วัดพุทธปัญญา

บทความ\ลูกติดแม่

ลูกติดแม่

ลูกติดแม่

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม เวียนมาบรรจบปวงชนชาวไทยพากันจัดงานยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนม์พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถกันเป็นประจำทุกปี ในโอกาสเดียวกันนี้ปวงชนชาวไทยถือโอกาสระลึกถึงคุณงามความดีของแม่ของแต่ละคนเป็นพิเศษ เสียงแซ่ซ้องสดุดีพระคุณแม่ดังเซ็งแซ่กระฮึ่มก้องไปทั่วแผ่นดินแผ่นฟ้า ที่หัวใจเรียกร้องแสดงออกมาในรูปของคำพูดสั้นๆ บทกวี ลำนำ เพลง ที่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างไกลไปตาม Face book, website และสื่อต่างๆเพื่อให้คู่ควรกับพระคุณแม่

วันนี้ลำนำรักแม่เป็นหมื่นเป็นแสนบทกำลังถูกเผยแพร่ไปกว้างใหญ่ไม่มีขอบเขตจำกัดดังบทกวีบางตอนที่ว่า อันพระคุณแม่ ยิ่งใหญ่ดุจห้วงเวหา ไม่มีฟากฟ้า หรือสวรรค์กั้นรักจากแม่

ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับชีวิตมาจากแม่ ผู้มีความรักที่ไร้ขีดจำกัด เพราะแม่ให้กำเนิดลูกโดยมิได้จำกัดว่า ลูกที่มาเกิดรูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างไร ขอเพียงให้แม่ได้รักก็พอแล้ว แม่รักลูกตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าตาของลูก ไม่ได้พูดจา ไม่ได้เห็นอกเห็นใจ ลูกไม่ได้อ้อนวอนขอความรักจากแม่สักคำเดียว แต่แม่ก็ปลงใจรักลูกตั้งแต่รู้ว่าลูกจะมาเกิดในครรภ์

แม่จึงเป็นผู้หญิงที่รักง่าย แต่ไม่หน่ายรัก ลูกไม่เคยยื่นคำร้องขอเข้าพักในครรภ์สักเก้าเดือน แต่แม่ก็อนุญาตด้วยดี ทั้งๆที่รู้ว่าแขกแปลกหน้าที่มาอาศัยอยู่ในครรภ์จะเป็นที่มาของภาระหนักแห่งชีวิตที่สลัดไม่ออกไปจนตายจากก็ตาม แต่แม่ก็ยินดีต้อนรับด้วยรอยยิ้ม เป็นยิ้มที่ออกมาจากความหวังครอบครองสิ่งที่ตนรักพอเศษในชีวิต

วันเวลาผ่านไปตามลำดับ แขกแปลกหน้าที่มาแบบเจียมเนื้อเจียมตัวชีวิตน้อยๆเท่ากับหยดน้ำ ก็ค่อยๆเติบโตแข็งแรงแสดงอานุภาพของตัวเองออกมา มือไม่เคยมีก็ยื่นออกมา เท้าไม่เคยมีก็ยื่นออกมา ทุกอย่างโตขึ้น ตา หู จมูก ปาก อวัยวะทุกส่วนส่วนก็เติบโตตามลำดับ นี่ไม่ใช่วุ้นธรรมดาเสียแล้ว

เมื่อแขกแปลกหน้าโตขึ้นตามลำดับดึงไว้ไม่หยุดฉุดไว้ไม่อยู่ ครรภ์ที่เป็นห้องพักเล็กๆก็ต้องขยายใหญ่ขึ้น ถ้าเป็นห้องธรรมดาก็ไม่สู้กระไรนัก แต่นี้ เป็นห้องพิเศษชนิดวีไอพี เป็นห้องเคลื่อนที่ ซึ่งเจ้าของห้องต้องพกติดตัวไปด้วยเสมอวางลงไม่ได้จนกว่า จะถึงเวลาที่แขกผู้นั้นจะออกมาจากห้องพักวีไอพี

การอุ้มสิ่งของพิเศษชิ้นหนึ่ง ที่โตและหนักขึ้นทุกวัน มิใช่สิ่งที่กระทำได้ง่าย ยิ่งนานยิ่งหนัก

        ความเคลื่อนไหวทุกอิริยาบถจะไปไหนก็ลำบาก เดินก็ลำบาก ยืนก็ลำบาก ก้มก็ลำบาก นั่งลงก็ลำบาก ลุกขึ้นก็ลำบาก นั่งเฉยๆก็ลำบาก เวลานอนก็ลำบากมากเพราะไม่รู้จะนอนท่าไหนให้เป็นสุขสักอึดใจเพราะมันค้ำไปหมดพลิกซ้ายก็ลำบาก พลิกขวาก็ลำบาก นอนหงายก็ไม่สุข นอนคว่ำก็ทรมาน

หากใครมีข้อข้องใจว่าการตั้งครรภ์ของแม่นั้นทุกข์แค่ไหน ก็ลองนำเอาลูกบาสเกตบอลมาผูกไว้ที่ท้องสักเก้าเดือนโดยไม่ต้องปลดออก เป็นการทำงานวิจัยภาคสนามเชิงประจักษ์ ก็จะรู้ซึ้งว่าลำบากแค่ไหน

นี่ขนาดลูกบลอลวางไว้เฉยๆยังทำความลำบากไปหมด แต่นี่เจ้าแขกแปลกหน้าที่ตัวโตขึ้นทุกวัน ยังดิ้น ยังถีบ ยังหาทางออกก่อนกำหนดอีก จะเพิ่มความเจ็บปวดทรมานสักแค่ไหน

        แม้เจ้าของที่พักจะรับภาระหนักสักปานใด แต่ทว่าหนักแต่กาย ยิ่งใกล้วันแขกแปลกหน้า ที่เริ่มซ่าขึ้นทุกวันจะออกมา จากห้องน้อย แม่ยิ่งรอคอยด้วยจิตใจที่เบิกบานตื่นเต้นเหมือนคอยคนรักที่จากกันไปนานจะกลับมาเยือนก็ไม่ปาน

        ความรักแท้ที่มีตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า ไม่เห็นสถานะ ไม่เห็นนิสัยใจคอนี้แหละ เรียกว่า ความแมตตา รักแท้ที่มีแต่ให้ๆๆๆอย่างไม่มีเงื่อนไข

        บ้านเช่าธรรมดาที่เจ้าของบ้านเพียงดูแลให้ความสะดวก พอถึงสิ้นเดือน คนพักก็ต้องจ่ายเงิน หรือบางแห่ง เรียกยุบเรียกยับสารพัดจะเรียกค่าบริการ แต่ห้องพักของแม่ ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ไม่ต้องมีเงินมัดจำ ขอให้ลูกพักอยู่อย่างเป็นสุขปลอดภัย แม่ก็สุขใจแล้ว

        แม่เป็นพระอรหันต์ของลูกตรงที่สุขใจเมื่อได้เสียสละ โดยไม่รับสิ่งใดตอบแทน เป็นตัวแทนแห่งความกรุณา ดั่งพระอรหันต์เจ้ามีความกรุณาแก่ปวงสัตว์ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณฉะนั้น

        วันที่ลูกออกจากที่อยู่อันอบอุ่นปลอดภัย เพื่อดูโลกกว้าง ที่น่าศึกษาเรียนรู้ เป็นวันที่แม่เสี่ยงภัยถึงชีวิต ยิ่งแม่ของฉันต้องคลอดตามธรรมชาติแบบโบราณแท้ๆยิ่งเสี่ยงภัยเป็นตายเท่ากัน วันเกิดของลูกจึงเป็นวันที่คล้ายวันตายแม่

        ด้วยพลังแห่งความอดทนและความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่ เราทั้งสองแม่ลูกก็รอดมาได้ แม่ได้เปิดประตูให้ลูกได้ดู ได้รู้ ได้เห็น ได้สัมผัส ได้ท่องเที่ยวไป ได้เรียนรู้ สิ่งใหม่ๆที่น่าตื่นเต้นเร้าใจตลอดเวลา

        ฉันไม่ลังเลที่จะเรียกแม่ว่า เป็นพระผู้เปิดโลก

        หากวันนั้นแม่รู้สึกเบื่อหน่ายเกลียดขี้หน้าลูกขึ้นมากระทันหัน เปลี่ยนจากพระพรหมอุดมพระคุณ สวมวิญญาณพยาบาทเป็นนางยัก์ปักหลั่น ลูกก็ไม่มีโอกาสได้ดูโลกอันตระการตาใบนี้

        แม่คือเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรระหว่างชีวิตกับความตาย แม่ได้ออกวีซ่าถาวรให้ลูกได้เหยียบผืนโลกได้มีชีวิตชื่นชมโลก ที่สวยงามด้วยธรรมชาติและการปรุงแต่งนานัปประการ ตามใจที่ปรารถนา เป็นวีซ่าที่ไม่ได้ประทับตราบอกวันเวลาหมดอายุ ยกเว้นเสียแต่ลูกจะสิ้นอายุไปเอง

        แม่มอบลมหายใจให้ลูกเป็นหลักฐานสำคัญ ที่จะยืนยันกับใครต่อใครว่า มีชีวิตอยู่กับเพื่อนร่วมโลกได้  ลูกจะรักษาและดูแลสมบัติอันล้ำค่าที่แม่มอบให้จนวันจากกัน

        ลมหายใจที่แม่มอบให้คือ อุปกรณ์การดำรงชีวิตและแสวงหาทรัพย์สมบัติและอริยทรัพย์ทั้งปวง ลมหายใจจึงสำคัญกว่าทรัพย์สินทั้งปวง เมื่อยังมีลมหายใจทรัพย์สินต่างๆยังหามาได้ แต่เมื่อสิ้นลมแล้ว แม้แต่ทรัพย์สินที่กองอยู่ข้างหน้าเป็นภูเขาเลากาก็ไร้ความหมาย

      การเฝ้าดูแลเอาใจใส่ลมหายใจที่แม่ให้ติดตัวมา จึงเป็นการรักษาต้นทุนชีวิตก้อนสำคัญของแม่ไว้ ระลึกรู้ลมหายใจเมื่อไร ก็นึกถึงแม่เสมอ

        เมื่อแม่เปิดโอกาสให้ลูกลืมตามองโลก ด้วยความปลาบปลื้ม แต่สภาพการคลอดบุตรในสมัยกึ่งศตวรรษก่อนสำหรับบ้านนอกที่ขาดแคลนและกันดาร ก็ต้องอาศัยภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดกันมา ไม่มีโอกาสจะได้พบหมอสมัยใหม่ได้เลย เพราะเรื่องการไปหาหมอเป็นเรื่องยากสำหรับคนชนบทห่างไกล

        เมื่อแม่คลอดเสร็จแล้วพ่อก็ต้องทำหน้าที่ ของผู้ดูแลอย่างทุ่มเทและเสียสละเพื่อให้แม่ได้อยู่เรือนไฟครบกำหนดเจ็ดวันหรือสิบห้าวัน ชาวบ้านเชื่อกันว่า หากหญิงใดที่คลอดแล้วได้อยู่เรือนไฟนานจะทำให้ฟื้นตัวหายอ่อนเพลียจากการคลอดบุตรตามธรรมชาติได้เร็ว  ในวันข้างหน้า สุขภาพจะแข็งแรง จะทำงานหนักได้ตามปกติ เพราะงานหนักคือดอกไม้งามของชีวิตชาวชนบท

พวกเราบูชาพระพุทธภาษิตที่ว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ งานหนักแค่ไหนไม่เคยบ่นขออย่าให้ป่วยก็พอแล้ว

        เวลาที่แม่อยู่เรือนไฟ จะนอนในกระท่อมที่พ่อทำขึ้นเป็นพิเศษ หลังคามุงจาก พื้นปูด้วยฟากไม้ไผ่ กั้นฝาด้วยใบจากด้านหนึ่ง ส่วนมากจะเป็นด้านตะวันตก แล้วจะเปิดโล่งด้านทิศตะวันออก จะหากะละมังมาใบหนึ่ง ใส่ดินเหนียวให้เต็มแล้วก่อไฟข้างบนดินเหนียวที่ใส่ในกะละมังนั้น เชื้อไฟก็เป็นไม้ฟืนที่มาจากกิ่งไม้แห้งที่ตกลงมาจากต้น หรือเชื้อไฟที่ง่ายที่สุดก็คือทางมะพร้าวแห้งที่หล่นกลาดเกลื่อนไปทั่วสวน

        พ่อและพี่ๆจะช่วยกันลากทางมะพร้าวมากองไว้ข้างๆโรงไฟ แล้วทะยอยใส่เชื้อไฟไว้อ่อนๆให้แม่ที่กำลังนอนกอดลูกอยู่ได้ไออุ่นหรือบางคราวร้อนถึงกับเหงื่อตกอย่างต่อเนื่องเพื่อขับไล่พิษภัยที่ตกค้างในร่างกายให้ไหลออกมากับเหงื่อให้หมดเสียครั้งหนึ่ง

 หมอตำแย หรือเรียกภาษาพื้นบ้านว่า แม่ทาน สำหรับแม่ทานของแม่ชื่อป้ามะเฟือง ชื่อเพราะเชียว เป็นแม่ทานขาประจำทำคลอดเด็กในหมู่บ้านนั้นทั้งหมด จะคอยให้คำปรึกษาเรื่องการอยู่เรือนไฟอย่างไกล้ชิดด้วย

        ขณะที่แม่อยู่เรือนไฟก็ต้องทานอาหารอย่างจำกัดตั้งแต่ต้นจนจบคือ หมูเนื้อแดงสับละเอียดแล้วคลุกกับกระเทียมและพริกไทยที่เตรียมไว้ ต่อจากนั้นก็นำลงโขลกกับกะปิผสมผสานให้เข้ากันดี แล้วนำลงทอดในกะทะ จนกระทั่งเนื้อหมูสุกจนทั่ว ก็นำมาเก็บไว้ เวลาจะกินข้าวก็นำข้าวซ้อมมือที่ตำเก็บไว้เพื่อเตรียมการคลอดลูกโดยตรงมาหุงข้าวน้ำแห้งคือไม่ต้องรินน้ำข้าวทิ้ง ทำให้คุณค่าทางอาหารไม่เสียไปเลย เมื่อข้าวสุกดีแล้วก็นำมาคลุกกับหมูทอดกะปิที่เตรียมไว้ รับประทานอยู่อย่างนั้นจนเสร็จจากการอยู่เรือนไฟ

        อาหารสำหรับลูกน้อยในอ้อมอกแม่สำหรับคนบ้านนอกก็ไม่มีอะไร นอกจากดื่มนมจากอกแม่อย่างเดียว เด็กบ้านนอกอย่างฉันจึงซาบซึ้งเมื่อพูดถึงคุณค่าน้ำนมของแม่เพราะน้ำนมแม่เป็นทั้งอาหารหลักอาหารเสริม

        ที่เรียกว่า เป็นอาหารหลักเพราะเด็กทารกต้องดื่มนม เมื่อไม่มีเงินมากพอที่จะไปหาซื้อนมมาเลี้ยงทารกได้ก็ดื่มนมแม่นี่แหละ นี่คืออาหารหลัก พอพูดถึงอาหารเสริมเด็กๆน่าจะได้ดื่มนมขวด นมผง หรือนมกล่องอย่างถูกหลักอนามัย แต่เมื่อฉันหิวก็วิ่งเข้าหาแม่นี่แหละ ขอดื่มนมก่อน ไม่ว่าแม่อยู่ไหนก็ต้องนั่งลงจับฉันนอนในตักแล้วบรรจงป้อนนมจนอิ่มก่อนแล้วกลับไปทำงานต่อ

        น้ำนมแม่จึงมีความสำคัญมีคุณค่ากับชีวิตชนิดที่ยากจะปลดเปลื้องค่าน้ำนมได้จริงๆ ฉันเป็นเด็กคนหนึ่งของโลกที่แม่ให้นมของแม่จนแห้งไม่เหลือสักหยดเวลาหิวขึ้นมายังมาขอดื่มนมแห้งๆอีกเป็นครั้งคราวคิดตามประสาเด็กว่า มันอาจจไหลออกมา

 การดื่มนมแม่มีความหมายมากกว่าอาหารวิเศษที่เป็นทั้งอาหาร ยา เป็นภูมิคุ้มกัน เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความอบอุ่นในระยะยาว เพราะเวลาที่แม่ให้นมลูกต้องกอดต้องชมเชยต้องร้องเพลงกล่อม เป็นการถ่ายทอดความสุขหลายด้านมาสู่ลูกน้อย มีทั้งอิ่ม อุ่นและปลอดภัยในอ้อมอก อ้อมแขนของแม่

        ชีวิตของคนบ้านนอกที่ยากไร้ไม่มีเตียงจะนอน นอนบนเสื่อที่ปูด้วยฟากไม้ไผ่ แต่ฉันก็ได้นอนบนเตียงพิเศษที่บางคนได้นอนน้อยกว่าฉัน เป็นเตียงน้อยที่ทำด้วยเนื้อหนังมนุษย์ นั่นคือตักแม่นั่นเอง

        การนอนตักแม่จึงเป็นภาพฝังใจที่ลึกล้ำ เป็นยาป้องกันความเหงาและและความเศร้าได้อย่างดียิ่ง

ชีวิตของพเนจรอย่างฉันที่ออกจากบ้านตั้งแต่เยาว์วัย เร่ร่อนท่องเที่ยวไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ บางครั้งความเหงาก็เข้ามเยือนอยู่บ้างแต่คืนที่เหงากลับเป็นคืนที่เปี่ยมสุขเพราะฉันมักฝันว่าได้เป็นเด็ก ตัวเล็กๆนอนตักแม่ ยังจำไออุ่นและกลิ่นแป้งของแม่ได้ดี พอตื่นขึ้นมาความเหงาที่รุมเร้าก็หายไป ความสดชื่นแจ่มใสเข้ามาแทนที

นี่ละกระมังที่หลวงพ่อปัญญานันทะได้แสดงปาฐกถาไว้ว่า พ่อแม่ที่จากเราไป หากเราหมั่นสร้างความดี ระลึกถึงท่าน ท่านไม่ได้จากเราไปยังอยู่กับเราตลอดเวลา

        หากฉันต้องบอกความในใจกับแม่ก็คงจะพูดแค่ว่า อยู่ในใจเสมอรู้ไหม หรือ หากจะใช้สำนวนอีสานก็จะได้คำว่า อยู่ในใจเสมอ ฮู้บ่ อยู่ในใจเสมอฮู้บ่

แม้ครอบครัวฉันจะอบอุ่นเพราะมีพี่ๆอีกห้าคนเป็นเพื่อน แต่ฉันก็จะติดแม่อย่างเหนียวหนึบ จะไปไหนต้องตามติดไปเสมอ ไม่เคยรู้ว่า เวลาฉันตาแม่ไปด้วยแม่จะลำบากแค่ไหน รู้แต่ว่า อยากอยู่ไกล้แม่

            ภาพชินตาที่คนทั้งหมดู่บ้านจำได้คือภาพที่แม่หาบกระจาดสองใบที่สานด้วยไม้ไผ่ ด้วยคานหาบที่ทำได้วยไม้ไผ่  สายที่ต่อจากกระจาดสำหรับสอดไม้คานทำด้วยหวาย เวลาแม่ไปตลาดก็จะหาบกระจาดใส่ใบตองบ้าง ผลไม้ตามฤดูกาลบ้างไปขาย เวลาไปไร่ก็จะหาบ ข้าวปลาอาหารไปเลี้ยงพ่อ และพี่ๆที่ช่วยกันทำไร่ ฉันจะต้องอยู่เฝ้าแม่ติดแจไม่ห่าง

            เวลาแม่ออกเดินทางฉันจะจับสายกระจาดหรือขอบกระจาดวิ่งตามต้อยๆไป จนชาวบ้านเห็นแล้วเอ่ยปากว่า น้าเขียนแกรักไอ้ไข่ของแกจริงๆ เห็นน้าเขียนก็ต้องเห็นไอ้ไข่

 ชาวบ้านจะเรียกแม่ว่าน้า และเรียกฉันว่า ไข่ ตามประสาเด็กปักษ์ใต้ทั่วไป พอฉันโตขึ้น ยิ่งดำและอ้วนขึ้นทุกวัน จึงมีคนเรียกตามบุคลิกใหม่ว่าไข่หมึก

            ผู้ใหญ่บางคนชอบพูดเชิงหยอกเย้าขู่เล่นว่า เดี๋ยวเถอะมึงตามแม่ดีนักกูจับผ่าทอ้งส่งซีอุยเสียเลย บางคนพูดแล้วชักมีดปาดตาลออกมาทำท่าจะจับผ่าท้องจริงๆ คราวนี้ละปล่อยกระจาดกอดขาแม่แน่นเลย คนที่ขู่ก็เข้ามาวนเวียนรอบๆแม่ ทำท่าจะจับให้ได้ ฉันก็ต้องหนีรอบๆไม่ให้จับได้ เพราะรู้สึกกลัวจริงๆ

            บางทีนั่งเผลอๆถูกรวบตัวแล้วกอดไว้แน่นอย่างไม่ทันรู้ตัวแล้วชอบจับท้องกลมๆนิ่มๆเล่นเสมอทำให้รำคาญและจั๊กกะจี้ก็ดิ้นรนให้หลุดทั้งกัดทั้งข่วนจนต้องปล่อย

บางทีก่อนออกจากบ้านต้องบอกแม่ก่อนว่า อย่าไปทางนี้นะ คนนั้นจะดักจับไปทางโน้นดีกว่า สร้างความฮือฮาให้คนที่พบเห็นตลอดทาง

            แท้ที่จริงสิ่งเหล่านี้คือ ความรักที่ชาวบ้านได้มอบให้เพราะเป็นเด็กอ้วนจ้ำม้ำน่าจับน่ากอดเหมือนเด็กน่ารักทั่วๆไป บางครั้งพอถูกหยอกล้อมากๆก็ปากเสียด่าสวนเขาไปบ้าง มีคนสอนติดหูว่า แหม เขาหยอกเล่นทำเป็นดุร้ายไปได้ เขารักหรอกจึงหยอกเล่น

            แม้จะรู้ว่าหยอกเพราะรัก แต่ตอนนั้น ก็ไม่อยากให้หยอกมานัก มองน้อนกลับไปชีวิตวัยเด็ก แม้จะขาดแคลนทรัพย์สินเงินทองของเล่นดังวัยเด็กจะควรมี แต่กลับร่ำรวยด้วยความรักจากคนรอบข้างอย่างล้นหลาม

            ถนนเพชรเกษมเพิ่งจะตัดรถราแล่นผ่านน้อยมาก ริมทางถนนเต็มได้วยผลไม้ป่านานาชนิด จะออกผลและสุกตามฤดูกาล เดินไปเก็บกินไปอย่างเพลิดเพลิน บางทีเดินไปพบแตงโมลูกโตวางอยู่ริมทางสองสามผล ได้กินแตงโมหวานฉ่ำ แตงโมเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็มาจากการที่คนกินแล้วถ่ายทิ้งไว้ เวลาผ่านไปเม็ดงอกขึ้นมา รับแสงแดด รับน้ำฝนดีก็ผลิดอก ออกผลมาตามกาลเวลาที่เหมาะสม

            บางวันเดินๆไปเจอลาภใหญ่ ไข่ไก่ป่าองอยู่ชายป่าตั้งสี่ห้าฟอง ก็ต้องขอแม่ไก่ไปต้มกิน

            พวกเราสองแม่ลูกจะเดินกันเป็นประจำ แม่หาบกระจาด ลูกชายเดินตามหลัง ช้าๆแม่วางกระจาดลง นั่งข้างทางบ้างหายเหนื่อยก็เดินต่อไป วันหนึ่งเวลาสายๆไกล้จะเที่ยง ออกจากบ้านเดินกันมาสองคน เดินมาได้ครึ่งทางแม่หาบของกินของใช้ ฉันเดินเกาะกระจาดเดินตามต้อยๆ แล้วรู้สึกหน้ามืดล้มลง แม่รีบวางกระจาด เข้ามาอุ้มกอดไว้แนบอกเหมือนเก็บของมีค่าที่ตกหล่นกลางถนนได้ มาถามว่าเป็นอะไรไหม ฉันบอกได้แต่สั่นหน้า

 แม่ได้ยินแค่นั้น ก็รีบขนย้ายข้าวของจากกระจาดข้างหนึ่งไปไว้อีกข้างหนึ่งและอุ้มฉันลงนั่งในกระจาดอีกข้างหนึ่ง หาบเดินทางต่อ

            นี่แหละเมื่อเราล้มแม่คอยอุ้มแล้วแถมด้วยหาบไปอีกต่างหาก ลำพังหาบของก็หนักอยู่แล้ว ต้องหาบลูกอีกก็หนักหลายเท่าตัว ฉันไม่รู้ว่า แม่เหนื่อยกลับได้รู้สึกว่านั่งในกระจาดแล้วเกาะหวายที่ห้อยลงมาจากคนานดูคล้ายๆนั่งเกาะหน้าต่างเล่น

            แม่เดินไปถึงร้านค้า คนที่นั่งกินน้ำชา กาแฟขนม ก็พากันเยาะเย้ยอีกว่า เอ้า น้าเขียนวันนี้ทำไมเสือหมดลายเอาดื้อๆ ต้องหาบแล้วอายเขาตายเลย

ฉันได้ยินแค่นั้นรีบกระโดดออกจากกระจาดทันทีที่แม่วางกระจาดลงแสดงให้คนที่เยาะเย้ยเห็นว่า ไม่ได้หมดลายอย่างที่เขาว่า

 แม่บอกว่าลูกเป็นลมแดด เพราะร้อนเกินไป

            ทุกคนในร้านพอรู้ว่า ฉันเป็นลมล้มลงบนถนน ต่างลุกขึ้นช่วยกันเอาผ้าขะม้าชุบน้ำฝนจากตุ่มมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ ชงนมข้นร้อนๆให้แก้วหนึ่ง ข้าวเหนียวปิ้งอีกหนึ่งห่อ

 พอเนื้อตัวเย็นลงและได้พลังข้าวเหนียวปิ้งก็บอกแม่ว่า ต่อไปนี้ไม่ต้องหาบแล้วนะเดินไปถึงไร่เลย คนที่นั่งร้านน้ำชาพากันฮาใหญ่ ก่อนเดินออกจากร้าน คนชอบหยอกก็ไม่วายแซวว่าไอ้เสือบุกต่อไปอีก คล้อยหลังอย่าเป็นเสือหมอบเสียอีกละ

 พลังฮึดจากเสียงเสียดสี บวกกับนมและข้าวเหนียวปิ้ง ทำให้เดินไปจนถึงไร่ แต่ก่อนจะถึงไร่ ต้องหยุดพักใต้ร่มไม้หลายครั้งเหมือนกัน

            เนื่องจากแม่ไปวัดมาตั้งแต่ยังสาวเพราะหลวงตาเป็นเจ้าคณะจังหวัดชุมพร เจ้าอาวาสวัดขันเงินอำเภอหลังสวน เมื่อมีครอบครัวแล้วก็ไม่เคยทิ้งวัดในวันพระแปดค่ำหรือสิบห้าค่ำ วันไหนฝนตกหนักก็เป็นห่วงพระจะไม่มีอาหารฉัน ต้องพากันไปดูแล

  ลูกติดแม่ปกติไม่เคยฟังเหตุผลขอให้ได้ติดตามแม่ไปทุกหนทุกแห่ง ฝนตก น้ำท่วมแดดออก  ร้อนหนาว ขอให้ได้อยู่ใกล้แม่ก็แล้วกัน

 วันหนึ่งฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากมาตั้งแต่กลางคืน แม่เตรียมอาหารใส่ปิ่นโตมากเป็นพิเศษเผื่ออุบาสกอุบาสิกามาวัดน้อยเพราะเดินทางลำบาก พอแม่เดินออกจากบ้าน ฉันก็รีบวิ่งนำนห้าฝ่าฝนไปก่อน แม่อ้อนวอนให้กลับเท่าไรก็ไม่ยอม เนื่องจากน้ำน้ำในคลองไหลเชี่ยวมาก แม่จึงต้องเปลี่ยนจากเรือเป็แพไม้ไผ่ เพราะจะไม่เสี่ยงต่อการล่มกลางแม่น้ำเหมือนเรือ

 เมื่อเจอน้ำพัดแรงฉันก็เกิดอการกลัว ไม่กล้านั่งห่างแม่  แม่ก็ต้องยืนใช้ไม้ไผ่ถ่อ(การนำเอาไม้ไผ่ยาวปักลงจนถึงดินใต้แม่น้ำแล้วดันแพให้เคลื่อนไปข้าหน้า)แพฝ่าน้ำเชี่ยว ซึ่งต้องใช้กำลังมากเป็นพิเศษกว่าการถ่อแพธรรมดา ลูกชายตัวน้อยกลัวกระแสนน้ำเชี่ยว โผเข้ากอดเท้าแม่ไว้

ตามปกติ การถ่อแพที่ดีมีกำลังดันแรง ผู้ถ่อต้องยืนกางขอออกจากกันแล้วยืนให้มั่น แต่วันนั้นแม่ต้องยืนถ่อแพตัวแข็งทื่อ เพราะลูกชาจอมติดรวบขามากอดไว้เหมือนถูกมัดแน่น จะสลัดก็ไม่ได้ จำต้องใช้ไม้ดันแพให้ฝ่าสายน้ำเชี่ยวไปด้วยความยากลำบากยิ่ง กว่าจะข้ามคลองได้เกือบจะต้องวางวายกลางสายน้ำไปพร้อมกันทั้งแม่ทั้งลูก

            การเสี่ยงชีวิตฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อให้ลูกรอดพ้นจากโพยภัย เป็นอุปนิสัยของแม่ทุกคน

            ความรักของแม่ไม่มีเวลาจำกัด ไม่ว่าหลับหรือตื่น แม้แต่เสียงละเมอจองลูกแม่ก็คิดว่าเป็นเรื่องจริง คราวหนึ่งฉันนอนซมเพราะพิษไข้หวัดใหญ่ตัวร้อนราวกับมีกองไฟสุมอยู่ข้างใน การรักษาก็ทำตามมีตามเกิดใช้ยาเขียวทั้งกินทั้งทาตัว จนหลับไป แม่คอยเฝ้าดูแลอาการอย่างใกล้ชิด

            ฉันหลับไปด้วยความอ่อนเพลียนานหลายชั่วโมง เมื่อตื่นขึ้นมาดึกแล้ว หลายคนนั่งล้อมรอบๆตัว แล้วพูดว่าตื่นแล้วๆด้วยความดีใจ ข้างตัวฉันมีลำใยผลแห้งๆใส่ถาดอยู่สองสามช่อ

            แม่บอกว่า ถ้าตื่นแล้วก็กินลำใยเสียซิลูก

            ฉันถามว่าแม่ได้ลำใยมาจากไหน

            แม่บอกว่า ได้ยินลูกละเมอตอนกลางวัน ว่าลำใย ลำใย หลายครั้ง แม่เลยให้พี่เฝ้าไข้แทนแล้วรีบไปตลาดหาซื้อลำใยไปทั่วตลาดได้มาแค่นี้ ลูกินเสียซิ

            การหาซื้อลำใยในตลาดหลังสวนที่อยู่ไกลจากเชียงใหม่หนึ่งพันห้าร้อยกิโลเม็ตร ขณะที่ถนนเพชรเกษมยังเป็นถนนลูกรังที่ขรุขระสัญจรไปมาด้วยความลำบากไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย กว่าลำใยจะเดินทางจากเชียงใหม่ลงมาถึงหลังสวนก็คงจะต้องแห้งแล้วแห้งอีก

            แต่ความลำบากใดๆหรือจะกั้นพลังรักของแม่มิให้เสียสละเพื่อลูกได้ ดังคำที่ว่า ไม่มีฝากฟ้าหรือสวรรค์กันรักจากแม่

            ในฤดูหนาวแม้ภาคใต้จะไม่หนาวเหน็บเหมือนภาคเหนือและภาคอิสาน แต่พอถึงฤดูหนาวคนที่อยู่บ้านคล้ายกระท่อมที่มุงบังง่าย ก็ถูกลมหนาวพัดผ่านเข้ามาพาให้หนาวเหน็บได้ไม่น้อยเหมือนกัน

 ฉันไม่เคยมีผ้าห่มเป็นของส่วนตัวเลย แม่กับฉันมีผ้าห่มเพียงผืนเดียวครอบครองร่วมกัน เวลาหนาวมากๆฉันจะมุดเข้าใต้ผ้าห่มแนบสนิทกับอกแม่อแล้วแม่จะกอดแน่นๆ จึงได้ความอุ่นเป็นสองเท่า ทั้งจากผ้าห่มแล้วจาก ออ้มกอดของแม่

            หมอนส่วนตัวที่จะหนุนก็ไม่ค่อยจะได้หนุนเพราะชอบหนุนแขนแม่เสียมากกว่า ทุกคืนเมื่อเริ่มเข้านอน จะหนุนแขนแม่ไปจนหลับ แล้วแม่จึงย้ายหัวมานอนที่หมอนตัวเองเป็นประจำ

            แม่จึงเป็นผู้หญิงคนเดียวและคนแรกที่ฉันได้อยู่ในออ้มกอด เพราะก่อนฉันจะเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัตรบวชเป็นสามเณรฉันไปอยู่วัดไม่อยากกลับบ้านมาให้แม่หรือคนทางบ้านพบเพราะกลัวจะไม่ได้บวช

            เมื่อแม่มาขอพบและอนุญาตให้บวชแล้ว สิ่งสุดท้ายที่แม่ขอ คือขอให้ลูกกลับไปนอนกับแม่สักสามคืน และสามคืนนั้น เป็นสามคืนสุดท้ายในอ้อมอกแม่ที่แสนอบอุ่นก่อนที่เราทั้งสองจะจากกันชั่วนิรันดร์เพราะตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ฉันไม่มีโอกาสหวนคืนสู่ออ้มกอดของแม่ที่อบอุ่นอีกเลย แม่ฉันจะหวนคืนกลับบ้านไปเป็นลูกแม่อีก ก็ไม่มีอกแม่ให้ซบอีกแล้ว

ใครที่ยังมีแม่โปรดทราบเถิดว่า แม่มีเพียงคนเดียวในโลก วันที่ยังมีแม่ จงรีบรักแม่ กอดแม่ ดูแลแม่ ไหว้แม่  กราบแม่ ทำทุกสิ่งให้แม่ชื่นใจเถิด กอ่นที่จะไม่มีแม่ให้กอดให้รัก ให้ดูแลให้กราบไหว้ แม้แม่จะแก่ไปบ้างแต่แม่ก็เป็นวัตถุโบราณที่ล้ำค่ากว่าวัตถุโปบราณชิ้นใดๆในโลก

แม่ได้รับการขนานามว่า เป็นพระในบ้านก็เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆในโลก เพราะท่านประทานชีวิต อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค การดูแล การศึกษา ทรัพย์สินเงินทองนับไม่ถ้วนโดยไม่ต้องบนบานบวงสรวง ไม่ต้องถวายเครื่องบูชาสังเวย เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีแต่ถวายเครื่องสังเวยแก่ลูกตั้งแต่เล็กจนโต แม้ว่าลูกจะไม่เคยถวายเครื่องสักการะใดๆตอบแทนเลย

            แม่ของฉันจึงเป็นเรือนพักที่ปลอดภัย เป็นเตียงนอนที่อ่อนนุ่ม เป็นผ้าห่มที่อบอุ่น เป็นหมอนหนุนที่แสนนิ่ม

            เมื่อวันที่ฉันจากแม่ แม่ก็ร้องให้ด้วยความห่วงใย แต่ฉันไม่ค่อยจะร้องให้เพราะมัวแต่ปล่อยใจไล่จับความฝัน ตามแรงปรารถนา แต่วันใดที่อดอยาก เงียบเหงา ออ่นหล้า มักจะนั่งคิดถึงแม่อยู่เพียงลำพัง หรือบางครั้งฉันนั่งหลั่งน้ำตาเพียงเดียวดายภายใต้จินตนาการว่าได้นั่งร้องให้ใกล้ๆแม่เหมือนเด็กขี้แยติดแม่คนนั้น

            วันที่แม่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ แม้ฉันจะอยู่กับคติธรรมที่ว่า สิ่งทั้งหลายไม่ค้างคา ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ก็อดคิดถึงแม่ไม่ได้ น้ำตาแห่งความรักความอาลัยที่ปิดกั้นไว้นานแสนนานไม่มีใครจะอดกลั้นไว้ได้ ถ้ามันจะไหลก็ต้องปล่อยให้ไหล ถ้ามันเป็นน้ำแต่ที่แสดงออกถึงความรักแท้ที่แสนจะบริสุทธิ์

นับแต่นี้ต่อๆป ไม่มีใครที่จะนั่งทนฟังฉันเล่าเรื่องราวเศร้าๆ ทุกข์ๆ แล้วทุกข์ไปตามเรื่องราวที่ฉันเล่า ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ไม่มีใครที่จะฟังเรื่องราวแห่งความสุขความสำเร็จของฉันด้วยสายตาเป็นประกายเปี่ยมสุขตามเสียงเล่าอย่างไม่เบื่อหน่ายรำคาญ

            แม่ได้ทำหน้าที่ให้กำเนิด เลี้ยงดูทะนุถนอมประคองกอดจนลูกเติบใหญ่แล้วส่งต่อเข้าสู่อ้อมกอดของพระรัตนตรัย ที่แม่มั่นใจว่า อบอุ่น มั่นคงปลอดภัย ยั่งยืนกว่าอ้อมอกจองแม่ แล้วแม่ก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะแม่ได้ทำหน้าที่ของแม่อย่างสมบูรณ์แล้ว

            หากความเชื่อที่ว่า การบวช เป็นวิธีการตอบแทนพระคุณแม่ได้จริง นำแม่สู่สวรรค์ได้จริง ลูกจะอุทิศชีวิตนี้เพื่อแม่ ด้วยการมอบกายถวายชีวิตในพระพุทธศาสนาเป็นปัจจัยให้แม่ถึงสวรรค์หรือนิพพานเบื้องหน้า โดยไม่คิดกลับหลัง หากเราทั้งสองมีบุญต่อกัน ยังไม่สิ้นกิเลสไปเสียก่อน ลูกตั้งใจอยู่เสมอว่า ชาติหน้ามีจริงแล้วค่อยเจอะกัน สุขอยู่ชั่วนิรันดร์ พบกันทุกชาติเอย

11 สิงหาคม 2553

Fairbanks, Alaska.

       

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple