นิทานเรื่องการกรวดน้ำ
วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม 2553 วันนี้ตื่นนอนแต่เช้าตรู่เหมือนทุกๆวัน เมื่อทำภารกิจส่วนตัวตามกฎธรรมชาติแล้ว ก็ทำวัตรเช้าและภาวนาตามปกติ เสร็จการฉันอาหารใจแล้วก็ ฉันอาหารกายแบบง่ายๆเพียงมีถั่วต้มและน้ำเต้าหู้ที่จืดสนิท เพื่อให้ชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจได้รับอาหารบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกาย เพื่อการเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใสสวยงามตลอดวัน
เมื่อเสร็จจากอาหารเช้าที่แสนจะบริสุทธิ์แล้ว ก็ออกเดินรอบๆหมู่บ้าน ซึ่งเป็นทางเดินและทางขี่จักรยานที่ทางการจัดไว้ให้ประชาชนได้ออกกำลังกันตามอัธยาศรัย เพื่อให้ผู้ที่กำลังเดินทางออกกำลัง และขี่จักรยานรู้สึกมั่นใจและปลอดภัย ตรงประตูทางเข้าเส้นทางเดินออกกำลัง จะมีป้ายแผ่นใหญ่ๆบอกไว้ว่า ห้ามรถยนต์ทุกชนิดวิ่งผ่าน ทางนี้ จึงเตรียมจัดเส้นทางให้คน เดิน วิ่ง ขี่จักรยาน และอนุญาตให้จูงหมาด้วย เพราะดูเหมือนว่า หมากับชาวอลาสก้า เป็นญาติสนิทมาตั้งแต่บรรพกาลโบราณโพ้นทีเดียว หากจะศึกษาหาความรู้เรื่องอลาสก้าจะลืมเรื่องหมาๆไปไม่ได้เด็ดขาด หากขาดตกบกพร่องตรงไหนก็ถือว่าไม่ครบถ้วน
บริเวณริมทางที่เดินไปเป็นป่ารกครึ้มหนาแน่นไปด้วยไม้สนและไม้เมืองหนาว ขณะที่เดินมองเข้าไปในป่าทางซ้ายและทางขวามือตอนนี้ ก็เจอเห็ดนานาพันธุ์หลากหลายสีสันขึ้นอวดโฉมอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง บางวันลูกศิษย์เดินไปด้วย กว่าจะเดินไปสุดปลายทางก็เก็บเห็ดได้ถุงใหญ่ๆติดมือไปทำอาหารได้ตลอดอาทิตย์
เมื่อเดินออกกำลังตอนเช้ากลับมาแล้ว อาบน้ำชำระเหงื่อไคลให้ตัวเบาสบายแล้วก็เข้าประจำทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะที่วัดลอยฟ้า ด้วยการส่งข้อความสั้นๆไปให้สมาชิกได้อ่านกันในชื่อว่า ธรรมะทูโก เนื่องจากตอนนี้คนที่เป็นสมาชิกแวะมาเยี่ยมเยือนวัดลอยฟ้ามีทั้งไทยและคนชาติอื่นๆ จึงต้องส่งภาษาอังกฤษไปให้ด้วยในชื่อว่า Dhamma For You กว่าจะปรุงอาหารใจส่งทูโกได้ก็ใช้เวลาพอสมควร
ทำหน้าที่ที่วัดลอยฟ้าจนถึงสิบนาฬิกา ก็ต้องพักไว้ชั่วคราว มารับแขกที่มาทำบุญในวันอาทิตย์ สำหรับอาทิตย์นี้มีสมาชิกมาทำบุญและฟังธรรมสองคน คือ คุณทัศนี กับ พี่ตึ๋ง โยมอุปัฎฐากที่คอยดูแลปากท้องมิให้อดอยาก วันไหนไม่มีใครมาทำบุญเลยก็ได้ฉันไม่เคยขาด ทำให้อดคิดถึง หลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่สอนว่า ปุพเพกตปุญญตา ความเป็นผู้มีบุญที่ทำกันมาแต่ชาติปางก่อน นั่นคือ ไม่เคยได้รู้จักกันมาก่อนเลย แต่ก็ให้ความอุปถัมภ์อย่างดีโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนทำไปด้วยความสบายใจ
ปรากฏารณ์แบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตบ่อยๆ พร้อมกับได้ศึกษาญาณที่หนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่า ปุพนิวาสนุสสติญาณ คือ การระลึกชาติที่เคยเกิดมาแต่ปางก่อนได้ จึงไม่มีความลังเลสงสัยใดๆในเรื่องการเกิดใหม่ หากยังไม่สิ้นกิเลสที่จะนำไปเกิดอีก ที่เรียกว่า กัมมัง พีชัง ตัณหา สิเนหัง ซึ่งแปลว่า กรรมนำเกิดเป็นหน่อพันธ์ ตัณหาเป็นยางที่หล่อเลี้ยง
แต่สำหรับคนที่มาพบกันโดยบังเอิญแล้วต้องฝืนอยู่ ฝืนร่วมงาน แม้แต่ฝืนร่วมชีวิตกันไป จะทำดีมีคุณต่อกันมากแค่ไหน นานแสนนานเท่าไร ก็จะไม่รู้สึก รักศรัทธา หรือประทับใจใดๆต่อกัน นั่นเพราะคงจะไม่มีเชื้อแห่งบุญที่ได้ทำร่วมกันแต่ปางก่อน ก็หวังว่า บุญที่ทำร่วมกันในชาตินี้ด้วยความตั้งใจดี จะส่งผลให้มีความรัก มีความศรัทธา และประทับใจต่อกันได้บ้างในชาติหน้า
ก่อนจะได้ถวายทานและฉันอาหาร พี่ตึ๋งและคุณทัศนี ได้สนทนาธรรมพูดคุยกันว่า เรื่องของการศึกษาพระธรรมและความสนใจอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนานั้น ง่ายนิดเดียว แต่ต้องตั้งใจให้ถูกเสียก่อนว่า ต้องเข้ามาเพื่อศึกษาพระธรรมอย่างแท้จริง ไม่มีเรื่องต้องการ การยอมรับ หรืออำนาจการจัดการภายในวัดใดๆแอบแฝง
ทุกครั้งที่เข้าวัดและมาเยี่ยมพระสงฆ์ต้องตั้งใจไว้ก่อนว่า วันนี้จะมาสนทนากันเรื่องอะไรดี มาวัดครั้งหนึ่งก็สนทนาธรรมกันครั้งหนึ่ง อาจจะย้ำเรื่องเก่าให้ขึ้นใจให้สว่างไสว ซาบซึ้งกว่าเดิม หรือเริ่มเรื่องใหม่ๆที่ยังไม่เคยรู้มาก่อน หากเข้าหาพระสงฆ์แล้วอย่าลืมก้าวพ้นไปหาพระธรรม เพื่อสัมผัสความชุ่มชื่นใจก่อนกลับไปบ้าน
เมื่อคุยกันพอสมควรแล้ว ทั้งสองคนก็เตรียมตัวกรวดน้ำ จึงเล่านิทานอันเป็นต้นธารแห่งประเพณีกรวดน้ำที่สืบทอดกันมาถึงทุกวันนี้ว่า ในวันที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้นั้น พระองค์ทรงประทับนั่งที่โคนต้นศรีมหาโพธิ์ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินด้วยน้ำพระทัยเด็ดเดี่ยวว่า หากว่า คืนนี้ไม่ตรัสรู้ แม้จะต้องทิ้งร่างอยู่ใต้ต้นโพธิ์นี้ก็จะไม่ยอมยุติความพากเพียรอีกแล้ว
ตามนิทานกล่าวว่า จากนั้นไม่นานพญามาร และเสนามารยกพลมาจำนวนมาก เพื่อช่วงชิงบัลลังก์ของพระองค์โดยพญามารตวาดด้วยความหยิ่งผยองว่า ออกไปจากที่นี้แล้วคืนบัลลังก์มาให้เรา
พระองค์ตรัสว่า นี่เป็นบัลลังก์ของเรา
พญามารยังยืนยันว่า นี่เป็นบัลลังก์ของเรา ท่านออกไป
เมื่อพระองค์ยังทรงยืนยันด้วยความแน่วแน่ว่า บังลังก์นี้เป็นของเรา
พญามารมีพวกมากกำลังจะใช้ระบบประชาธิปไตยชนิดพวกมาลากไป จึงถามพระพุทธเจ้าว่า การที่ท่านได้กล่าวยืนยันว่า นี่เป็นบัลลังก์ของท่านซ้ำๆนั้น ท่านมีอะไรเป็นพยาน
พระพุทธเจ้าจึงทรงชี้ลงบนพื้นดินตรงหน้าพุทธบัลลังก์แล้วตรัสว่า พื้นดินนี้เป็นพยาน
พญามารได้ยินก็อยู่ในอาการงงๆ และงงยิ่งขึ้นเมื่อ แม่ธรณีโผล่ขึ้นมาจากจุดที่พระองค์ทรงชี้ แล้วบีบมวยผม น้ำไหลออกมาจากมวยผมของแม่ธรณีบ่าไหลไปทั่วบริเวณนั้น ท่วมพญามารและเสนามารจนต้องพ่ายกันหนีไป ยิ่งพญามารหนี แม่ธรณีก็ยิ่งบีบมวยผม พญามารเลยหนีไปชนิดไม่กลับมาอีก
แม่ธรณียังขู่พญามารว่า จำไว้นะ นี่บีบน้ำออกมาแค่นิดเดียวเท่านั้น น้ำเหล่านี้มาจากน้ำที่พระโพธสัตว์ตั้งจิตไว้มั่นว่าจะตรัสรู้ ได้หยาดหยดลงไปบนผืนธรณีทุกครั้งที่ได้บำเพ็ญบารมี เป็นเวลานาถึง สี่อสงไขย์ กำไรแสนกัปป์ พญามารเอ๋ยลองคิดดูว่า น้ำในมหาสมุทรทั้งสี่จะพอรับน้ำที่พระองค์หลั่งได้หรือไม่ คิดผิดคิดใหม่ได้นะ พญามาร
เมื่อแม่ธรณีได้ทำหน้าที่ยามเฝ้าแผ่นดินให้พระพุทธเจ้าจนแน่ใจแล้ว่าพญามารศัตรูผู้ต้องการบัลลังก์ ไม่กล้ามาเหยียบแผ่นดินนี้อีกแล้ว แม่ธรณีก็กราบถวายบังคมลาเพื่อให้พระพุทธเจ้าได้ปรารภความเพียรเพื่อบรรลุถึงพระสัมมาสัมโพธิญาณตามพระพุทธปณิธาณทุกประการต่อไป
หากจะตีความธรรมะจากนิทานก็จะได้ธรรมะต่างๆเช่น
พระหฤทัยอันหนักแน่นมั่นคงของพระองค์ที่ผ่านการฝึกฝนภาวนาและผ่านการตรากตรำ แดด ฝน ร้อน หนาวมานาน เปรียบเหมือนแผ่นดิน
พญามารคือ กิเลสกลุ่มหนึ่งที่ถูกป้องกันไว้ด้วยพลังสมาธิ มานาน หวนกลับมาปรากฏอีกครั้งหนึ่ง เป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายก่อนจะถูกเผาผลาญให้สลายสิ้นซากไปกับพลังญาณแห่งการตรัสรู้
ระยะเวลาสี่อสงไขย์ กำไรแสนกัปป์ คือ ทุกขณะจิต พระองค์ทรงมั่นคงอยู่กับการบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแม้นานแสนนานก็ไม่ถอดถอน
พระหฤทัยอันประกอบด้วยพระกรุณาที่แสดงออกมาเป็นภาพแม่ธรณี ที่แสดงออกถึงความอ่อนโยน เพราะสตรีคือตัวแทนของความอ่อนโยน
น้ำที่แม่ธรณีบีบออกมาจากมวยผม คือ ขันติ ความอดทน และเมตตา เพราะพระพุทธเจ้าทรงเปรียบน้ำว่าประกอบด้วยธรรมะสองอย่างคือ ขันติและเมตตา เป็นคำบาลีว่า ขันติเมตโตทกัง น้ำคือ ความอดทนและความรักที่ไม่มีพรหมแดนไม่มีเงื่อนไข(Universal and Unconditional Love)
แม่ธรณีบีบมวยผมแสดงธรรมะอีกอย่างหนึ่งว่า ในความอ่อนโยน มีพลังแห่งความเข้มแข็งและเยือกเย็นแฝงเร้นอยู่อย่างมหาศาล พลังน้ำที่พังตลิ่งหรือพังภูเขา เป็นตัวอย่างของความอ่อนโยนที่พิชิตความแกร่งได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องกล่าวถึงสตรีผู้อ่อนโยนที่มักจะพิชิตบุรุษอาชาไนยที่เข้าใจว่าตนเข้มแข็งมาเป็นเจ้าบ่าว(หัวหน้าคนใช้)มานับไม่ถ้วน
นิทานจบลง ขอเชิญญาติโยม กรวดน้ำรับพรพร้อมกันเถอะ
ดร. พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ
เจ้าอาวาสวัดลอยฟ้า (Sky temple no boundary)
www.skytemple.org
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple