วัดพุทธปัญญา

บทความ\จัดการความโกรธ

จัดการความโกรธ

ขึ้นชื่อว่า ความโกรธ ใครๆก็รู้จัก เพราะเป็นแขกขาประจำที่เคยต้อนรับกันมาแล้ว นับครั้งไม่ถ้วน บางทีภายในวันเดียวก็ต้องต้อนรับขับสู้กันหลายครั้งหลายคราจนเสียกำลังใจไปมาก บางคนต้านทานความโกรธที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่องถี่ยิบ ไม่ไหวจิตใจแตกสลายกลายเป็นคนครึ่งดีครึ่งบ้าอารมณ์ฉุนเฉียวไปก็มีมากต่อมากแล้ว

บางคนรับความโกรธเก็บสะสมเป็นความพยาบาทมากเกินไป จนอยู่มาวันหนึ่งจึงเน่าปริเร้า แตกสลายไหลแรงเหมือนน้ำที่ทะลักออกมาจากเขื่อนพังหรือน้ำป่าบ่าไหลไม่หยุดยั้ง เมื่อเป็นแบบนี้หลายครั้งติดต่อกัน ก็กลายเป็นโทสะ คือนิยมแสดงออกอย่างรุนแรง เช่น กระโดดเข้าทุบตี ฟันแทง คนที่ตนโกรธอย่างไม่ยั้ง หรือบางคนพกปืนไว้กับตัว พอคลื่นความโกรธพัดมากระทบอย่างแรง ก็ชักปืนมาระเบิดใส่เพื่อฝูงหรือแม้แต่ภรรยาสุดที่รักอย่างไม่ยั้ง

ความโกรธ คือ ตัวน่าเกลียด ใครก็ตามที่ถูกความโกรธสิงสู่เพียงชั่วครู่ชั่วยามจะแปรสภาพจากผู้ทรงเกียรติ์ไปเป็นผู้น่าเกลียดภายในพริบตา ดังเช่นตัวอย่าง ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ์ในสภาไทย สภาใต้หวันหรือสภาเกาหลี เวลาโกรธกันมักจะลงไม้ลงมือ ชกต่อยหรือขว้างปากันด้วยรองเท้า หรือแม้แต่นักข่าวที่มีจรรยาบรรณสูงเป็นที่ประจักษ์ ยามตัวโกรธเข้าจับขั้วหัวใจแล้ว ย่อมกระทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดเช่น ถอดรองเท้าขว้างปาประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ ดังที่เป็นข่าวครึกโครมกันมาแล้ว

แม้พระพุทธศาสนาจะสอนว่า ไม่ให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือมิให้เบียดเบียนสัตว์ใดๆเลย แต่สำหรับความโกรธ ฆ่าได้เลย ดังมีเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่งโกรธพระพุทธเจ้าด้วยเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแรง แล้วคิดว่าจะต้องไปด่าและแสดงอาการหยาคายให้มากที่สุดต่อหน้าพระพุทธเจ้าจึงจะหายแค้น

วันหนึ่งชายคนนั้นเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จผ่านไป เหลียวซ้ายแลขวาเห็นว่า มีโอกาศเข้าประชิดพระพุทธเจ้าได้ จึงบุกเข้าประชิดแล้วด่าเป็นชุดพร้อมกับโยนคำที่แสดงความเป็นนักเลงโตใส่พระพุทธเจ้าว่า รู้ไหม ฆ่าใครได้จะเป็นสุข พระพุทธเจ้าตรัสตอบด้วยพระสุรเสียงที่สงบ ราบเรียบ ปกติว่า ฆ่าความโกรธเสียได้ นอนเป็นสุข(โกธัง ฆัตวา สุขัง เสติ)

ความโกรธเป็นความเลวร้ายเจอที่ไหน ฆ่าทิ้งที่นั้น อย่าปล่อยให้แสดงฤทธิ์เดชออกมาได้

หากจะต้องเผชิญหน้ากับคนหรือสถานการณ์ที่ล่อแหลมต่อการเกิดความโกรธควรปฏิบัติอย่างไร

มีวิธีการปฏิบัติหลายๆอย่าง พอจะประมวลมาจากทั้งทางโลกและทางธรรมดังนี้

  1. หากเห็นว่า คนที่ยั่วยุให้เราโกรธ มีรูปร่างหน้าตาใหญ่โตแข็งแรงกว่าเรา หากเขาระงับความโกรธไว้ไม่ได้บุกตลุยมาทำร้ายเราจะรับมือไม่ได้ คิดได้ดังนี้แล้ว ไม่ควรโกรธตอบ ทำใจเย็นๆดีกว่า จะปลอดภัยกว่า
  2. หากเห็นว่า คนที่มาทำให้โกรธ หรือยั่วยุให้โกรธ หรือเป็นคู่กรณีที่อาจจะนำไปสู่ความรุนแรง รูปร่างหหน้าตาอ่อนแอกว่าเรา ก็คิดเสียว่า ตัวแค่นี้ หากโกรธขึ้นมาน่าจะไม่สามารถรับมือรับเท้าได้แน่ สงสารเขาเถอะ อย่าไปทำอะไรเขาเลย คิดได้ดังนั้นห็แปลงความโกรธเกลียดให้กลายเป็นความสงสาร ความโกรธก็จะหายไป
  3. หากเห็นว่า คนที่มายั่วให้โกรธ หรือ คู่กรณี รูปร่างหน้าตา ความแข็งแรง เท่าๆกัน ก็คิดว่า ถ้าโกรธกันหรือตบตีกันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่นานทั้งเราและเขาก็จะตายจากกันแล้ว อยู่ด้วยกันอย่างสันติดีกว่า
  4. หากพิจารณาเห็นว่า ความโกรธ ไม่เป็นประโยชน์ไม่ควรรับไว้ เวลาที่ใครมาด่าหรือมายั่วยุก็บอกเขาไปว่า วางไว้ตรงนั้นเถอะ ดังที่ครั้งหนึ่ง ชายคนหนึ่ง เข้าไปหาพระพุทธเจ้าแล้วด่าด้วยคำเสียหายมากมาย แต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงโกรธสักที จึงถามว่า ทำไมด่าตั้งนาน ยังไม่โกรธเลย พระพุทธเจ้าถามว่า ถ้าเธอนำอาหารไปให้แขกหรือให้พระ หากแขกหรือพระอิ่มแล้ว เธอจะทำอย่างไรต่อไป ชายคนนั้นตอบว่า ข้าพเจ้าก็จะกินเสียเอง พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า คำด่าที่เธอนำมาด่าตถาคตก็เหมือนกันตถาคตไม่รับทั้งหมด ตถาคตพอแล้ว ชายคนนั้นจึงได้คิดว่า หากด่าใครแล้วเขาไม่ยอมรับคำด่าด้วย คำด่านั้นก็จะต้องตกแก่คนด่านั้นเอง
  5. ผู้ที่เจริญสมาธิภาวนาจนจิตใจเข้มแข็งย่อมอดทนต่อคำด่าหรือคำตำหนิของผู้อื่นได้ ประดุจดังภูเขาศิลาแท่งทึบไม่หวั่นไหวเพราะลมและฝนที่พัดมาจากทั่วสารทิศ หากมีเวลาควรเจริญสมาธิภาวนาไว้ จะได้เผชิญหน้ากับความโกรธอย่างทันท่วงที
  6. ผู้ที่เจริญวิปัสสนา ย่อมดำรงชีวิตอยู่ด้วยการเห็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นทุกข์ และอนัตตา มิใช่ตัวตนอยู่เป็นนิตย์ ย่อมกำหนดรู้ว่า เสียงอันทำให้รักหรือโกรธที่มากระทบหู หรือรูปร่างหน้าตาท่าทางอันยั่วยุให้โกรธ ล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่และสลายไปในชั่วขณะอย่างรวดเร็ว เมื่อปล่อยออกไปไม่เก็บไว้ จิตก็จะไม่ถูกความโกรธมาครอบงำ ทำลายหรือรบกวนให้เร่าร้อนได้แต่อย่างใด

วิธีการจัดการกับความโกรธที่คิดได้และรวบรวมมาไว้เป็นหมวดหมู่ก็เห็นจะมีอยู่เพียงแค่นี้ ใครอ่านแล้วชอบใจจะนำวิธีไหนไปทดลองก็ยินดีมอบให้เพื่อช่วยกันดับไฟโทสะที่เผาใจให้ร้อนได้ผ่อนคลายและเย็นลง พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความสุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple