การเมืองของประชาชน
วันที่ 4 พฤศจิกายน 2551 เป็นวันที่อเมริกันชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ออกจากบ้านไปเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาและสมาชิกสภาต่างๆตั้งแต่สมาชิกสภาเทศบาลถึงสมาชิกวุฒิสภา พร้อมทั้งลงมติรับหรือไม่รับกฎหมายต่างๆที่ต้องการเสียงของประชาชนโดยตรงด้วย
ไม่ว่าจะเดินทางไปเยี่ยมเยือนหน่วยเลือกตั้งที่ไหน หรือชมข่าวการเลือกตั้ง จากสถานีโทรทัศน์ช่องไหนล้วนเห็นประชาชนไปยืนเข้าคิวเพื่อออกเสียงเลือกตั้งกันยาวเหยียดสุดลุกหูลูกตา แต่ละคนที่ยืนรอการลงคะแนนต่างสนทนากับมิตรสหายที่ยืนกันใกล้ๆหรือไปด้วยกันอย่างสนุกสนานรื่นเริง
ความตื่นตัวตื่นใจไปลงคะแนนเลือกตั้งของประชาชนชาวอเมริกันแสดงให้เห็นถึงความจริงตามปรัชญาประชาธิปไตยที่ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนจริงๆ เพราะกระบวนการได้มาซึ่งผู้ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารหรือนิติบัญญัติทุกระดับต้องผ่านการตัดสินของประชาชนทั้งสิ้น
นักการเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกาทุกระดับต้องผ่านการตรวจสอบ ซักฟอกจากประชาชนหลายขั้นตอนตามกระบวนการที่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายและประเพณีที่ปฏิบัติกันมาเนิ่นนานเพื่อคัดเลือกตัวแทนของปวงชนที่แสดงตัวตนของประชาชนผู้เลือกได้อย่างดีที่สุด
ในการตรวจสอบซักฟอกผู้ที่จะเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง สื่อมวลชนทุกสาขามีบทบาทอย่างสูงตั้งแต่เริ่มก้าวเข้าสมัครชิงตำแหน่งจนกระทั่งเลิกร้างราไป หากมีสิ่งใดน่าสงสัยต้องทำให้กระจ่าง สว่างใส
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาทุกครั้ง ประชาชนจะกระตือรือร้นมาก นักข่าวทุกแขนงจะเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แม้กระนั้นก็ตาม ประเพณีการออกจากบ้านไปลุ้นคะแนนตามศูนย์สาธารณะของเมืองก็ยังเป็นที่นิยมของประชาชนอย่างมาก เมื่อใกล้เวลาจะรู้ผลคะแนน ประชาชนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นบางแห่งเป็นแสนบางแห่งเช่นที่อิลินอยอันเป็นถิ่นของ วุฒิสมาชิกโบรัค โอบาม่าเอง มีผู้ชุมนุมกันเป็นล้าน เพื่อรอฟังคำปราศรัยของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่
ยังไม่ทันถึงสี่ทุ่มตามเวลา แปซิฟิคไทม์ ประชาชนที่ติดตามผลก็เริ่มจะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการได้แล้วว่า ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา เมื่อ Electoral votes ของวุฒิสมาชิกบารัก โอบาม่า นำห่าง วุฒิสมาชิกจอห์นเม็คเคนอย่างไม่เห็นฝุ่นแบบม้วนเดียวจบประมาณ 300 กว่า คะแนน ต่อ 140 กว่าคะแนน ในขณะที่ผู้สมัครประธานาธิบดีท่านใดก็ตามได้ electoral votes 270 คะแนนก็คว้าชัยชนะไปแล้ว
ขณะที่ติดตามผลการเลือกตั้งทางสถานีโทรทัศน์ สังเกตใบหน้าของผู้รายงานข่าวเกือบทั้งหมด จัดรายการอย่างมีความสุขสนุกสนาน ยิ่งหลังจากผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการที่บ่งชี้ว่า วุฒิสมาชิกบารัก โอบาม่า ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 ของประเทศอเมริกาเป็นที่แน่นอนแล้ว ดูเหมือนว่า อเมริกันชน ผู้ทุกข์ทนเผชิญหน้าฝ่าฟันวิกฤตการณ์ทั้งสงครามและเศรษฐกิจ พากันผ่อนคลาย ยิ้มได้ เฉลิมฉลองชัยชนะกันอย่างมีความสุข
นักการศาสนาและนักการเมือง อย่างสาธุคุณเจ๊สซี่ เจ็คสัน ที่มีประวัติการต่อสู้เรื่องสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคมาเกือบจะชั่วชีวิต วันนี้เขานั่งฟัง ว่าที่ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า กล่าวสุนทรพจน์ว่า เมื่อก่อนมีคำถามเรื่องประชาธิปไตยของเราว่ามีความเสมอภาคกันจริงไหม วันนี้ท่านทั้งหลาย ได้คำถามนั้นแล้ว น้ำตาแห่งความปลาบปลื้มเปี่ยมสุขของท่านผู้เฒ่าไหลอาบแก้ม ผสมรอยยิ้มที่สะท้อนความเบิกบานแห่งใจ เป็นการยิ้มทั้งน้ำตา
นี่คือวันที่คนอพยพและคนสีผิว ได้มีโอกาสก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศ ด้วยความรู้ ความสามารถ ความขยัน ความอดทน ความหนักแน่นและจริงจัง นับเป็นข้อพิสูจน์คำพูดที่ชาวอเมริกันพูดต่อๆกันมาว่า In America, everything can be possible. ในประเทศอเมริกา อะไรอะไรก็เป็นไปได้ เป็นอย่างดี
ทุกสิ่งที่เป็นไปได้มิใช่ด้วยการสวดอ้อนวอนหรือประทานพรจากใคร แต่เกิดจากการทำงานหนัก การสร้างชีวิตให้มีคุณค่า และผ่านการพิสูจน์จากชนส่วนใหญ่ว่ามีคุณค่าจริงๆแล้ว ก็พร้อมจะยอมรับชีวิตที่มีคุณค่านั้นอย่างเต็มใจ
เมื่อสองปีที่แล้ว ใครๆก็จำกันได้ว่า ทุกคนค่อนข้างจะเขียนกระดาษติดข้างฝาไว้เลยว่า ประธานาธิบดีคนที่ 44 ของประเทศสหรัฐอเมริกา น่าจะชื่อ ฮิลลารี่ คลินตัน เพราะไม่ว่ามีการหยั่งเสียงครั้งใด หยั่งเสียงกับใคร ฮิลลารี่นำคู่แข่งห่างถึง สามสิบ เจ็บสิบมีให้เห็นบ่อยๆ ทุกคนยังพูดกันว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้จะเซ็งที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งจริงๆ เพราะหาคู่แข่งที่สูสีกับฮิลลารี่แทบจะไม่เจอ
การปรากฏตัวของวุฒิสามชิกหนุ่มจากอิลินอย ที่จะขอเข้าแข่งขันคัดเลือกเป็นผู้สมัครเป็นประธานาธิบดี นอกจากจะไม่เร้าใจแล้ว ยังมีเสียงเยอะเย้ยตามมาข้างหลังว่าเป็นเพียงพวกอยากดังมากกว่า เมื่อเทียบกับผู้สมัครคนอื่นๆเขาเป็นม้านอกสายตาจริงๆ
วุฒิสมาชิกหนุ่มผู้นี้ นิ่งสงบกับคำเยาะเย้ยที่มาจากทั่วทิศ แต่ในเวลาเดียวกันกลับปรับทีมงานและกลยุทธ์การทำงานรณรงค์หาเสียงอยู่ตอลดเวลา แม้เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้ในหลายสนามให้กับฮิลลารี่ แต่เขาก็ยังยิ้มให้แสดงความยินดีกับเธออย่างจริงใจ ไม่เคยเกรี้ยวกราดหรืออารมณ์เสีย เขาเฝ้าเก็บคะแนนจากรัฐเล็กๆที่ฮิลลารี่ไม่สนใจ และที่สำคัญเขากล้าบุกเข้าไปขอคะแนน ในถิ่นรีพับบลิกันอย่างอาจหาญ
เขามีความุ่งมันกระตือรือร้นแต่สงบเยือกเย็น เขาสามารถรวมบุคลิกระหว่างหยิงกับหยางเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน บุคลิกความเป็นนำมีอยู่อย่างเด่นชัด แต่ขณะเดียวกันความอ่อนโยนแบบเด็กให้เป็นคนน่ารักก็มีอย่างเหลือเฟือ เช่นเวลาที่เขาอุ้มถุงโดนัทแจกเด็กหรือแจกผู้คนที่เขาเดินผ่านอย่างสนุกสนาน หรือภาพที่เขายืนเข้าแถวซื้อโดนัทตามร้านธรรมดาๆทั่วไป สร้างความประทับใจให้ผู้คนที่ต้องการเห็นความอ่นโยนและเป็นกันเองของผู้นำแทนที่จะมีเพียงเคร่งขึมเพียงอย่างเดียว
ไม่นานนักเขาก็เก็บคะแนนสะสมจนแซงฮิลลารี่ทีละนิดแบบนิ่มๆ กว่าฮิลลารี่จะรู้ตัวก็ไม่สามารถปรับกลยุทธเอาชนะเขาได้เลย มองๆไปก็คล้ายๆนิทานไทยๆเรื่องกระต่ายกับเต่าไม่มีผิด
เมื่อเขาทำคะแนนชนะฮิลลารี่จนได้รับการเสนอชื่อเข้าแข่งขันเป็นประธานาธิบดี ผู้ใหญ่ในพรรคเดโมเครตเอง ก็ยังพูดกันว่า ชัยชนะของบารักโอบาม่าที่มีเหนือฮิลารี่ ต้องเป็นแผนของพวกรีพับบลิกันที่เทคะแนนให้โอบาม่า เพื่อเขี่ยฮิลลารี่ให้พ้นทาง แล้วจึงค่อยกลับมาเขี่ย บารักโอบาม่าให้ตกเส้นทางสู่ทำเนียบในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2008 จะดีกว่า หากเป็นไปตามแผนนี้ ชาวเดโมเครตจะต้องช้ำใจไปอีกนาน
วันนี้ชาวเดโมเครตทั้งหลายคงจะประจักษ์แล้วว่า นอกจากชาวรีพับบลิกันจะไม่สามารถเขี่ยบารัก โอบาม่าตามที่ชาวเดโมเครตวิตกกันแล้ว ชาวรีพับบลิกันจากหลายรัฐได้ทอดสะพานคอนกรีดเสริมเหล็กให้ โบรักโอบาม่าเดินทางจากอิลินอยสู่ทำเนียขาวอย่าง สง่างาม ปลอดภัย ไม่มีเรื่องน่าวิตกกังวลใดๆเลย
การที่ว่าที่ประธานาธิบดี บารัก โอบาม่า ก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องโชคชะตา แต่เป็นความสามารถล้วนๆที่เขาได้สะสมมาเป็นเวลานาน การเดินเข้าสู่ทำเนียบขาวของเขาครั้งนี้มิใช่เป็นความต้องการของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นเจตนาอันแรงกล้าของชาวอเมริกาที่ต้องการให้เขาเปลี่ยนอเมริกาตามที่เขาได้สัญญาไว้กับอเมริกันชนทุกคน
เพียงแค่ ว่าที่ประธานาธิบดีผิวดำคนแรกได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนถล่มทลายก็นับเป็นความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกาในรอบสามศตวรรษ ที่เห็นได้ชัดๆแล้ว ต่อจากนี้ไประบบเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา สันติภาพจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร ระยะทางยังพิสูจน์ม้า กาลเวลายังพิสูจน์คน
แต่วันนี้มองสีหน้าอเมริกันชนทุกคนที่พบเห็นบอกได้คำเดียว มีความสุข มีความหวังกว่าวันก่อนๆ จะสุขสมหวังกันไปนานแค่ไหนก็ต้องติดตามกันต่อไป
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple