นิติรัฐยังไม่กลับคืน
เมื่อวันอังคารที่ 6 มกราคม 2552 นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปช่วยลูกพรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเลือกตั้งซ่อมในจังหวัดลำปาง และลำพูน เมื่อรถหาเสียงกำลังแห่ขบวนไปรอบๆเมืองนั้น ก็มีกลุ่มเสื้อแดง นำรถกระบะติดเครื่องขยายเสียงตะโกนด่านายชวน หลีกภัย ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ไล่ล่าประชิดรถหาเสียงที่นายชวนยืนโบกมือให้ประชาชนริมถนนที่รถแล่นผ่านไปช้าๆ และขว้างปาด้วยขวดน้ำและไข่เน่า ใส่นายชวนและคณะผู้ติดตามอย่างไม่ยั้ง
ภาพการขับรถไล่ล่าของกลุ่มเสื้อแดง น่ากลัวมาก แม้จะผ่านตำรวจจราจรที่ยืนทำหน้าที่บนถนนก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวตำรวจแต่อย่างใด ตำรวจเองแม้จะเห็นการตามล่าทำร้ายร่างกายกันต่อหน้าต่อตาก็มิได้สะกัดกั้นหรือห้ามปรามแต่ประการใดยืนดูประหนึ่งว่า สิ่งที่ผ่านหน้าไปเป็นการแสดงหนังฉากหนึ่งที่ไม่มีอะไรหรือใครเป็นผู้เสียหาย
ภาพนี้คือ ลางร้ายที่บ่งชี้ว่า คนเสื้อแดงทรงอิทธิพลมากแค่ไหน สามารถทำร้ายใครหรือรบกวนใครๆแบบไหนก็ได้ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่กล้าจับกุม แม้การกระทำนั้นๆจะเป็นเรื่องการกระทำผิดกฎหมายอย่างอย่างโจ่งแจ้งก็ตาม
สิ่งที่จะเป็นอันตรายในระยะยาวที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถให้ความยุติธรรมได้ประชาชนไม่รู้สึกว่าปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จะพากันพกอาวุธเดินหน้าฆ่าฟันกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายเพราะกฏหมายไม่สามารถจะให้ความคุ้มครองคนบริสุทธิ์ได้ ไม่สามารถปราบปรามผู้กระทำผิดได้
ประเทศไทยกำลังเดินเข้าสู่จุดอันตราย ที่คนในชาติแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรง เข้าใจผิดคิดว่า การเบียดเบียนผู้อื่นคือการใช้เสรีภาพ หากไม่รีบแก้ไข จะเกิดการจองเวรกันร่ำไป การแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์ เป็นไทยเหนือไทยใต้จะเกิดขึ้นในไม่ช้า เพราะต่างคนต่างเห็นแก่ตัว ต่างคนต่างต้องการอำนาจ มองทุกอย่างเป็นการเมืองไปหมด นำทุกเรื่องมาเป็นประเด็นการเมืองไปหมด เรียกว่า เล่นการเมืองกันจนชาติพัง
หากนายกรัฐมนตรีต้องการให้นิติรัฐกลับคืนมา ต้องให้เจ้าหน้าใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิดทุกคนที่พบว่ามีหลักฐานการกระทำผิดอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่เลือกว่า เป็นกลุ่มการเมืองใด ไม่มีข้อยกเว้นเพราะเหตุใดๆทั้งสิ้น
กระบวนการยุติธรรมทั้งกระบวนจะต้องทำงานอย่างไร้อคติอันมีสาเหตุมาจากความรัก ความโกรธ ความโง่และความกลัว ต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา ศาลยุติธรรมที่เคยทำงานล่าช้า ต้องปรับตัวให้เร็วขึ้นให้ทันเหตุการณ์ เพราะเรื่องร้อนๆบางเรื่องต้องการคำตัดสินของศาลเพื่อแก้ปัญหาให้จบสิ้น
คำว่า ตุลาการภิวัฒน์จึงไม่น่าจะมีกรอบอยู่แค่คดีการเมือง แต่จะต้องขยายขอบข่ายการทำงานไปสู่เรื่องทางเศรษฐกิจและสังคมโดยเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนต้องใช้กฎหมายเพื่อบ้านเมืองมิใช่เพื่อปากเพื่อท้อง หรือเพื่อเจ้านายคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะ จะต้องแยกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกจากโจรให้ได้ ไม่ควรให้ตำรวจ ทำงานร่วมกับผู้ก่อเหตุ ดังภาพข่าวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำหน้าที่คุ้มกันให้กลุ่มเสื้อแดงกระทำผิดกฎหมายในวันที่ 30 ธันวาคม 2551 หลายภาพชี้ชัดว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนสวมหมวกแดง คาดผ้าแดง ถ่ายภาพร่วมกันกับคนกลุ่มเสื้อแดงอย่างสนิทสนม เป็นกันเองด้วยความครื้นเครง ทั้งๆที่วันนั้น กลุ่มเสื้อแดงขัดขวางมิให้สมาชิกรัฐสภาเข้าไปทำหน้าที่ตรวจสอบนโยบายของรัฐบาลในวันที่รัฐบาลกำลังจะแถลงนโยบาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกจากรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนทุกคนในแผ่นดินนี้อย่างเท่าเทียมกันแล้ว จะต้องรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยการนำเอาผู้กระทำผิดไปขึ้นศาลเพื่อจะได้ทราบกันชัดๆว่า การกระทำอย่างนั้นผิดกฎหมายมาตราไหน ต้องจำคุกหรือปรับเท่าไร ประกาศให้ทราบกันไป เพื่อประชาชนจะได้มีความรู้เท่ากันแล้วช่วยกันรักษากฎหมายเพื่อให้ความสุขสงบกลับคืนมาโดยเร็ว
เรื่องการใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมที่กล่าวมานี้มิใช่ใช้สำหรับคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่การกระทำใดๆที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้กระทำลงไปแล้วก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ทุกคดีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องส่งขึ้นศาล หรือ ขณะนี้หากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองกำลังดำเนินคดีกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องออกข่าวให้ทราบโดยทั่วกันว่า ทุกคนหรือทุกกลุ่มในแผ่นดินนี้จะกระทำผิดกฏหมายมิได้
ในขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังคงอยู่ในที่ตั้ง กลุ่มเสื้อแดงกำลังออกอาละวาดไปทุกแห่ง แม้กับกลุ่มเสื้อแดงเองก็ไม่เว้น รายงานข่าวล่าสุดว่า เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2552 ขณะที่ นายนัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรมพันธุ์ กำลังปราศรัยหาเสียงให้กับผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมพรรคเพื่อไทย ที่จังหวัดบุรีรัมย์เขต 2 กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 200 คนได้ลุกขึ้นด่า แกนนำชาวเสื้อแดงด้วยคำหยาบคายและขว้างปาขวดน้ำ ก้อนหิน และไข่เน่า ขึ้นบนเวที จนกระทั่งนายนัฐวุฒิ และนายจตุพร แกนนำคนสำคัญของชาวเสื้อแดงต้องกระโดดหนีชาวเสื้อแดงแทบเอาชีวิตไม่รอด จนตำรวจต้องเข้าระงับเหตุและจับกุมผู้ก่อเหตุไว้ได้ 1 คน
เหตุการณ์แดงเดือดครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอ่อนแอเกินไป แม้มีคนก่อเหตุเฉพาะหน้าเป็นจำนวนร้อย แต่จับกุมผู้ก่อเหตุได้เพียงคนเดียว คงจะไม่กล้าจับกุมผู้กระทำผิดเพราะกลัวว่า จะไปเจอเด็กเส้นของนายเนวินแล้วเรื่องทุกอย่างต้องจบลงด้วยความว่างเปล่า
ความจริงเหตุการณ์ครั้งนี้ตำรวจประจำท้องที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด คดีนี้ควรจะทำออกมาให้แจ่มแจ้งแดงแจ๋กันเสียทีว่า กลุ่มเสื้อแดงที่มาด่าทอ แกนนำเสื้อแดงคนสำคัญจากส่วนกลางนั้น มาเพราะใครจ้างวาน หรือ มาเพราะความโกรธแค้นพยาบาทเป็นการส่วนตัว สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษเพื่อจะได้เป็นต้นแบบในการติดตามป้องกันเหตุร้ายเหล่านี้ต่อไป
นายนัฐวุฒิและนายจตุพร แกนนำคนสำคัญของชาวเสื้อแดงที่เคยเข้าใจว่า ตนคือ ประมุขของชาวเสื้อแดงที่สามารถเรียกระดมพล หรือสั่งการชาวเสื้อแดงได้ตลอดเวลา ต้องมาทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า กลุ่มเสื้อแดงที่พากันมาฟังความจริงวันนี้ที่สนามรัชมังคลากีฬาสถานนั้น มีนักการเมืองช่วยกันลงขันจัดการอำนวยความสะดวกมา มิใช่มาเพราะนายนัฐวุฒิ นายจตุพร หรือ นายวีระเรียกมา
นายนัฐวุฒิเองคงไม่ปฏิเสธว่า การชุมนุมกลุ่เมเสื้อแดงเพื่อขัดขวางการประชุมรัฐสภาเพื่อฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 29-30 ธันวาคม 2551 นั้น มีจำนวนน้อยกว่าที่แกนนำเสื้อแดงคาดการณ์ไว้มาก หลายกลุ่มไม่ยอมเดินทางมาร่วม เริ่มมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันมากขึ้น
นายจตุพรและนายนัฐวุฒิ ควรทบทวนตัวเองว่า เมื่อก่อนก็เคยประพฤติตนเป็นคนดีมานาน เผลอใจทำชั่วไประยะหนึ่ง ถ้าไตร่ตรองเห็นแล้วว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วผลชั่วตามมาสนอง ไม่เคยได้ผลดีแล้ว ยุติการนำกลุ่มเสื้อแดงออกไปก่นด่าอาละวาดหรือกวนเมืองเสียทีได้ไหม เพราะถึงอย่างไรทำชั่ว ไม่เคยได้ดี ชีวิตถลำไปแค่นี้ยังกลับเนื้อกลับตัวทัน หากยุติการปลุกระดมได้ ความสงบก็จะเกิดขึ้นในระดับหนึ่ง
ต้องยอมรับกันในระดับหนึ่งว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องการให้บ้านเมืองสงบจริงๆ ยอมทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้บ้านเมืองสงบให้ได้ รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมสุดยอดประเทศอาเซียนที่กำหนดการเดิมจะประชุมที่กรุงเทพมหานคร เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้เกิดแก่นานาประเทศและนักลงทุน แต่กลุ่มเสื้อแดงที่นำโดยนายนัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรมหพันธ์ ก็ยังดึงดันที่จะปิดล้อมสถานที่ประชุมให้ได้ แม้รัฐบาลพยายามเจรจรให้เห็นแก่บ้านเมืองสักเท่าไร ก็ไม่ยอมรับฟังยังเดินหน้าก่อกวนต่อไป
ข่าวล่าสุดยืนยันแน่นอนแล้วว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนคราวนี้เปลี่ยนสถานที่จัดประชุมจากกรุงเทพฯเป็นหัวหิน เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดล้อมของกลุ่มเสื้อแดง
การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ก็เป็นการตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง ที่ไม่กลัวเสียหน้า เสียเกียรติ์ เพื่อรักษาชีวิตของผู้ก่อกวนบ้านเมืองมิให้ได้รับการบาดเจ็บล้มตาย เพื่อรักษาหน้าตาของประเทศเอาไว้มิให้เสียภาพพจน์ว่า ประเทศไทยมีแต่ความวุ่นวาย
อย่างไรก็ตาม การที่นายกรัฐมนตรีรู้จักถอยเพื่อให้บ้านเมืองสงบนั้นควรค่าแก่การชื่นชมยินดี แต่ถ้าถอยบ่อยๆ ฝ่ายกวนเมืองได้ใจ ย่อมกวนเมืองต่อไปอย่างไม่เกรงใจใคร
หากทหารและตำรวจต่างฝ่ายต่างคิดว่า ธุระไม่ใช่ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ปล่อยให้อันธพาลกวนบ้าน กวนเมืองกันตามสบายใจ ในอนาคตประเทศไทยจะไม่มีความสงบเหลืออยู่อีกเลย ทุกคนจะเข่นฆ่ากันเหมือนผักปลา เพราะทหารตำรวจพึ่งไม่ได้ บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพมิคสัญญี ปกครองแบบอนาธิปไตยที่ไม่ต้องใช้กฎหมาย แต่ใช้กฎหมู่ ข่มขู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ให้หวาดกลัวและขยายอิทธิพลออกไปเรื่อยๆจนครอบคลุมทั้งประเทศ
การบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมาจริงจังเฉียบขาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจึงเป็นปราการด่านสุดท้ายที่จะรักษาประเทศไทยมิให้แตกแยกไปมากกว่านี้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ข้าราชการทหารตำรวจทุกหมู่เหล่าจะตั้งใจทำงานโดยไม่เห็นแก่ตัว พวกพ้องบริวาร อันธพาล อิทธิพล แต่เห็นแก่ชาติบ้านเมืองเสียที
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple