วัดพุทธปัญญา

You are visitor

พระบรมครู

พระพุทธคุณบทหนึ่งที่พุทธบริษัท ได้สวดกันทุกเช้าทุกเย็นว่า อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ สัตถา เทวมนุสสานัง ซึ่งแปลว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พระพุทธคุณบทนี้ ชี้ชัดถึงภารกิจหลักที่พระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติมาตลอดพระชนม์ชีพคือ การสอนมนุษย์โดยไม่จำกัดชนชั้น ให้เข้าใจกายกับจิตอย่างครบถ้วนจนสามารถทำชีวิตให้เป็นอิสระจากการร้อยรัดผูกพันของกิเลสทั้งปวงได้

พระองค์ทรงทราบพื้นฐานทางจิตใจของแต่ละคน แล้วทรงจัดธรรมะให้อย่างถูกต้องเหมาะสม เหมือนแพทย์ผู้ฉลาดจัดยารักษาผู้ป่วยอย่างเหมาะสมตามอาการของโรค ผู้ที่ได้รับธรรมะที่เหมาะกับอุปนิสัยแล้วย่อมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จิตใจเปลี่ยนแปลงจากความไม่รู้สู่ความรู้

วิธีการสอนของพระองค์ทรงปรับให้ทันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าที่สุด บางครั้งทรงตรัสสอนด้วยพระวจนะ บางครั้งทรงสนทนา บางครั้งให้วิธีปฏิบัติภาวนาที่เหมาะสมเป็นการเฉพาะ ก็ทำให้ผู้ที่ได้รับพระธรรมเข้าถึงความสว่างไสวในเวลาไม่นานนักดังมีเรื่องเล่าว่า มีภิกษุสองรูป รูปที่หนึ่งชื่อ พระมหาปัณถก มีความเก่งกล้าสามารถในำการแสดงธรรม และจดจำพระพุทธวจนะได้ดีมาก

อีกรูปหนึ่งชื่อว่า จุลปัณถก สมองช้า แม้ท่องพระวจนะสั้นๆก็ใช้เวลาเนิ่นนานยังจำไม่ได้ จนพี่ชายคือพระมหาปัณถกต้องจ้ำจี้จ้ำไชให้ขยันท่องพระพุทธวจนะให้มาก เมื่อพระจุลปัณถกถูกบังคับมากๆก็เริ่มมีความเครียด ยิ่งท่องยิ่งฟุ้งซ่าน จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เห็นพระพุทธวจนะบทใหม่เมื่อไรก็พาปวดหัวมัวตาไปเสียทุกครั้ง

จนกระทั่งวันหนึ่ง พระจุลปัณถกคิดน้อยใจตัวเองว่า คงไม่มีบุญวาสนาที่จะบวชจนตายภายใต้ร่มผ้ากาสาวพัตรเป็นแน่ ควรจะไปกราบทูลพระพุทธเจ้าให้ทรงทราบแล้วลาสิกขาไปเป็นคฤหัสถ์ ถือศีลห้าหรือศีลแปด เป็นอุบาสกที่ดี ประกอบอาชีพบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป

เมื่อเวลาเหมาะสม วันหนึ่งจึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าบุญน้อย เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาก็ไม่สามารถจะทำให้พรหมจรรย์สมบูรณ์ได้ จึงขอลาสิกขาไปเป็นคฤหัสถ์ครองเรือนปฏิบัติธรรมสมาทานศีลห้าศีลแปดและบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป คงจะได้บุญไม่น้อย

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ทำไมเธอจึงคิดอย่างนั้น

พระจุลปัณถกกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้า ท่องบทสรรเสริญพระพุทธคุณเพียงบทสั้นๆก็จำไม่ได้ จะดำรงพรหมจรรย์อย่างไรได้

พระพุทธเจ้าตรัสว่า อย่าวิตกกังวลไปเลย พรุ่งนี้เช้าตรู่ เธอจงไปรอตถาคตที่หน้าประตูวิหาร

พระจุลปัณถกรับว่า พระเจ้าข้าแล้ว กราบบังคมทูลลาไปที่พัก

เช้าตรู่ของวันต่อมา พระจุลปัณถก จึงไปรอพระเฝ้าพระพุทธเจ้า หน้าวิหารที่พระองค์ได้ทรงนัดหมายไว้

เมื่อพระจุลปัณถกได้พบพระพุทธเจ้าแล้ว ได้ถวายบังคมด้วยจิตใจที่ชื่นบานเต็มที่ พระพุทธเจ้าจึงยื่นผ้าสีขาวบริสุทธิ์ขนาดผ้าเช็ดหน้าให้ผืนหนึ่งแล้วตรัสว่า จุลปัณถก เธอจงลูบผ้าขาวผืนนี้ด้วยคำบริกรรมว่า ผ้าสีขาวย่อมเปื้อนได้ ผ้าสีขาวย่อมเปื้อนได้ บริกรรมไปเรื่อยๆ ไม่ต้องจดจำอะไรทั้งสิ้น ท่องเพียงแค่นี้

พระจุลปัณถกได้รับพระมหากรุณาจากรพระพุทธเจ้าแล้ว มีความพอใจกับการปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำยิ่งนัก เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปบิณฑบาตแล้ว พระจุลปัณถกพลางบริกรรมและลูบผ้าพุทธประทานนั้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เช้าตรู่จนตะวันสายโด่งด้วยจิตใจที่จดจ่อเฉพาะต่อผ้าขาวผืนนั้นเพียงอย่างเดียวไม่วอกแวกไปไหน

ผ้าขาวค่อยๆกลายเป็นสีเทาเพราะเปื้อนเหงื่อที่ไหลออกจากมือของท่าน เมื่อท่านเห็นเช่นนั้น ก็พิจารณาต่อไปว่า ผ้าขาวผืนนี้ก็ค้ลายจิตใจ เดิมแท้ผ่องใส แต่เศร้าหมองเมื่อปล่อยให้กิเลสล่วงล้ำเข้าสู่ใจ หากรักษาใจให้บริสุทธิ์ได้ตลอดไปก็ไม่เศร้าหมองอีก

ท่านคิดได้ดังนั้น ก็วางผ้าลงภาวนาจนใจบริสุทธิ์ผุดผ่องปราศจากกิเลสที่เคยมีมา จนท่านรู้ด้วยตัวเองว่า บัดนี้ท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว เพราะพระอรหันต์หรือผู้บรรลุมรรคผลขั้นใดขั้นหนึ่งในพระพุทธศาสนาจะทราบด้วยตัวเองว่าเป็นผู้บรรลุธรรม หรือพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์เท่านั้นที่จะรู้ถึงการบรรลุมรรคผล แต่คนทั่วไปที่ไม่มีมรรคผล จะไปบอกใครว่า ใครบรรลุมรรคผลขั้นไหนไม่ได้

พระพุทธเจ้าทรงจัดกระบวนการเรียนรู้แบบ ปลุกให้เรียนรู้เอง โดยไม่ต้องอบรมสั่งสอนใดๆให้มากเพียงแต่จัดกระบวนการเรียนรู้ให้ถูกอัธยาศัยเท่านั้น ผู้ที่มีศากยภาพภายในก็สามารถดึงศากภาพที่มีอยู่ออกมาได้

พระพุทธเจ้าทรงอุทิศพระวรกายวันละสิบกว่าชั่วโมงเพื่อเสด็จสั่งสอนประชาชนผู้ตกอยู่ในความทุกข์ให้พ้นจากความทุกข์จน พระชนมายุ แปดสิบ พรรษา จึงดับขันธปรินิพพาน ก่อนที่จะดับขันธปรินิพพาน มีผู้ปรารถนาจะศึกษาธรรมะจากพระองค์โดยตรงเป็นคนสุดท้าย ชื่อ สุภัททะ ต้องการเข้าเฝ้า พระองค์ทรงอนุญาตและทรงประทานวิธีการภาวนาจนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์องค์สุดท้ายในเวลาที่พระองค์ใกล้ปรินิพพาน

ด้วยพระกรุณาที่หาที่สุดมิได้แม้นอนอยู่บนเตียงก่อนตายก็ยังพร้อมจะสั่งสอน สมควรยิ่งแล้วที่พุทธบริษัทจะเทอดทูนพระองค์ว่า เป็นพระบรมครู หรือครูเหนือครู

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple

บทความ\พระบรมครู