โกศบรรจุความดี
เมื่อวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2551 พสกนิกรชาวไทยได้มีโอกาศร่วมไว้อาลัยสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยการไปร่วมงานที่ท้องสนามหลวง หรือ ไปร่วมงานตามวัดต่างๆที่ใกล้บ้านของตนๆตามความสะดวก เพื่อเป็นการแสดงความเป็นญาติธรรมแก่ผู้ที่มุ่งมั่นกระทำความดี ผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อยสวยงามเป็นที่ประทับใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็นทั่วหน้า
อาตมาได้รับนิมนต์จากกงศุลใหญ่แห่งนครแวนคูเวอร์ คุณโฆษิต ฉัตรไพบูลย์ ไปแสดงปาฐกถาธรรม รำลึกถึงสมเด็จพระพี่นางฯ ในงานที่ชาวไทยในรัฐวอชิงตันและประเทศแคนาดาร่วมกันจัดเพื่อส่งเสด็จสมเด็จพระพี่นางฯสู่สวรรคาลัย ด้วยดวงใจแห่งความจงรักภักดีและซาบซึ้งในคุณูปการะที่สมเด็จพระพี่นางฯทรงมีแก่ปวงชนชาวไทยตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์
วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2551 หลังจากฉันเพลแล้ว คุณหมอเทียนทอง คำพอ เจ้าภาพเลี้ยงอาหารเพลวัดพุทธปัญญา ประจำวันพฤหัสบดี ได้ทำหน้าที่ขับรถไปส่งที่สนามบินออนตาริโอ เพื่อนั่งเครื่องบินไปซีแอตเติ้ล ใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมงครึ่งนิดๆก็ถึงสนามบินนานาชาติ ทะโคมา รัฐวอชิงตัน เดินทางจากสนามบินถึงวัดอตัมมยตารามเวลาสามทุ่มครึ่ง
อากาศที่รัฐวอชิงตันหนาวมาก ไปถึงวัดแล้วนั่งสนทนากับ ท่านพระครูสิทธิธรรมวิเทศ ครู่หนึ่งจึงกล่าวคำอำลาราตรีสวัสดิ์เข้าจำวัด
เช้าวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2551 ตื่นเช้าเวลา 05.00 น. ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว นั่งสงบใจประมาณสามสิบนาทีแล้วอ่านหนังสือขายดีของสหรัฐอเมริกาเล่มหนึ่ง ที่เขียนเรื่องการทารุณกรรมเด็กที่ซ่อนอยู่ในสังคมอเมริกันจำนวนมาก สาเหตุหลักของการทารุณกรรมก็หนีไม่พ้นพ่อแม่ ทำงานหนัก ติดสุราอย่างงอมแงม ระบายอารมณ์ลงที่เด็กตัวน้อยๆ จนกระทั่งทางการที่ทำหน้าที่ปกป้องการทารุณกรรมเด็กต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเด็กให้พ้นจากอันตรายที่คุกคามทั้งทางกายและทางจิตใจ
นวนิยายเรื่องนี้จบลงแบบเปี่ยมสุข เมื่อเด็กคนที่ถูกทารุณกรรมได้ผลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสนำความเจ็บช้ำมาเป็นน้ำมันล่อลื่นขับเคลื่อนชีวิตก้าวไปข้างหน้า จนกลายเป็นนักเขียน นักสังคมสงเคราะห์ และทุ่มเทชีวิตเพื่อปกป้องเด็กๆที่ถูกกระทำทารุณจากครอบครัว ที่ซ่อนเร้นอยู่ตามซอกมุมต่างๆของประเทศสหรัฐอเมริกา อันเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า ร่ำรวยที่สุดในโลก
เวลา 6.30 น. คุณกรรณิการ์ สวนไพรินทร์ ได้นำอาหารเช้ามาถวายพระสงฆ์ ฉันอาหารเช้าเสร็จแล้ว พระสงฆ์ให้พร เจ้าภาพรับพร จากนั้น คุณจวนได้อาสาเป็นผู้ขับรถนำพระสงฆ์เดินทางไปประเทศแคนาดา
รถออกจากวัดเวลาประมาณ 8.00 น. เดินทางประมาณสองชั่วโมงครึ่ง ถึงเมือง แบลลิงแฮม จึงแวะที่ร้าน ไทยเฮ็าส์ ซึ่งคุณนิ่มนวล เจ้าของร้านนิมนต์พระสงฆ์ทั้งห้ารูปฉันเพล เจ้าของร้านและพนักงานทุกคนดีใจ เจ้าของร้านรู้จักอาตมาเป็นอย่างดี เพราะได้ฟังธรรมที่วัดอตัมมยตารามหลายครั้ง ก่อนฉันจึงต้องแสดงธรรมให้แก่พนักงานและเจ้าของร้านฟังประมาณยี่สิบนาที เจ้าภาพรับธรรมและรับพรแล้วพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเพล
คณะสงฆ์ฉันภัตตาหารเพลแล้ว อำลาเจ้าภาพเดินทางเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองแคนาดาโดยใช้เวลาจากร้านถึงด่านประมาณ ยี่สิบ นาที พระสงฆ์ส่งหนังสือเดินทางให้ตรวจ เจ้าหน้าที่ถามคำถามว่า จะเข้าแคนาดาไปทำไม ไปพักที่ไหน พอตอบคำถามเสร็จก็ปล่อยให้รถผ่านอย่างง่ายๆ
เดินทางต่อไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงมหาวิทยาลัย บริติช โคลัมเบีย ที่ทางกุงศุลเช่าหอประชุมไว้ เจ้าหน้าที่กงศุลยังไม่มาจัดสถานที่ เลยนั่งรถตระเวนมหาวิทยาลัยรอบหนึ่ง คุณจวน สารถี มองเห็นร้านกาแฟในมหาวิทยาลัยจึงนิมนต์พระสงฆ์ลงนั่งฉันกาแฟร้อนๆแก้หนาวรูปละแก้วจนบ่ายสามโมงจึงกลับมาหอประชุมมหาวิทยาลัยอีกครั้ง ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่กงศุลและท่านกงศุลใหญ่ มาจัดสถานที่เกือบจะเสร็จแล้ว
ท่านกงศุลใหญ่ลงมือ ยกโต๊ะยกเก้าอี้วางให้เข้าที่เข้าทางและช่วยงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่และพระสงฆ์ที่ลงมือช่วยกันด้วยความเต็มอกเต็มใจ ใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่า จัดสถานที่ได้สำเร็จ จากนั้น พระสงฆ์ ท่าน กงศุลใหญ่ และนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบียได้ประชุมกันเพื่อทำรายการที่จะมีในวันรุ่งขึ้นย่างละเอียด
คณะของพวกเราต้องออกจากหอประชุมภายในเวลาก่อนห้าโมงเย็นเพราะเจ้าหน้าที่ดูแลหอประชุมจะปิดหอประชุมเวลาห้าโมงเย็น งานทุกอย่างที่ต้องซักซ้อมและทำความเข้าใจก็สำเร็จลงอย่างครบถ้วน จึงเดินทางออกจากหอประชุมใหญ่ไปที่พัก
พระครูสิทธิธรรมวิเทศ หัวหน้าคณะตั้งใจว่า จะไปพักที่วัดพม่า ติดต่อประสานงานกันตลอดทาง พอเดินทางไปหาวัดพม่าที่จะพักตั้งหลายรอบ หาทางเข้าวัดไม่พบ เลยแวะเข้าวัดเขมร พอโผล่เข้าไปวัดเขมร ท่านเจ้าอาวาส และอุบาสกอุบาสิกาเตรียมตัวต้อนรับอยู่แล้ว คณะเดินทางของเราก็รับการต้อนรับด้วยดี แต่ท่านพระครูหัวหน้าคณะยังงงๆอยู่ว่าติดต่อวัดพม่าแล้วมาเข้าวัดเขมรได้อย่างไร
นั่งทบทวนหลายรอบ ถึงบางอ้อเพราะ พระครูดูนามบัตรที่พระเขมรให้ไว้คิดว่า เป็นนามบัตรพระพม่า ท่านเข้าใจผิดคิดว่า อักษรเขมร เป็น อักษรพม่า นับว่า ดี ที่หลงทางหาวัดพม่าไม่ถูก หากเดินทางเข้าวัดพม่าได้ง่ายๆมีหวังลำบากแน่เพราะพระพม่าไม่ทราบเลยว่าจะมีพระอาคันตุกะมาพัก คงจะทุลักทุเลยเป็นแน่
ท่านเจ้าอาวาสและอุบาสกอุบาสิกาแห่งวัดเขมร มีมิตรภาพมาก ทักทายด้วยความสนิทสนมเสมือนรู้จักกันมาเป็นแรมปี นี่แหละ พบรักไร้พรมแดนเข้าแล้ว เป็นความรักแท้ที่ไร้ขีดจำกัด ด้วยข้อแตกต่างด้านเชื้อชาติและภาษา
ขณะที่พวกเราเดินทางเข้าไปในวัด ท่านเจ้าอาวาสและอุบาสกอุบาสิกา กำลังเปิดโทรทัศน์ช่องไทยดูข่าวการพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพี่นางฯอยู่พอดี พวกเขาบอกว่า ฟังภาษาไทยไม่ออกแต่เข้าใจบรรยากาศได้ เพราะประเทศเขากับประเทศเรามีพระเจ้าอยู่หัวเหมือนกัน พวกเขาออกเสียงภาษาไทยว่า พระเจ้าอยู่หัวชัดมาก
พระที่ติดตามคณะไปพูดเล่นๆว่า หรือ สมเด็จพระพี่นางฯจงใจนำพวกเราให้มาพักที่วัดเขมรที่มีความเคารพรักพระองค์และทำให้เราได้มีโอกาสชมรายการพระราชพิธีอย่างสมบูรณ์
พวกเราจึงกล่าวราตรีสวัสดิ์แก่เจ้าอาวาสที่คอยดูแลให้ความสะดวกให้อย่างใกล้ชิด เปี่ยมด้วยมิตรภาพ
ตื่นเช้าเวลา 6.30 น. อุบาสกอุบาสิกา เตรียมข้าวต้ม ขนมจีนน้ำยา ยำหัวปลี มาถวาย คุณแจ๋ว จากร้านไทยสบายนำแฮมเบอร์เก้อมาถวาย พระสงฆ์ฉลองศรัทธาอาหารเช้ากันอย่างเต็มที่ รสชาติอาหารเขมรไม่ต่างจากอาหารไทย ทำให้รู้สึกเหมือนพักที่วัดไทย
พวกเราซาบซึ้งในน้ำใจคราวนี้มาก เลยช่วยถวายค่าน้ำค่าไฟกันใหญ่ เป็นการบริจาคที่หลุดออกมาจากศรัทธาที่ใสบริสุทธิ์จริงๆ ผู้ให้ก็มีความสุข ผู้รับก็มีความสุข เป็นความสุขแท้ๆที่อิ่มทั้งกายและใจ
คณะสงฆ์กล่าวคำอำลาอุบาสกอุบาสิกา เดินทาง สู่มหาวิทยาลัย บริติช โคลัมเบีย เมื่อพระสงฆ์เดินทางมาถึง ท่านกงศุลใหญ่และคณะ มาจัดสถานที่ จัดดอกไม้ไว้อย่างพร้อมเพรียง พระสงฆ์จากวัดพระธรรมกาย วัดหลวงพ่อวิริยัง วัดเขมร วัดลาวได้มาร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง นับเป็นการชุมนุมสงฆ์นานาชาติเพื่อส่งเสด็จพระพี่นางฯสู่สวรรคาลัยอย่างสมพระเกียรติ์
ประชาชนไทยและนักเรียนนักศึกษา มาช่วยงานและมาร่วมงานครั้งนี้ประมาณสองร้อยคน ทุกคนมีความรู้สึกเป็นเจ้าภาพที่พร้อมจะลงมือหยิบฉวยช่วยงานทุกอย่างด้วยความเต็มใจด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความจงรักภักดีในสมเด็จพระพี่นางฯและสถาบันพระมหากษัตริย์
เวลา 9.30 น. ท่านกงศุลใหญ่จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นพุทธศาสนิกชนทำวัตรเช้า สวดมนต์แปล จบแล้ว นั่งสมาธิร่วมถวายพระราชกุศลอุทิศแด่สมเด็จพระพี่นางฯพุทธศาสนิกชนถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์จำนวนสิบสี่รูป แล้วกรวดน้ำ ถวายพระราชกุศล รับพร และรับประทานอาหารร่วมกัน
เวลา 13.00 น. อาตมาได้แสดงปาฐกถาเรื่อง โกศบรรจุความดี รำลึกถึงพระกรณียกิจที่สมเด็จพระพี่นางได้ทรงบำเพ็ญเป็นอเนกอนันต์เพื่อประโยชน์เพื่อความสุขของปวงชนชาวไทยจนวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ พระกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญเกี่ยวข้องกับการสร้างคนทั้งในด้านร่างกาย เช่น การเป็นองค์อุปถัมภ์เด็กอ่อนในสลัมและโครงการอาหารแก่เด็กถิ่นกันดารหลายแห่ง เพื่อให้เด็กมีพลานามัยสมบูรณ์ ทรงพัฒนาสมองของคนในชาติโดยทรงสร้างโรงเรียนด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์หลายแห่งทั่วประเทศ ทรงสอนภาษาฝรั่งเศษในมหาวิทยาลัยหลายแห่งด้วยพระองค์เอง ทรงเป็นกัลยาณมิตราจารย์ของศิษย์ และพระกรณียกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพอีกเหลือคณานับ ให้ประชาชนของพระองค์มีร่างกายสมบูรณ์ มีสมองปราดเปรื่อง เพื่อสร้างชาติให้มั่นคงยั่งยืน ตามคติที่ว่า สร้างคนให้สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อไปสร้างชาติให้เข้มแข็ง
ใครที่สนใจปาฐกถาเรื่องนี้ กรุณาติดต่อได้ที่วัดพุทธปัญญา 1157 Indian Hill BLVD. Pomona CA 9176 . โทรฯ 909-629-1771
เมื่อแสดงปาฐกถาธรรมเสร็จแล้ว พระสงฆ์สวดมาติกา ท่านกงศุลใหญ่และพุทธศาสนิกชนทอดผ้ามหาบังสุกุล พระสงฆ์พิจารณา ผ้ามหาบังสุกุลแล้ว ให้พร ท่านกงศุลใหญ่นำพุทธศาสนิกชนกรวดน้ำถวายพระราชกุศล จากนั้น ท่านกงศุลใหญ่ เป็นประธานถวายดอกไม้จันทร์ต่อหน้าพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระพี่นางฯ
พุทธศาสนิกชนเดินเรียงแถวถวายดอกไม้จันทร์อย่างเป็นระเบียบงดงามสงบเพื่อส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย สมเด็จพระพี่นางฯทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจด้วยความเสียสละที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่กลัวเสียเปรียบ เยี่ยงพระโพธิสัตว์หรือนางฟ้า ปวงชนผู้ซาบซึ้งในพระกรุณาจึงหลั่งไหลกันมาส่งนางฟ้าขึ้นสู่ฟ้าด้วยความตื้นตันใจยิ่ง
พระกรณียกิจที่ดีงาม ทรงคุณค่า เป็นประโยชน์ที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญมาตลอดพระชนม์ชีพ มิได้เสื่มสลายหายไปพร้อมกับพระสรีรังคารแต่ประการใด แต่ยังสถิตอยู่ในใจคนไทยผู้ใฝ่ดีทั้งมวล ดวงใจของไทยทั้งผองจะเป็นประดุจพระโกศทองที่บรรจุความดีของพระองค์ไว้สืบไป
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple