วัดพุทธปัญญา

บทความ\เรื่องเศร้า

เรื่องเศร้า

วันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2551 เป็นอีกวันหนึ่งที่ประวัติ ศาสตร์ไทยต้องจารึกไว้ว่า เป็นวันที่พี่น้องลูกหลานไทยต้ องเผชิญหน้าและเข่นฆ่ากันอีกครั ้งหนึ่ง เมื่อไม่สามารถหาข้อยุติความขั ดแย้งอันเกิ ดจากความแตกแยกทางความคิดด้วยสั นติวิธีได้ ต่างฝ่ายต่างกอดความคิดของตนว่า ถูกต้องไว้อย่างเหนียวแน่น

แม้ทุกคนจะตะโกนก้องฟ้าว่ า จะเสียสละทุกอย่างแม้แต่ชีวิ ตเพื่อชาติ แต่ความจริงที่ปรากฏย่อมชี้ให้ เห็นว่า ไม่มีใครยอมเสียหน้าและเสียศั กดิ์ศรี หากทั้งสองฝ่าย ยอมเสียหน้าเพื่อรักษาชีวิตย่ อมกระทำได้ไม่ยากนัก

ลองๆทบทวนเหตุการณ์ดูด้ วยการใช้ประโยคเงื่อนไขที่ว่า หากกลุมพันธมิตรที่ปิดล้ อมสภาอยู่ทราบว่า รัฐบาลจะนำกำลังเข้าสลายการชุ มนุมไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ งในตอนเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เพื่อรัฐบาลต้องเข้ าสภาแถลงนโยบายต่อสภาให้ได้ แล้วนำมวลชนพันธมิตรถอยกลับเข้ าทำเนียบหรือลานพระบรมรูปทรงม้า การปะทะจนบาดเจ็บล้มตายก็ไม่เกิ ดขึ้น

พันธมิตรรู้ความจริงข้อนี ้ดี แต่ไม่ยอมล่าถอยเพราะเสียศักดิ์ ศรี ต้องเผชิญหน้าให้ถึงที่สุดเพื่ อเอาชนะฝ่ายรัฐบาลให้ได้

หันมาดูฝ่ายรัฐบาลบ้าง เมื่อทราบว่า พันธมิตรจำนวนหมื่นมาปิดล้อมหน้ าสภาอย่างนั้น ถ้านำกำลังเข้าสลายการชุมนุม ย่อมต้องมีการบาดเจ็บล้มตายอย่ างไม่มีทางเลี่ยง จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับวิธี การและสถานการณ์จะนำไป แต่ถ้าใช้อาวุธเมื่อไรย่อมมี การบาดเจ็บล้มตายเมื่อนั้น

ถ้ารัฐบาลยอมเสียศักดิ์ ศรี ย้ายสถานที่ประชุมจากรั ฐสภาไปประชุมเสียที่ศูนย์ประชุ มสิริกิต การสลายการชุมนุมด้วยอาวุ ธนานาชนิดก็ไม่เกิดขึ้น การบาดเจ็บล้มตายของพี่น้องร่ วมชาติก็ไม่เกิดขึ้น

เมื่อแต่ละฝ่ายเต็มไปด้ วยความโกรธแค้น เมื่อถูกอีกฝ่ายยั่วยุก็ต้องหยิ บฉวยอาวุธเท่าที่มีอยู่มุ่งป้ องกันตัวตามสัญชาตญาณ การสูญเสียก็เกิดขึ้นทันที

วันนี้ แม้ทุกคนจะเห็นคราบเลือดและน้ ำตาเปื้อนเปราะหน้ารัฐสภา หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า แทนที่จะหยุดทบทวนในสิ่งที่ผิ ดพลาดแล้วช่วยกันแก้ไข แต่ไม่มีเลย ต่างฝ่ายต่างตั้งหน้าตั้งตายั่ วยุให้อีกฝ่ายหนึ่งโกรธแค้น อีกไม่นานก็จะมีการล้างผลาญกั นอีกเมื่อความอดทนที่เหลืออยู่ น้อยนิดต้องหมดไป ด้วยการท้าทายที่ไม่มีวันจบสิ้น

เวรย่อมไม่ระงับด้ วยการจองเวร ช่างเป็นพุทธวจนะที่อมตะจริงๆ ในทางตรงกันข้าม พระพุทธวจนะที่ว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ก็ยังคงนำมาใช้ได้ในทุกเวลา

สถานการณ์ทางการเมืองไทย ที่สุมไฟคุกรุ่นมาตลอดสามสี่ปี เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ที่ไม่มีใครยอมใครได้ เรื่องศักดิ์ศรีนี่นอกจากจะกิ นไม่ได้แล้ว ยังเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสี ยเหลือคณานับ

ทางออกจากกองไฟการเมื องไทยวันนี้เห็นมีอยู่ทางเดี ยวคือ ต้องมีผู้เสียสละศักดิ์ศรี เพื่อแลกกับชีวิตของเพื่อนมนุ ษย์ที่รอถูกปลิดชีวิตเป็ นจำนวนมาก ไม่มีใครรู้ว่า ใครจะถูกฆ่าตายกันวันไหน

ต้องตระหนักกันเสมอว่า พวงหรีดสักกี่พวง เงินสักกี่ล้าน ก็ไม่มีค่าเท่ากับการมีชีวิต อย่ารอให้ฆ่ากันตายก่อนแล้วค่ อยไปไว้อาลัยในงานศพ แต่หาทางยุติการฆ่าดีกว่า

มาตรการที่ทั้งสองฝ่ายพั นธมิตรและฝ่ายรั ฐบาลจะสามารถทำได้เพื่อป้องกั นการล้างผลาญชีวิตกันในขณะนี้คื อ

    1. พันธมิตรที่ประกาศว่า ต่อสู้ด้วยอหิงสาก็ต้อง ไม่เบียดเบียนกล่าวร้ายผู้อื่ นทางวาจาด้วย แม้วาจานั้นจะเป็นวาจาจริงก็ต้ องกล่าวด้วยหลักฐานถูกกาลเวลา ด้วยวาจาไพเราะเพื่อลดการท้ าทายและการเผชิญหน้ากั บทางราชการทุกฝ่าย หากเป็นไปได้ควรนั่งประท้วงกั นด้วยความสงบ
    2. ฝ่ายรัฐบาล ตระหนักชัดแล้วว่า ความสูญเสียเกิดจากการใช้กำลั งเข้าปะทะ การเข้าปะทะกับคนหมู่มากนั้น แม้ไม่ใช้อาวุธ โอกาสบาดเจ็บล้มตายมีสูง หากจะรักษาความปลอดภัยก็ดูอยู่ ห่างๆ ไม่ควรเข้าใกล้พันธมิตร สิ่งสำคัญที่ควรทำต้องขอร้องสื่ อต่างๆที่สนับสนุนรัฐบาลยุติ การสนับสนุนรัฐบาลโดยการสร้างข่ าวเท็จเพราะเป็นการยั่งยุหรื อราดน้ำมันเข้ากองไฟส่วนหนึ่ง
    3. หากพันธมิตรรักที่จะอยู่ในทำเนี ยบรัฐบาลก็ควรปล่อยให้พันธมิ ตรอยู่ไปจนเป็นที่พอใจของพันธมิ ตร อย่าสร้างเงื่อนไขใดๆให้พันธมิ ตรต้องระดมคนเข้ามาขับไล่รั ฐบาลจนเป็นเหตุต้องระงับเหตุด้ วยอาวุธหรือกำลังทหารตำรวจอีก หรือหากรัฐบาลคิดว่า การลาออกจะเป็นเหตุให้บ้านเมื องกลับไปสู่ความสงบได้เร็ว ก็ควรลาออก เป็นการยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่ อความสงบของประเทศชาตินับว่ าควรทำ

    เหลียวหลังชายตายังมาตุภูมิ วันนี้ มีแต่ความเศร้า รอใครสักคนที่มีจิตใจสูงส่งระดั บพระโพธิสัตว์ที่ต้องเสี ยสละมานะทิฐิ เพื่อรักษาชีวิตมนุษย์อื่นได้ หากวันนี้ยังหามนุษย์ผู้มีจิ ตบริสุทธิ์ระดับพระโพธิสัตว์ยั งไม่พบ ก็ดูมนุสสติรัจฉาโน พวกครึ่งคนครึ่งสัตว์กัดกั นไปพลางๆก่อนก็แล้วกัน บอกได้คำเดียวว่าเศร้ าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับท่าน

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple