วัดพุทธปัญญา

บทความ\ญายปฏิปันโน ปฏิบัติตนเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องพ้นทุกข์

ญายปฏิปันโน ปฏิบัติตนเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องพ้นทุกข์

บทสวดพระสังฆคุณที่ว่า ญายปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติ เพื่อรู้ธรรม เป็นเครื่องออกจากทุกข์ เป็นบทพระสังฆคุณที่บอกว่า พระสงฆ์จะต้องปฏิบัติตนอย่างไร จึงจะเป็นพระสงฆ์ที่ได้มาตรฐานตามบทพระสังฆคุณ พระสงฆ์เองหรือพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย สามารถนำเอาบทสังฆคุณบทนี้มาเป็นเกณฑ์ในการปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี เพราะข้อปฏิบัติดังกล่าวจะยังประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้ถึงพร้อม ตามพระพุทธประสงค์แห่งการปฏิบัติธรรมทั้งปวง

การปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ตั้งแต่ดั้งเดิมนั้น พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า ประพฤติพรหมจรรย์ เวลาใครไปขอบวชกับพระพุทธเจ้า พระองค์จะประทานการอุปสมบทด้วยพระวาจาว่า เธอจงมาเป็นภิกขุเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด

คำว่า ภิกขุ แปลได้สองความหมาย คือ แปลว่า เป็นผู้ขอ และเป็นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร

คำแปลที่ว่า เป็นผู้ขอ คือ การขอปัจจัยสี่ คือ จีวร(เครื่องนุ่งห่ม) (บิณฑบาต) อาหาร (เสนาสนะ) ที่อยู่อาศัย และ(คิลานเภสัช) ยารักษาโรค เพียงเพื่อยังชีพไปวันต่อวันโดยไม่มีการสะสมเพื่อความมั่งคั่ง หรูหรา วิธีขอ ก็เพียงเดินไปให้ประชาชนที่มีน้ำใจเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาได้เห็นแล้ว หยิบยื่นปัจจัยสี่ที่มีอยู่ให้ด้วยความตั้งใจ จริงใจ และเต็มใจ มิใช่ให้เพราะฝืนใจ หรือ ถูกบังคับโดยประการใดๆ จะเห็นได้ว่า เวลามอบปัจจัยสี่แก่พระสงฆ์พุทธศาสนิกชนจะต้องประเคน หรือ ยื่นให้เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์แห่งการได้มาซึ่งปัจจัยสี่ของพระสงฆ์ว่าได้มาอย่างบริสุทธิ์จากผู้ให้ที่มีความจริงใจ ตั้งใจและจริงใจ

ปัจจัยสี่ที่ประชาชนถวายมาด้วยศรัทธานี้ พระภิกษุจะต้องบริโภคด้วยความระมัดระวัง สำรวมและตั้งใจ ไม่ประมาท เพื่อให้ชีวิตอยู่รอด เพื่อการประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป

คำว่า ภิกขุ ที่แปลว่า เป็นผู้เห็นภัยในวัฎฎสงสาร หรือการเวียนว่ายแห่งความทุกข์ที่เกิดขึ้นนับไม่ถ้วนนั้น หมายถึง ผู้ที่ออกบวชเป็นพระสงฆ์ ออกบวชเพราะได้เห็นภัยในวัฎฎสงสาร คือ การเกิดขึ้นแห่ง กิเลส กรรม และวิบาก อันเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ ครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วรู้สึกอึดอัดขัดเคือง ปรารถนาจะออกมาจากสภาพที่อึดอัดนั้น เพื่อเข้าถึงอิสรภาพอันถาวร จึงออกมาเสียจากการครองเรือน ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ไร้เครื่องพันธนาการรัดรึงเพราะมีเรื่องราวที่จะจัดการกับชีวิตเพียงน้อยนิด มีเวลาที่จะศึกษาเฝ้าพิจารณาดู ความทุกข์และเหตุให้เกิดความทุกข์อย่างลึกซึ้งแจ่มแจ้ง ตามที่เรียกว่า เป็นผู้ปฎิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์

การปฏิบัติธรรมเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์นั้น ปฏิบัติอย่างไร

การปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์คือ ประพฤติพรหมจรรย์ อันได้แก่การประพฤติตนในศีล สมาธิ และปัญญา อันจะนำไปสู่ ญาณ คือ ความรู้อันเป็นสาเหตุที่ความทุกข์เกิดมิได้

ศีล คือ การปฏิบัติตนเพื่อความเป็นปกติ แห่งกาย และวาจา ระมัดระวัง ตั้งใจ ไม่ประมาทในสิกขาบทใหญ่น้อย ที่พระพุทธเจ้า และ พระอริยสงฆ์สาวกทั้งหลายได้ร่วมใจกันบัญญัติ เพื่อส่งเสริมความหลุดพ้นจากกิเลสเครื่องพันธนาการเป็นส่วนบุคคลและเอื้อเฟื้อต่อการบำเพ็ญประโยชน์แก่มหาชนเป็นอันมาก เป็นที่ตั้งแห่งความศรัทธาเลื่อมใส และความสบายใจแก่พุทธศาสนิกชนที่ได้พบเห็น

สมาธิ คือ จิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ ตั้งมั่น ตื่นตัว เบิกบานอยู่ตลอดเวลา การประพฤติพรหมจรรย์ในสมาธิสิกขา ก็คือ การฝึกฝนตนเองโดยกระบวนการฝึกสมาธิอย่างติดต่อจนมีสภาพจิตที่มีความมั่นคง บริสุทธิ์ ผ่องใส่ ตื่นตัวพร้อมที่จะเคลื่อนไหวทางกาย หรือ ทางวาจาที่เป็นไปอย่างเหมาะสม ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น

ปัญญา คือ ความรู้ที่สะสมขึ้นมาจากการฝึกฝนแยกแยะได้อย่างชำนาญว่า อะไรเป็นกุศล อะไร เป็น อกุศล อะไรเกิดขึ้นแล้วแก่ใจทำให้ใจเศร้าหมอง อะไรเกิดขึ้นแล้ว แก่ใจทำให้ใจบริสุทธิ์ พึงพัฒนาเพิ่มพูน ส่วนที่เป็นกุศล และพึงละสิ่งที่เป็นอกุศลให้หมดไป

การประพฤติธรรมในส่วนการเจริญปัญญา คือ การทำความเข้าใจ วิเคราะห์ แยกแยะสิ่งต่างๆที่เข้ามาสู่ชีวิตแล้วคัดสรรเลือกรับหรือสลัดออกอย่างชาญฉลาด จนไม่มีอกุศลคั่งค้างเพื่อสร้างทุกข์ได้ในที่สุด

นี่คือ ความหมาย ของบทพระสังฆคุณที่ว่า ญายปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ ซึ่งแปลอีกครั้งว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์

ความรู้สำคัญของพระสงฆ์ คือ ความรู้ธรรม เป็นเครื่องออกจากทุกข์

เมื่อพระสงฆ์ได้รู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์ จากการประพฤติพรหมจรรย์ เห็นค่าของพรหมจรรย์ พระพุทธเจ้าจึงมอบภารกิจให้พระสงฆ์ปฏิบัติคือ การประกาศพรหมจรรย์ ที่บริสุทธิ์ในเบื้องต้นด้วยการสมาทานอาจหาญรื่นเริงในการสมาทานศีล ตามสถานะของตนๆ ในการปฏิบัติสมาธิภาวนา ยกระดับจิตให้ขึ้นสูงกว่า กระแสกิเลสจะพัดพาให้หวั่นไหว ฝึกฝนจิตใจที่สงบมั่นคงให้มีทักษะในการมองสิ่งทั้งหลายทั้งที่อยู่ภายในและภายนอกชีวิตของตนให้เห็นตามความเป็นจริง ไม่ผิดเพี้ยนแตกต่าง เมื่อมองเห็นความจริง ยอมรับความจริงในทุกสิ่งทุกอย่าง เข้าถึงความจริง อยู่กับความจริง ก็จะเข้าถึงธรรม เมื่อเข้าถึงธรรมก็พบสุขแท้ๆ

นี่คือกระบวนการดำรงชีวิตเพื่อการเรียนรู้ แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์ย่อมส่องทางเดินให้แก่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายโดยไร้ขีดจำกัดฉันใด แสงสว่างแห่งธรรมก็ย่อมส่องสว่างนำทางมนุษย์ให้พบความสุข สงบเย็นอย่างไม่มีข้อจำกัดฉันนั้น

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple