วัดพุทธปัญญา

บทความ\เปิดใจ

เปิดใจ

เทศกาลเข้าพรรษาเริ่มขึ้นเมื่อวันแรม 1 ค่ำเดือนแปด ตามปฏิทินจันทรคติ และจะออกพรรษาเมื่อถึงวันแรมหนึ่งค่ำเดือน 11 รวมวันที่เข้าพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน แต่ก่อนจะถึงวันออกพรรษาหนึ่งวันคือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 พระสงฆ์จะทำสังฆกรรมสำคัญปีละหนึ่งครั้งเรียกว่า ทำปวารณา บางท่านที่ใกล้ชิดวัดจึงเรียกวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ว่า เป็นวันปวารณา

พระสงฆ์ที่อยู่ในอารามต่างๆที่เคยไปประชุมกันในวันพระสิบสี่หรือสิบห้าค่ำเพื่อทำอุโบสถสังฆกรรมทบทวนศีลทั้ง 227 ข้อ โดยพระสงฆ์ผู้มีความจำเป็นเลิศทรงจำศีลได้ทุกข้อในภาษาบาลีจะเป็นผู้สวดโดยมีจุดประสงค์เป็นการทบทวนข้อวัตรปฏิบัติที่ได้ปฏิบัติผ่านไปทุกกึ่งเดือน พอมาถึงวันปวารณาจะทำพิธีปวารณาแทนการฟังปาฏิโมกข์

พิธีปวารณาก็เริ่มต้นคล้ายปาฏิโมกข์ทุกอย่าง เพียงแต่พอประกาศกิจเบื้องต้นตามกระบวการอุโบสถเสร็จแล้วแทนที่จะฟังศีลทั้ง 227 ข้อก็ทำพิธีปวารณาแทน โดยพระสงฆ์แต่ละท่านจะนิมนต์ให้พระมหาเถระหรือพระเถระที่มีพรรษายุกาลมากที่สุดในที่ประชุมสงฆ์เป็นผู้กล่าวปวารณาก่อน และพระภิกษุที่มีพรรษายุกาลรองลงมาก็จะกล่าวคำปวารณาเรียงลำดับกันไป

คำปวารณามีว่า สังฆัมภันเต ปวาเรมิ ทิฏเฐนะ วา สุเตนะ วา ปริสังกายะ วา วะทันตุ มัง อายัสมันโต อนุกัมปัง อุปาทายะ ปัสสันโต ปฏิกกริสสามิ แปลว่า ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอปวารณามายังสงฆ์ว่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เมื่อได้เห็น ได้ยินได้ฟัง หรือ สงสัยว่า ข้าพเจ้าประพฤติสิ่งใดไม่เหมาะ ไม่ควร ขอจงกรุณาว่ากล่าวตักเตือน

คำว่า ปวารณา แปลว่า เปิดใจ หรือ เปิดโอกาส

วันปวารณา คือ วันที่พระสงฆ์พากันเปิดใจหรือเปิดโอกาสให้พระสงฆ์ตักเตือนกันได้ โดยพระสงฆ์แต่ละรูป ต่างเปิดใจให้ผู้อื่นตักเตือน หากได้เห็น หรือ ได้ยิน หรือสงสัยว่า มีการกระทำหรือประพฤติปฏิบัติใดๆที่ไม่เหมาะสมกับสมณสารูป

หลักสำคัญที่พระสงฆ์จะต้องตักเตือนกันก็คือ

•  ปวารณา หรือบอกอนุญาตให้ตักเตือนได้

•  การตักเตือนต้องกระทำด้วยจิตเมตตาและกรุณา

•  ผู้ที่ถูกตักเตือนต้องเปิดใจรับคำตักเตือนตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้คอยตักเตือนคือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์

สังคมสงฆ์เป็นสังคมที่ดำรงชีวิตร่วมกันด้วยความกรุณา ในบรรยากาศแห่งกัลยาณมิตร เมื่อยังมิบรรลุถึงธรรมขั้นสูง สิ้นอาสวะกิเลส บริสุทธิ์บรบูรณ์สิ้นเชิง ก็ยังมีการทำ การพูดหรือ การคิด ที่ผิดพลาดได้ หากได้รับการเตือนสติระลึก กลับมาสู่แนวทางที่ถูกต้องต่อไปได้

แนวความคิดเรื่องปวารณานี้ชี้ให้เห็นถึงวิธีการว่ากล่าวตักเตือนและกล่าวร้าย

ถ้าเป็นการกล่าวตักเตือนก็ควรกระทำบนพื้นฐานของความเมตตาและกรุณา

แต่ถ้าเป็นการกล่าวร้ายก็ทำบนพื้นฐานแห่งความโกรธ เกลียด อิจฉาริษยา พยาบาท อาฆาต จองเวร

การว่ากล่าวตักเตือน คือ การสร้างสรรค์ แต่การกล่าวร้าย คือการทำลาย

หากสังคมจะประยุกต์วันปวารณาสู่วิถีชีวิตประจำวัน ในการสื่อสารทางสังคมหรือ การสร้างวาทกรรมทางการเมือง ก็จะทำให้การสื่อสารเป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับความตั้งใจก่อนที่จะพูด ว่าตั้งใจที่พูดเพื่อการสร้างสรรค์หรือการทำลาย

สังคมไทยวันนี้หรือวันไหนกำลังต้องการความรัก ความเมตตา ความกรุณา และการแนะนำตักเตือนเชิงสร้างสรรค์และต้องการผู้ฟังที่ไม่หัวดื้อเปิดใจรับฟังอย่างเร่งด่วน หากผู้พูดตั้งใจดี ผู้ฟังโน้มใจลงฟังคำแนะนำอย่างอ่อนโยน ไม่ดื้อและพร้อมจะพิจารณาทำตามคำแนะนำบ้าง เชื่อเหลือเกินว่า สังคมไทยยังไม่ถึงทางตัน

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple