สงกรานต์วันแห่งความรัก
ลูกหลานที่ต้องจากครอบครัว จากบ้านเกิดเมืองนอน จากบิดามารดาและญาติมิตรที่เคยอยู่กันมาแต่อ้อนแต่ออก ไปอยู่ในถิ่นห่างไกล เพื่อประกอบอาชีพการงาน หรือ ศึกษาเล่าเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น พอถึงวันที่ 13 เมษายน ของทุกปี จะพากันกลับบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อเยี่ยมครอบครัวรดน้ำดำหัวพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายกันเป็นกรณีพิเศษ ญาติพี่น้องที่ต้องจากไปคนละทิศละทาง หากเดินทางกลับมาบ้านได้ไม่ยาก จะต้องเดินทางกลับมาให้ได้
ก่อนที่ลูกหลานจะเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอน ด้วยจิตใจที่แสนอาลัยคิดถึงคนึงหาพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายมาเป็นเวลาช้านาน มักจะหาซื้อสิ่งของ ข้าวปลาอาหาร เครื่องใช้ไม้สอยเสื้อผ้าอาภรณ์มาฝากท่านผู้สูงอายุแทนความคิดถึง ในเทศกาลพิเศษนี้ด้วย
ความผูกพันดังกล่าวนี้ กลายเป็นสายสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ประเพณี ที่เชื่อมโยงไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ด้วยการจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมากที่เกิดขึ้นมาโดยรัฐบาลไม่ต้องเข้าไปวางแผน หรือจัดการแต่อย่างใด ช่วงเทศกาลสงกรานต์สัปดาห์หนึ่งเต็มๆนี้เป็นวันเวลาที่เงินตราหมุนเวียนสู่ที่ต่างๆอย่างทั่วถิ่นไทย ตามเส้นทางแห่งความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์ที่ปวงชนชาวไทยผู้ที่มีหัวใจผูกพันอยู่กับวัฒนธรรมและประเพณีจะร่วมกันสร้างขึ้นมา
การจับจ่ายใช้สอยในช่วงสงกรานต์จะเชื่อมโยงสัมพันธ์กับเศรษฐกิจทั้งระดับล่างและระดับบนอย่างทั่วถึง ดูตัวอย่างง่ายๆเทศกาลสงกรานต์แต่ละครั้งรถประจำทางสายต่างจังหวัดแน่นทุกสาย ทำรายได้ให้กับผู้โดยสารเป็นกอบเป็นกำ เพราะทุกคนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ล้วนจำเป็นต้องใช้รถโดยสารประจำทางและรถไฟแทบทั้งนั้น
นอกจากผู้ประกอบการรถโดยสารจะได้รับเงินจากค่าบริการกันเนื้อๆแล้ว ต้องไม่ลืมว่า สถานีบริการน้ำมันก็รับเงินกันมากกว่าวันธรรมดา เพราะทั้งรถยนต์และรถไฟที่จะต้องเดินทางไกลกันเป็นพิเศษนี้ล้วนต้องใช้นำมันทั้งสิ้น เมื่อแวะเติมน้ำมันให้รถตามสถานีเติมน้ำมันแล้ว คนขับหรือผู้โดยสารก็ต้องเติมอาหารให้คนด้วย คนขายอาหารก็ขายอาหารกันอย่างสนุกสนานรับเงินกันอย่างทั่วถึง
เมื่อกลับถึงถิ่นฐานบ้านช่องก็ต้องออกมาจากบ้านเพื่อจับจ่ายของสดและเครื่องปรุงอาหารเพื่อเลี้ยงดูต้อนรับการมาเยือนบ้านเกิดกันอีก คราวนี้แหละเป็นทีของคนรากหญ้าที่จะรับเงินบ้างละ ผักผลไม้ที่มีอยู่ในท้องถิ่นก็จะพากันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
เมื่อกินอาหารกันเป็นที่สำราญใจก็จะพากันไปเที่ยวชมสิ่งต่างๆ ไม่ว่า ภูเขา น้ำตก ห้วยละหารธารน้ำที่ร่มรื่นที่มีอยู่ทั่วท้องถิ่นไทย เมื่อไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องทานข้าว ทานน้ำเป็นธรรมดา คราวนี้ก็ไปกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนให้แม่ค้าพ่อค้าตามท้องถิ่นต่างๆได้รับเงินกันทั่วหน้า
คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธจะทำอะไรก็มักจะไม่ลืมวัดวาอาราม เช้าเพลวันที่ 13 เมษายน ต่างคนต่างนำอาหารผลไม้ไปทำบุญที่วัดและรับประทานอาหารร่วมกัน บ้านใกล้วัดไหนก็ไปทำบุญวัดนั้น แต่ละคนมักจะรู้จักคุ้นเคยกับวัดที่บ้านเกิดเป็นอย่างดี แต่ละครอบครัวมักจะมีประวัติศาสตร์ที่ผูกพันอยู่กับวัดใกล้บ้านเพราะเวลาบรรพบุรุษหรือบิดามารดาเสียชีวิตมักจะนำกระดูกไปเก็บไว้ที่วัดพื่อเป็นที่ระลึกและรู้สึกอบอุ่นที่บรรพบุรุษหรือบิดามารดาจะได้อยู่ในวัดได้ยินเสียงพระสงฆ์ทำวัตรสวดมนต์แผ่เมตตาทุกเช้าค่ำ
เวลากลับบ้านยามสงกรานต์ก็มักจะรวมญาติของแต่ละครอบครัวทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษเป็นพิเศษ ได้รวบรวมเงินถวายแก่วัดวาอารามได้ใช้สอยบูรณะซ่อมแซมเสนาสนะเพื่อเป็นศูนย์กลางแห่งประชาชนใกล้ไกลได้ทำบุญสมาทานศีลเจริญภาวนากันต่อไปจากรุ่นหนึ่งไปยังรุ่นหนึ่ง เพราะวัดวาอารามเป็นสมบัติของชุมชนอย่างแท้จริง การที่พุทธศาสนิกชนเข้าไปช่วยเหลือเกื้อกูลวัดอย่างจริงใจก็มิใช่อื่นไกล เป็นการสร้างศูนย์กลางให้ชุมชนด้วยความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของชุมชนเอง
ประเพณีสงกรานต์ที่ทำอย่างซื่อๆและเรียบง่าย ปล่อยทุกสิ่งออกมาจากใจที่บริสุทธิ์ เป็นประเพณีที่มีแต่ความเย็นกายเย็นใจแก่คนในครอบครัว สังคมและประเทศชาติ คนที่ไปวัดวันสงกรานต์จะพากันสรงน้ำพระพุทธรูป สรงน้ำพระสงฆ์ รดน้ำผู้สูงอายุ
การสรงน้ำเป็นการแสดงความเคารพรักอย่างจริงใจ น้ำที่ใช้สรงเป็นสัญญลักษณ์แห่งความรักที่มีแต่ความชุ่มเย็นไหลออกมาจากใจ แม้น้ำที่รดที่สรงจะเหือดแห้งหายไปแต่ความผูกพันภายในที่เชื่อมด้วยน้ำใจยังแนบแน่นยิ่งนัก เป็นความแนบแน่นแห่งเครือญาติ สังคม และอาจจะขยายไปสู่ประเทศชาติหากเข้าใจนัยแห่งธรรมได้แตกฉานและนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม
ประเทศไทยวันนี้ช่างร้อนรุ่มลองพักรบแล้วหันมารักันสักอาทิตย์จะดีไหม หากพักรบแล้วมารักกันได้ทุกฝ่ายสบายใจก็จงรักกันตลอดไป ทำไมวันนี้เรารักกันไม่ได้ เพราะต่างฝ่ายต่างจะเอา ต่างฝ่ายต่างบ่นว่า ตนเสียเปรียบและต้องการจะเอาคืนกันทั้งนั้น เลยหาความเย็นไม่พบ ลองหันมารักกัน และต่างฝ่ายต่างต้องการเสียสละกันดูสักที ประเทศไทยจะเปลี่ยนโฉมจากประเทศที่น่ากลัวกลายเป็นประเทศที่น่ารัก น่าเที่ยวน่าชม ด้วยความรักที่ส่งผ่านรอยยิ้มตามที่เคยเรียกขานกันว่า สยามเมืองยิ้ม ความหวาดกลัวทั้งหลายจงออกไป ความสงบเย็นและมั่นใจจงคืนมาด้วยรอยยิ้มและเมตตาเถิด
คิดๆไปวันสงกรานต์เป็นวันที่มีแต่กิจกรรมแห่งความรักแทบทั้งสิ้น ลูกๆกลับมาเยี่ยมเยือนพ่อแม่ เกิดขึ้นเพราะความรัก ลูกหลานกลับไปเยี่ยมถิ่นเกิดก็เพราะความรักถิ่นเกิดลูกหลานแสดงความเคารพต่อผู้ใหญ่ ก็เป็นรูปแบบแห่งความรักความผูกพันอีกแบบหนึ่ง แต่ก็คือ ความรัก พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลกันเข้าวัดมากเป็นพิเศษแทบทุกที่ก็เพราะพุทธศาสนิกชนมีความรักความผูกพันต่อพระพุทธศาสนาที่สอนให้มนุษย์รักกัน เพราะความรักเท่านั้นที่จะสร้างความสงบสุขให้หัวใจให้ครอบครัว สังคม ประเทศชาติหรือแม้แต่โลก
ปีนี้วัดพุทธปัญญาได้จัดบุญสงกรานต์แบบเงียบๆ เรียบๆง่ายๆไร้ความสนุกสนานรื่นเริงใดๆเหมือนที่เคยจัดมาทุกปี เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมบุญได้สัมผัสกับบรรยากาศบุญ คือความสงบ อิ่มเอิบใจ กันแบบเต็มๆชนิดที่ไม่มีอะไรฉกฉวยหรือแย่งไปได้เลย ดังคำที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุญอันโจรนำไปไม่ได้นั่นแหละ
พุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาร่วมงานล้วนมาด้วยความเต็มใจ ตั้งใจ และจริงใจ โดยปราศจากแรงจูงใจใดๆทั้งสิ้น เป็นการมาด้วยพลังแห่งความเมตตา กรุณา และโยนิโสมนสิการนำมา จึงรู้สึกซาบซึ้งในกุศลเจตนาที่ประกอบไปด้วยกรุณาอันเต็มเปี่ยมจนล้นใจในครั้งนี้แก่ผู้ที่มาร่วมงานทุกคน
วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2552 การทำบุญเริ่มต้นเมื่อเวลา 10.00 น. พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั้งหลายรวมตัวกันในอุโบสถศาลาอเนกประสงค์วัดพุทธปัญญาแล้วร่วมกันสวดมนต์ทำวัตรแปลอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยเสียงกระหึ่มที่บ่งบอกถึงความปลาบปลื้มเบิกบานซาบซึ้งในบทแห่งการสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณและพระสังฆคุณยิ่งนัก
เมื่อทำวัตรสวดมนต์แปลยามเช้าเสร็จแล้ว จึงพากันนั่งสมาธิด้วยการวางใจไว้ที่ลมหายใจระลึกรู้อยู่ทั้งเข้าและออก ทั้งสั้นและยาว เข้าใจสัมผัสได้ในทุกลีลาที่ปรากฏเฉพาะหน้า เป็นการกลับมาเฝ้าดูลีลาความเคลื่อนไหวแห่งชีวิตที่บางครั้งบางเวลาเราอาจจะลืมนำพาไปบ้างเพราะเหตุการณ์ต่างๆรอบตัวคอยช่วงชิงไปเสียหมด แต่การมาทำบุญครั้งนี้ได้กลับมาหาตนเอง ได้กลับมาบ้านที่แท้จริง เพื่อยอมรับความจริงว่า ชีวิต คือลมหายใจ ชีวิตวางอยู่ที่ลมหายใจนี้เอง หากหายใจเข้าเพียงทางเดียว ไม่หายใจออก ชีวิตก็จบลง หรือหายใจออกเพียงทางเดียว ไม่หายใจเข้าชีวิตก็จบสิ้น
การภาวนาด้วยวิธีอานาปานสตินี้ คือ การเฝ้าดูความอัศจรรย์แห่งชีวิตที่ผูกติดกับลมหายใจ ทุกคนสามารถเฝ้ามองความมหัศจรรย์นี้ได้เท่าๆกัน
เมื่อทำวัตรสวดมนต์ภาวนาพอสมควรแก่เวลาแล้ว ชวนกันแผ่เมตตา คือ ความรักให้กว้างไกลออกไปอย่างไม่มีที่สุดไม่มีประมาณเพื่อปลูกฝังและเติมพลังแห่งความรักลงในใจ เพื่อจะได้เป็นพลังขับเคลื่อนชีวิตให้เดินหน้าต่อไปอย่างไม่กระทบกระทั้งหรือกระแทกใครให้กระทบกระเทือนทั้งสิ้น
เนื่องจากวันนี้เป็นวันแห่งความรักที่ลูกหลานมีแก่บรรพบุรุษ เป็นรักพิเศษที่มีกันไปข้ามภาพข้ามชาติมิได้จำกัด หรือ สะดุดลงด้วยข้อจำกัดแห่งกาลเวลาใดๆพระสงฆ์จึงสวดบังสุกุลให้แก่บรรพบุรุษโดยทำพิธีง่ายๆให้ทุกคนเขียนชื่อบรรพบุรุษลงในกระดาษแล้วใส่ลงในพานที่เตรียมไว้ให้ จากนั้นเชิญชวนให้ทุกคนหลับตาระลึกถึงภาพของผู้ที่ตนรักและเคารพที่สุด ที่ยังเก็บความรู้สึกไว้ในเจดีย์ใจ แล้วพระสงฆ์ก็สวดอภิธรรมและพิจารณาสังขารให้ เป็นความประทับใจที่ทุกคนได้มีเวลานึกถึงคนที่ตนรักอย่างเต็มใจ
สำหรับผู้ที่มาทำบุญกับพ่อและแม่ นับเป็นเวลาที่พิเศษสุดๆที่จะได้มีโอกาสแสดงความรู้สึกรักและผูกพันแก่กันและกันอย่างเปิดเผยทั้งๆที่ก็มีความรู้สึกดีๆมาตลอดเวลานั่นแหละ
พุทธศาสนิกชนพร้อมใจกันกล่าวคำถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์จากนั้นจึงกรวดน้ำ รับพร แล้วพุทธศาสนิกชนตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อตักบาตรแก่พระสงฆ์ที่ออกรับบิณฑบาต แล้วจึงไปตักอาหารคาวหวานใส่ลงในบาตรพิจารณาฉันด้วยความสงบ ขณะเดียวกันก็เชิญพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงาน ก็รับประทานอาหารกับมิตรสหายที่รัก รู้จักและคุ้นเคยอย่างมีความสุข
พระสงฆ์ฉันภัตตาหารแล้ว พุทธศาสนิกชนรับประทานอาหารกันอิ่มหนำถ้วนหน้าแล้วจึงเริ่มพิธีสรงน้ำพระพุทธปฏิมาและพระสงฆ์ จากนั้นลูกหลานก็พากันรดน้ำให้พ่อหรือแม่ที่มาด้วยกัน หรือ เลือกรดน้ำขอพรจากท่านผู้สูงอายุ ท่านใดเลือกได้ตามชอบใจ ทุกอย่างเป็นไปอย่างมีความสุขสงบเรียบง่าย
ภาคบ่ายก็ฟังปาฐกถาธรรมและสนทนาธรรมตามอัธยาศัย วันนี้มีพุทธศาสนิกชนทยอยกันมาทำบุญวันสงกรานต์จนกระทั่งเย็น ปิดท้ายด้วยการทำวัตรสวดมนต์เย็นและภาวนา ซึ่งเป็นกิจวัตรของพระสงฆ์ที่มีเป็นประจำทุกวัน
พุทะศาสนิกชนไม่น้อยแวะเวียนมาถามเสมอๆว่า ที่วัดพุทธปัญญามีการนั่งสมาธิหรือไม่ ช่วยบอกต่อๆกันไปได้ว่า มีทุกวันตอนเช้า เวลา 7.00 น. และตอนเย็น เวลา 19.00 น. หรือจำง่ายๆว่า เจ็ดเช้า และเจ็ดเย็น ว่างตอนไหนขอเชิญได้ตามสะดวก
ขอขอบคุณพุทธศาสนิกชนทุกท่านที่มาร่วมบุญสงกรานต์ในปีนี้ ขออวยพรให้มีความเมตตา อดกลั้นอดทน สงบ เย็น มั่นคง ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขทุกทิพาราตรีกาลเทอญ
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple