วันมหาประชาชื่นชม
เมื่อวันอังคารที่ 20 มกราคม 2552 บารัค โอบามา ได้เข้าทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี คนใหม่ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นที่เรียบร้อยแล้วท่ามกลางบุคคลสำคัญและเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ และนักการศาสนา ต่อหน้ามหาชน สองล้านกว่าคนที่เดินทางมาจากรัฐต่างๆภายในประเทศสหรัฐอเมริกาและจากประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อร่วมพิธีการสำคัญในครั้งนี้
พิธีการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นการถ่ายโอนอำนาจจากผู้นำประเทศคนเก่าไปสู่คนใหม่ที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เป็นการถ่ายโอนอำนาจที่ดำเนินไปอย่างสันติ ตามกระบวนการประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี จนกระทั่งถึงเวลาสาบานตน คือวันส่งตัวผู้นำที่ประชาชนเลือกแล้ว เข้าสู่ทำเนียบขาว
แม้ประเทศสหรัฐอเมริกาจะเป็นประเทศใหม่เมื่อเทียบกับประเทศในยุโรปอย่างอังกฤษ หรือ ประเทศในเอเซียอย่างจีน และอินเดีย แต่อเมริกันชนก็พยายามที่จะสร้างวัฒนธรรมและประเพณีต่างๆขึ้นมาเป็นวัฒนธรรมประจำชาติที่ประชาชนจากศาสนา และชาติพันธ์ ต่างๆสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ด้วยความเต็มใจ อย่างเช่น พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีคนใหม่ซึ่งจะมีทุกสี่ปี
โดยปกติ แม้อเมริกันชน จะมีวัฒนธรรมของการวิพากษ์วิจารณ์โต้แย้งระหว่างบุคคล ระหว่างกลุ่ม หรือ ระหว่างพรรคการเมืองค่อนข้างสูง แต่การโต้แย้ง หรือ ถกเถียงเหล่านั้นล้วนมีข้อยุติตามกติกา เช่น คุณฮิลลารี่ คลินตัน เคยโรมรันพันตูกันอย่างรุนแรงเพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงในการเป็นผู้สมัครประธานาธิบดี ต้องโต้แย้งหรือ ถกเถียงเรื่องนโยบายกันแทบจะทุกเรื่อง แม้บางเรื่อง เห็นพ้องต้องกันในหลักการแต่ ต้องถกกันในรายละเอียด แต่เมื่อ ท่านประธานาธิบดี ครองคะแนนข้างมากจนได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครแข่งขันเป็นประธานาธิบดี คุณฮิลาารี่ ก็ช่วยหาเสียงเต็มที่ เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนของเธอเทคะแนนให้ท่านประธานาธิบดี จนเอาชนะผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันอย่างขาดลอย
เมื่อโอบามาได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ยังได้เชิญ คุณฮิลลารี เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศในคณะรัฐมนตรีของ ท่านประธานาธิบดีอีกด้วย
ในการเสนอชื่อ คุณฮิลลารี่ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ก็ได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันอย่างดี โดย งดออกเสียงเพียงสองคนเท่านั้น
นี่คือ ภาพแห่งความสามัคคีของนักการเมืองอเมริกัน ที่พวกเขาช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อเผชิญหน้ากับวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังถาโถมใส่ประเทศสหรัฐอเมริกามาเป็นปีและมีทีท่าว่าจะยังคงถล่มต่อไปอย่างไม่ยั้ง
แม้อเมริกันชน มักจะมองอนาคต และทำอะไรเพื่อคนรุ่นใหม่เสียเป็นส่วนมาก แต่น้ำใสใจจริงของอเมริกันชน ยังมีความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างเหนียวแน่น เห็นได้จาก การที่ท่านประธานาธิบดีโอบามาถ่ายภาพร่วมกับอดีตประธานาธิบดีทั้งห้าคนในทำเนียบขาว หรือ การปรากฏตัวของอดีตประธานาธิบดีบนเวทีทำพิธีสาบานตน ล้วนเป็นเรื่องการให้เกียรติ์ ให้คุณค่ากับคนที่เคยเป็นผู้นำชาติอย่างดียิ่ง
อดีตประธานาธิบดี จอร์ช ดับเบิ้ลยู บุช แม้จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อว่า เป็นประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดเพราะสร้างหนี้ให้กับประเทศมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อถึงเวลาต้องอำลาจากตำแหน่งประธานาธิบดี ย่อมได้รับเกียรติ์อย่างสูงจากคนที่ได้พบเห็น
ภาพที่ประธานาธิบดี โอบามาจูงมือ อดีตประธานาธิบดี จอร์ช ดับเบิลยู บุชไปส่งขึ้นเครื่องเฮลิคอปเตอร์ เป็นภาพที่แสดงความเป็นมิตรภาพ ให้เกียรติ์และให้ความเคารพซึ่งกันและกันอย่างน่าประทับใจยิ่งนัก
ช่วงเวลาประกอบพิธีจริงๆประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ แววตาของประชาชนที่ไปร่วมงานจำนวนสองล้านกว่า คนที่กล้องทีวีพยายามถ่ายอย่างใกล้ชิด ล้วนเป็นแววตาแห่งความสุข หลายคนน้ำตาแห่งความปีติไหลพรากตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่ท่านประธานาธิบดีโอบามากำลังกล่าวสุนทรพจน์
ไม่มีใครล่วงรู้ได้ ว่า หยาดน้ำตาที่อาบแก้มของใครต่อใครในวันนั้น ไหลออกมาเพราะเหตุอันใด พวกเขาคิดอะไร จึงกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ เป็นน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความปีติเปี่ยมสุข ประหนึ่งว่า ใครคนหนึ่ง รอความหวังอะไรสักอย่างหนึ่ง ได้แต่หวังๆๆๆๆๆมาเป็นร้อยๆปี และวันหนึ่งความวังนั้นก็สมหวัง ความฝันนั้นเป็นจริง เมื่อสำเร็จสมหวัง วันสาบานตนของท่านประธานาธิบดี จึงเป็นวันนี้ที่รอคอย
กล่าวกันว่า อเมริกา เป็นเมืองแห่งโอกาส ในอดีตเคยเป็นมาอย่างไร ปัจจุบันก็ยังเป็นไปอย่างนั้น หรือ คนอเมริกันมักปลุกใจลูกหลานว่า ทุกสิ่งเป็นไปได้ในอเมริกา
วันนี้จึงเป็นวันที่พิสูจน์ว่า แผ่นดินแห่งเทพีเสรีภาพแห่งนี้ ยังเป็นดินแดนแห่งโอกาส ในอดีต คนผิวดำไม่มีโอกาส แม้จะเดินเข้าคูหาเลือกตั้งตัวแทนของตนในทุกระดับ แต่วันนี้คนผิวดำได้สร้างตำนานสำคัญในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จแล้ว เขาเดินเข้าสู่ทำเนียบขาวอย่างสง่างามท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนจำนวนล้าน ท่ามกลางสายตาของคนที่จ้องมองพิธีอยู่หน้าจออย่างไม่กระพริบเป็นพันล้านคู่
แม้หลายคนจะกังวลมาแต่ต้นว่า คนผิวขาวนั้นลึกๆในใจยังแบ่งแยกเหยียดหยามคนสีผิวสารพัด แต่พอมาถึงวันหนึ่ง เมื่อคนสีผิวได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ต่อสู้ชีวิตมาอย่างโชกโชน ก้าวเข้ามาขออาสานำประเทศให้พ้นวิกฤติ์ ชาวอเมริกันไม่ว่าผิวไหนชาติพันธุ์ใด ได้ฟังข้อเสนอของเขาแล้ว ประทับใจเชื่อมั่นในสมอง ในความคิด ในจิตใจที่แข็งแกร่งกล้าสู้ กล้าคิด กล้าทำ ผิวสี ที่เคยเป็นกำแพงขวางกั้นโอกาสมาช้านานก็ต้องพังทลายลง ไม่มีใครสนใจเรื่องสีผิว หรือง ธรรมชาติของผมที่หยิกงออีกต่อไป แต่หันมาสนใจความคิดดีๆที่ซ่อนอยู่ใต้ผม จิตใจที่ดีงาม แข็งแกร่ง ที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนัง จึงไม่ลังเลที่จะร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ ปลุกเร้าวิญญาณ แห่งความเสมอภาค เสรีภาพและภราดรภาพ ที่สถิตอยู่ เหนือแผ่นดินนี้ ให้สว่างไสวอีกครั้งหนึ่ง
ระบอบประชาธิปไตยที่เติบโตเต็มที่ มีกลไกต่างๆที่หยั่งรากลึกมาช้านาน เป็นเครื่องมือคัดสรรค์ผู้นำประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่พอใจ เต็มใจให้นำทางเดินไปด้วยกันอย่างไม่มีปัญหา คลื่นมหาชนที่เดินทางมาจากที่ต่างๆทั่วสารทิศ ต้องยืนรอร่วพิธีเป็นเวลาหกถึงเจ็ดชั่วโมงติดต่อกันด้วยความเต็มใจ ย่อมเป็นดัชนีชี้วัดได้ว่า ปวงประชาที่มาร่วมงานในวันนั้นล้วนชื่นชมท่านประธานาธิบดีอย่างจริงใจใครจะเรียกวันนี้ว่าเป็นวันมหาประชาชื่นชมก็คงจะไม่ผิดไปจากความจริงเลยแม้แต่น้อย
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple