วัดพุทธปัญญา

บทความ\ชาติกำเนิดและการศึกษาของ หมอชีวกโกมารภัจ

ชาติกำเนิดและการศึกษาของ หมอชีวกโกมารภัจ

หมอชีวกโกมารภัจ ได้รับการยกย่องให้เป็นปรมาจารย์ทางด้านแพทย์แผนตะวันออกที่ใช้สมุนไพรรักษาโรคและดูแลสุขภาพ ตัวอยาสมุนไพรต่างๆที่แพทย์ตะวันออกสั่งสอนและใช้รักษาโรค ส่วนใหญ่มีรากฐานมาจากองค์ความรู้ที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาตั้งแต่ยุคหมอชีวกโกมารภัจทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เอง เวลาแพทย์แผนตะวันออกจะปรุงยาแต่ละครั้งต้องไหว้ครูเพื่อรำลึกถึงหมอชีวกโกมารภัจ ต้นตำหรับยาสมุนไพรและครูอาจารย์ที่ได้อนุรักษ์ตำหรับตำราตกทอดมาถึงปัจจุบัน

หลักฐานที่บันทึกชีวประวัติและผลงานของ หมอชีวกโกมารภัจไว้ ค่อนข้างละเอียด คือพระไตรปิฎก เพราะหมอชีวกโกมารภัจ เป็นแพทย์ประจำองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระเจ้าพิมพิสารผู้ปกครองแผ่นดินโดยธรรมในระบอบราชาธิปไตยในยุคพุทธกาล

ก่อนที่จะกล่าวถึงประวัติของหมอชีวกโกมารภัจ พระไตรปิฎกได้ระบุถึงเมืองที่รุ่งเรืองมากสองเมืองคือ เมืองมคธและเมืองเวสาลี

เมืองมคธเป็นมหาอำนาจที่ปกครองโดยระบอบราชาธิปไตย อันมีเจ้าผู้ครองนครนามว่า พระเจ้าพิมพิสาร มีเมืองเล็กเมืองน้อยเป็นเมืองขึ้นจำนวนมาก

ส่วนเมืองเวสาลี มีความเจริญรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจ มีภูมิทัศน์สวยงาม ดังที่พรรณไว้ในพระไตรปิฎกว่า มีปราสาทถึงเจ็ดพันกว่าหลัง มีสระบัวและสวนดอกไม้อีกเจ็ดพันกว่าแห่ง ปกครองโดยระบอบรัฐสภาที่บรรดาอภิชนที่มีความรู้ดีมีทรัพย์สินมั่งคั่งหมุนเวียนเปลี่ยนกันทำหน้าที่ ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญัติและตุลาการ

นอกจากนี้เมืองเวสลียังมีชื่อเสียงด้าน หญิงงามเมือง หรือนครโสภินี ที่ทรงเสน่ห์ มีความสามารถในการการขับร้องเล่นดนตรีไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาจากเมืองต่างๆ หญิงงามเมืองที่ โด่งดั่งที่สุด ที่ใครๆอยากได้พบเห็นชื่อ อัมพปาลี ให้บริการผู้ที่มาเยี่ยมเยือนด้วยความประทับใจ จนชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วบ้านเมืองใกล้เคียง

คราวหนึ่ง พ่อค้าและนักลงทุนกลุ่มหนึ่งจากเมืองมคธได้ทราบถึงความอุดมสมบูรณ์และภูมิทัศน์ที่สวยงามของเมืองเวสาลี จึงได้พากันไปท่องเที่ยวเพื่อหาลู่ทางลงทุนและดูงานการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองเวสาลี เมื่อได้พบเห็นและท่องเที่ยวไปทั่วเมือง พร้อมทั้งได้ดูกิจการนครโสภินี(เรียกแบบไทยๆว่า โสเภณี)ด้วย ก็ได้ความคิดว่า น่าจะได้นำเอา เรื่องนี้ไปจัดทำที่เมืองมคธบ้างจะได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวเมืองมคธมากขึ้น

เมื่อกลับมาถึงเมืองมคธพ่อค้าและนักลงทุนกลุ่มนี้ได้พากันเข้าเฝ้าพระเจ้าพิมพิสารแล้วกราบทูลให้ทราบถึงความเจริญรุ่งเรื่องของบ้านเมือง และมีหญิงงามเมืองเป็นที่เลื่องลือ เป็นที่ติดตาต้องใจแก่ผู้ที่ได้เยี่ยมเยือนและพบเห็น ควรที่เมืองมคธจะได้มีหญิงงามเมืองอย่างนั้นบ้าง

พระเจ้าพิมพิสารได้ทราบถึงข้อมูลเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากพ่อค้าและนักลงทุนกลุ่มนั้นแล้ว รับสั่งว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านจงคัดเลือก สาวงามที่มีลักษณะเพียบพร้อมอย่างนั้นเป็นหญิงงามเมือง (นครโสเภณี)เถิด

พ่อค้าและนักลงทุนได้รับพระบรมราชโองการให้เป็นผู้สรรหาหญิงงามเมืองแล้วจึงได้กลับไปดำเนินการสรรหาตามพระราชประสงค์ หลังจากส่งแมวมองท่องเที่ยวไปหลายเมือง ก็เดินทางถึงกรุงราชคฤห์ พบหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่า สาลวดี มีความชำนาญในการฟ้อนรำขับร้องและประโคมดนตรีอย่างดีเยี่ยม

แมวมองจึงได้นำเสนอคณะกรรมการสรรหาหญิงงามเมืองเพื่อนำชื่อขึ้นทูลเกล้าแต่งตั้งเป็นหญิงงามเมืองประจำเมืองมคธต่อไป

คณะกรรมการได้คัดเลือกสาวงามชื่อ สาลวดี เป็นหญิงงามเมืองและได้ถวายรายชื่อแก่พระเจ้าพิมพิสารเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นหญิงงามเมืองประจำแคว้นมคธต่อไป

เมื่อเธอได้รับการแต่งตั้งก็ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถเป็นประทับอกประทับใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็นและได้รับบริการจากเธอ หากใครปรารถนาจะว่าจ้างเธอไปร่วมอภิรมย์ด้วยต้องจ่ายค่าบริการคืนละ 100 กหาปนะ ราคานี้ถือว่าแพงมากทีเดียว เพราะโดยปกติแรงงานที่รับจ้างทำงานตามบ้านเศรษฐีโดยทั่วไปจะได้รับค่าจ้างวันละครึ่งกหาปนะหรือ 1 กหาปนะ หรือ ย่างมากก็ห้ากหาปนะต่อหนึ่งวัน

พิจารณาจากเรื่องราวแวดล้อมก็พอจะบ่งชี้ได้ว่า คนที่จะไปเที่ยวหาความอภิรมย์กับหญิงงามเมืองได้ ในยุคนั้น ส่วนใหญ่น่าจะเป็นพ่อค้าหรือคหบดี หรือพวกหนุ่มๆในราชสกุลเท่านั้น เพราะราคาบริการที่ตั้งไว้สูงเป็นการจำกัดกลุ่มนักท่องเที่ยวอยู่ในที

เมื่อนางสาลวดีได้ทำหน้าที่ฟ้อนรำขับร้องประโคมดนตรีและร่วมอภิรมณ์กับผู้รับบริการได้นานพอสมควร เธอทราบว่า เธอตั้งครรภ์แล้ว จึงพิจารณาว่า ธรรมดาหญิงมีครรภ์ย่อมไม่เป็นที่พอใจของบุรุษ ถ้าใครทราบว่า ตนมีครรภ์ ลูกค้าขาประจำก็จะพากันถอนตัวหมด อย่ากระนั้นเลย เราควรแจ้งว่าเราป่วย แล้วสั่งคนเฝ้าประตูไว้ว่า นายประตูจ๋า ท่านอย่าอนุญาตให้ชายใดเข้ามา ถ้ามีคนมาถามหาดิฉัน ก็จงตอบให้เขาทราบว่า ดิฉันเป็นไข้

เมื่อเธอตั้งครรภ์ครบกำหนดคลอด ได้คลอดบุตรเป็นชาย เธอจึงสั่งสาวใช้ว่า จงวางทารกนี้ลงในกระด้งเก่าๆแล้วนำไปทิ้งที่ข้างกองขยะ หญิงสาวใช้รับคำสั่งของนางสาลวดีแล้วนำทารกแรกคลอดไปทิ้งที่กองขยะใกล้ๆทางใหญ่ที่คนสัญจรไปมา

พอดีเช้าวันนั้น เจ้าชายอภัย กำลังเสด็จกลับพระราชวัง ทอดพระเน็ตร เห็นฝูงกาล้อมทารกนั้นอยู่ จึงตรัสถามผู้ติดตามว่า ฝูงกากำลังล้อมอะไรอยู่

ผู้ติดตามจึงกราบทูลว่า ฝูงกากำลังล้อมทารกอยู่พระเจ้าข้า

เจ้าชายอภัยตรัสถามว่า ทารกยังมีชีวิตอยู่หรือ

ผู้ติดตามกราบทูลว่า ยังมีชีวิตอยู่พระเจ้าข้า

เจ้าชายอภัยจึงตรัสว่า จงนำทารกนี้เข้าไปในพระราชวัง มอบให้แม่นมเลี้ยงดูเถิด

ผู้ติดตามได้นำไปมอบให้แม่นมในพระราชวังเลี้ยงดู ตามพระดำริของเจ้าชายอภัยและตั้งชื่อว่า ชีวก เพราะทารกนั้นยังมีชีวิตอยู่ และคำว่า โกมารภัจ บ่งชี้ว่า พระราชกุมารเป็นผู้รับสั่งให้เลี้ยงดู

กาลเวลาผ่านไปตามลำดับ พระราชกุมารทรงรักชีวกเหมือนบุตรของตน จึงดูแลอย่างใกล้ชิด วันหนึ่ง ชีวกกราบทูลถามพระราชกุมารว่า ใครคือบิดามารดาที่แท้จริงของเกล้ากระหม่อม พระเจ้าข้า

พระราชกุมารรับสั่งว่า พ่อไม่รู้จักแม่ของลูกเลย แต่พ่อนี้แหละ เป็นพ่อของลูก เพราะพ่อเลี้ยงเจ้ามา

เมื่อชีวกหมดหนทางที่จะค้นหาชาติกำเนิดของตนเองพบ ด้วยพื้นฐานจิตใจที่ใฝ่ดีจึงดำริว่า คนที่ไม่มีศิลปวิทยาการ จะพึ่งพาอาศัยราชสกุลตลอดไปคงยาก จึงตัดสินใจหนีออกจากพระราชวังดั้นด้นหาแหล่งศิลปวิทยาการ พื่อเพิ่มพูนคุณค่าชีวิตให้แก่ตนเองต่อไป

สมัยนั้น เมืองตักศิลา เป็นศูนย์รวมศิลปวิทยามากมายหลายสาขา ชีวกมีความปรารถนาจะศึกษาศิลปวิทยาไว้ช่วยบรรเทาความทุกข์แก่เพื่อนมนุษย์จึงเดินทางตรงไปยังคณะแพทย์ศาสตร์ ที่ให้การศึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพด้วยการใช้พืชสมุนไพรเป็นตัวยาหลักในการดูแลรักษา

อาจารย์ผู้บริหารคณะแพทย์ศาสตร์ได้ทราบความตั้งใจของชีวกโกมารภัจแล้ว จึงรับเขาไว้เป็นศิษย์ศึกษาวิชาการตามที่เขาได้มีความตั้งใจ ตั้งแต่เริ่มต้นศึกษาชีวกมีความสุภาพอ่อนโยนเชื่อฟังอาจารย์และรับใช้อาจารย์อย่างใกล้ชิด เป็นเหตุให้ชีวกได้ความรู้ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างครบถ้วน ดังข้อความในพระไตรปิฎกว่า ชีวกโกมารภัจ เรียนได้มาก เรียนได้เร็ว ทรงจำได้ดี ที่เรียนแล้วก็ไม่ลืม

เวลาที่อาจารย์สอนหรือฝึกชีวกเองหรือฝึกศิษย์อื่นๆชีวกก็ยังได้รับความรู้ด้านการวินิจฉัยโรคและประสบการณ์ในด้านการขุดค้นหาตัวยา การผสมยา การปรุงยา การให้ยา การติดตามผลการรักษา จนมีความชำนาญในระดับหนึ่ง

เวลาผ่านไปเจ็ดปี ชีวกสงสัยว่า ความรู้และความสามารถที่ตนเองเรียนมานั้น มีมากน้อยแค่ไหน เพียงพอต่อการดูและรักษาเพื่อนมนุษย์ผู้ป่วยไข้แล้วหรือยัง วันหนึ่งจึงได้นำความสงสัยนั้นไปกราบเรียนถามท่านอาจารย์ที่ตนศึกษาและรับใช้อย่างใกล้ชิดว่า ความรู้ที่ตนมีอยู่เพียงพอที่จะรักษาเพื่อนมนุษย์ได้แล้วหรือยัง

อาจารย์หมอได้ตอบชีวกด้วยความเมตตาดังพ่อมีต่อลูกว่า พ่อชีวก ถ้าเช่นนั้น เธอจงถือเสียมแล้วเดินไปขุดค้นต้นไม้ใบหญ้ารอบๆกรุงตักกสิลา ระยะหนึ่งโยชน์ หากพบสิ่งใดที่ไม่ใช่ตัวยาก็จงนำมาด้วย

ชีวกโกมารภัจ รับคำของอาจารย์หมอแล้วถือเสียม เดินไป ขุดค้นพิจารณาต้นไม้ใบหญ้าทุกต้นที่ขวางหน้า โดยมิให้คลาดสายตาไปแม้แต่ต้นเดียว เมื่อขุดขึ้นมาแล้วก็พิจารณาต้นไม้ใบหญ้าทุกส่วนมิให้พลาดคลาดสายตาแม้แต่ส่วนเดียว ไม่ว่าจะเป็น ผล ดอก ใบ ใย ยาง เปลือก ลำต้น รากแก้ว รากฝอย ของต้นไม้

เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนทั่วแทบจะทุกตารางนิ้วในพื้นที่บริเวณกว้างยาวหนึ่งโยชน์ ตามที่อาจารย์หมอได้สั่งไป จึงตัดสินใจเดินทางกลับมาหาอาจารย์หมอด้วยคำตอบจากงานวิจัยภาคสนามเชิงปฏิบัติการอย่างละเอียดว่า ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าต้นใดหรือสิ่งใดที่ไม่เป็นตัวยาเลย ทุกอย่างเป็นตัวยาทั้งสิ้น

อาจารย์หมอได้ฟังรายงานดังนั้นจึงกล่าวว่า พ่อชีวก เธอเรียนได้ดีเจนจบครบถ้วนดีแล้ว ความรู้ของเธอมากพอจะดูแลรักษาเพื่อนมนุษย์และได้รับรางวัลจากการรักษาพอที่จะเลี้ยงชีพได้อย่างสบาย

เป็นอันว่า ชีวกโกมารภัจ จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยตักสิลา ด้วยการสำรวจ ค้นคว้าตัวยาอย่างครบถ้วนไม่มีเหลือ นับเป็นนักศึกษาแพทย์ที่จบการศึกษาด้วยคะแนนยอดเยี่ยม ความเก่งกล้าด้านตัวยาเสมุนไพรที่ไร้เทียมทาน ทำให้ชื่อเสียงของหมอชีวกขจรขจายไปอย่างรวดเร็ว และยังคงอยู่ถึงปัจจุบันนี้ แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึง สองพันห้าร้อยห้าสิบกว่าปีแล้วก็ตาม ดังโคลงโลกนิตที่ว่า สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกานั้นแล

 

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple