดดับให้ลุกโพลงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มีความหมายมากจริงๆครับ
เรื่องการทำงานพระพุทธศาสนานั้นผมคิดว่า ก็ต้องช่วยๆกันหลายๆฝ่าย คนละไม้คนละมือ ท่านอาจารย์ก็ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้มาก ไม่ว่าจะมีโอกาสสอน หรือเทศน์ที่ไหน นั่นคือ โอกาสเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในหลากหลายรูปแบบและลีลา ผมเองประทับใจอาจารย์มากตั้งแต่ได้ยินฉายาแล้ว พวกเราเป็นคนประเภทรักพระพุทธเจ้า แต่อาจารย์ประกาศตรงที่สุด ก็ต้องขอชื่นชมเช่นกัน
ผมเองก็ไม่กล้าจะราวีกับ วัตถุ(อัปมงคล) (ท่านตั้งชื่อได้เหมาะมาก) เท่าไรหรอก เพียงแต่ผมทดลองให้วัดพุทธปัญญาที่พุทธศาสนิกชนกลุ่มหนึ่งจำนวนเพียงน้อยนิด ที่เข้าใจว่า ผมกำลังทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบไหน เป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาและสังคมอย่างไรแล้ว ให้การสนับสนุนด้วยปัจจัยสี่ที่พอยังชีพและช่วยกันขับเคลื่อนกลไกการทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เดินไปได้ตามความเหมาะสมที่ชาวพุทธจะพึงกระทำได้ เป็นเขตปลอดวัตถุ(อัปมงคล)และกิจกรรมแห่งอัญญเดียรถีย์ทั้งหลายเท่านั้น ผมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตามรอยบาทพระบรมศาสดาให้มากที่สุดเท่าที่เหตุปัจจัยแวดล้อมจะเอื้ออำนวย หากผมดำเนินรอยตามพระบรมศาสดาแล้ว ผมจะต้องเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นขาดแคลนไม่มั่งคั่งหรูหราดังที่นักนิยมวัตถุและความร่ำรวยให้ค่ากัน ผมก็ยังภูมิใจที่จะเดินตามพระองค์ท่านอย่างไม่ลดละ หากผมทำอย่างนี้ เดินต่อไปไม่รอดจริงๆ ผมก็จะไม่เปลี่ยนทาง ไม่ฝืน ไม่บ่น แต่พร้อมจะกลับเมืองไทย ดินแดนสวรรค์ที่แท้ของพระสงฆ์ ที่จะส่งเสริมให้การปฏิบัติและการประกาศพรหมจรรย์ดำเนินไปอย่างสะดวก
จดหมายของท่านไพเราะเหลือเกิน หากไม่เป็นการล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัว ผมอยากจะขอนำไปลงหนังสือพิมพ์สยามมีเดียสักครั้ง หากท่านอนุญาตอาทิตย์หน้า ผมจะนำลง ถ้าท่านรู้สึกสะดวกใจผมขออนุญาต แต่ถ้าไม่สะดวกใจ ก็ไม่เป็นไร พวกเราล้วนเข้าใจกัน
ผมขอสนทนาแค่นี้ก่อน มีโอกาสจะสนทนากันใหม่
ขอกราบขอบพระคุณในความกรุณาอีกครั้งครับ
พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple