วัดพุทธปัญญา

บทความ\บูชาพระธรรม

C:\Users\Ashley\Documents\บูชาพระธรรม.jpg

แม้วันอาสาฬหบูชาอันตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 จะผ่านพ้นไปแล้ว แม้พุทธศาสนิกชนผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลายจะได้ทำกิจกรรมต่างๆ มีการให้ทาน สมาทานศีล และเจริญภาวนา และเวียนเทียนเป็นธรรมบูชาเสร็จสิ้นไปแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม 2553 ก็ตาม แต่การนำเอา สารธรรมสำคัญแห่งวันอาสาฬหบูชามาปฏิบัติเพื่อความปลอดทุกข์ในชีวิต อันเป็นการปฏิบัติบูชา ก็ต้องกระทำกันตลอดไป ตราบเท่าที่ความทุกข์ยังวนเวียนมาเยี่ยมเยือนชีวิตจิตใจอยู่มิได้ขาด

สาระสำคัญของพระปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวัตนสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงในวันอาสาฬหบูชาคือ การยกใจให้สูงขึ้นจากความหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ชอบ และ ชัง แล้วตั้งไว้บนเส้นทางแห่งความถูกต้องอันประกอบเข้าด้วยกันเรียกว่า อริยมรรคมีองค์แปด คือ ความเห็นถูกต้อง ความดำริถูกต้อง การพูดจาถูกต้อง การทำการงานถูกต้อง การประกอบอาชีพอย่างถูกต้อง ความพากเพียรที่ถูกต้อง ความระลึกรู้สึกตัวอยู่อย่างถูกต้อง และใจที่ตั้งมั่นอย่างถูกต้อง เป็นหนทางที่นำไปสู่ความไม่ทุกข์

อันความเห็นถูกต้องซึ่งเป็นหัวขบวนของความถูกต้องทั้งปวง ได้แก่ ความเข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งในเรื่องของ ความทุกข์ว่า เป็นความทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ว่า เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ การดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ว่า เป็นความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ หนทางแห่งความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ว่า เป็นหนทางแห่งความดับไม่เหลือแห่งทุกข์

หลวงพ่อพุทธทาสอธิบายว่า เห็นอะไร เป็นอะไร หลวงพ่อชา อธิบายว่า เห็นเป็ดเป็นเป็ด เห็นไก่เป็นไก่ ได้แก่ความเห็นที่ไม่แปลกไปจากความจริง ไม่เพี้ยนไปจากความจริง เป็นความจริงแท้ๆ

ความดำริที่ทถูกต้อง หมายถึงต้นธารแห่งความคิดทั้งปวงถูกต้องแล้ว กระบวนการคิดทั้งปวงก็จะถูกไปด้วย ถ้าต้นธารคือความดำริผิด กระแสความคิดที่ตามมาจะพากันผิดไปหมด

ต้นธารแห่งความคิดที่ถูกต้องคือ ความคิดที่ไม่เจือไปด้วยความใคร่ ไม่เจือไปด้วย ความพยาบาท ไม่เจือไปด้วย ความเบียดเบียน ที่ออกมาบริสุทธิ์ เพื่อทำหน้าที่ตามธรรมชาติในแต่ละขณะๆ

ความคิดที่เป็นปัจจุบันขณะ จึงเป็นธารแห่งความคิดที่ใส เพราะยังไม่ได้รับการปรุงแต่งให้ขุ่น ไม่คิดย้อนกลับไปขุดคุ้ยความชอบชังในอดีตขึ้นมา ทำให้ใจขุ่นมัวเปรอะเปื้อน ไม่ปล่อยความคิดให้แล่นล่วงหน้าไปหาความชอบ ชังในอนาคตให้หม่นหมอง ดำเนินไปในปัจจุบันแต่ละขณะ อย่างมีพลังเต็มเปี่ยมโดยไม่ถูกแบ่งแยกไปให้ลดน้อยถอยกำลังกับอนาคตหรืออดีต

การพูดจาที่ถูกต้อง คือพูดออกมาจาก ความคิดที่บริสุทธิ์ใส ไม่มีความขุ่นใดๆเจือปน จึงเป็นมธุรสวาจา ที่ฟังได้สบายใจ มีเหตุ มีผล ถูกกาลเวลา เหมาะสมโดยประการทั้งปวง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสมธุรสวาจาเพียงประโยชน์เดียวเปลี่ยนจากคนเสียเสียสติให้กลับฟื้นคืนสติสมปฤดีแล้วก้าวไปสู่ความเป็นมีสติเต็มเปี่ยมจนเป็นพระอรหันต์เช่นพระนางปฏาจาราและพระองคุลิมาลเป็นต้น

การทำการงานที่ถูกต้อง คือการงานที่ไม่เป็นโทษ ไม่เบียดเบียนใครๆให้เป็นทุกข์เดือดร้อน ใช้มือใช้เท้า ใช้ปาก ใช้สมองของตนเพื่อการสร้างสรรค์มิใช่เพื่อการทำลาย เมื่อทำงานถูกต้องดีแล้ว ตนเองก็ไม่เป็นทุกข์ ผู้อื่นก็ไม่เป็นทุกข์ จึงเป็นการกระทำ การพูด และการคิดที่ปลอดทุกข์

การประกอบอาชีพที่ถูกต้อง คือการช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้รับความสะดวกและความสุข อาชีพแทบจะทุกสาขาอาชีพ แท้จริงแล้ว คือ กระบวนการบรรเทาทุกข์ให้แก่เพื่อนมนุษย์นั่นเอง แต่การสมมติชื่อและตำแหน่งต่างๆขึ้นมาก็เพื่อแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อถักทอประสานความดี ความเก่ง ของมนุษย์แต่ละคนเข้าหากัน เป็นการทำอาชีพเพื่อช่วยดับทุกข์ให้แก่กันและกัน คนที่มีอาชีพจึงต้องทำด้วยความเต็มใจ อิ่มใจ พอใจ ทำงานไป ขึ้นสวรรค์ไป เพราะได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง

หลวงพ่อพุทธทาสได้กล่าวให้กำลังใจคนทำงานทุกคนว่า การทำงานคือการปฏิบัติธรรม ลองคิดดู อาชีพแต่ละอาชีพยิ่งใหญ่แค่ไหน เป็นเรื่องของการปฏิบัติธรรมเพราะทำเสร็จแล้ว นำความสุขมาให้ทั้งตนเองและผู้อื่น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข

ความพากเพียรถูกต้อง ก็คือ ความพากเพียรที่จะละความไม่ดีทางกาย วาจา และใจ นี่คือ ความพยายามที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ไม่มีความพยายามใดที่จะยิ่งใหญ่กว่านี้ หากยังมีลมหายใจอยู่ก็ตั้งใจเรื่อยไปว่า อะไรที่เป็นขยะของชีวิตต้องสลัดออกไปให้เกลี้ยงไม่ให้เหลือหลอ

เมื่อพยายามที่จะลาออกจากความชั่วแล้ว ต้องระวังตัวว่าจะหวนกลับไปหาความชั่วนั้นอีกหรือไม่ เพราะสิ่งที่อยู่ด้วยกันนานๆบางทีก็ลาจากหรือหย่าร้างกันได้ไม่ง่ายเหมือนกันจึงต้องระวัง อย่าให้มาชวนกลับไปหา หรืออยู่กับความชั่วอีก

ญาติโยมหลายคนตอนเข้าพรรษามีความกล้าหาญมากเด็ดเดี่ยวจริงๆประกาศชัดเจนเลิกเหล้า เลิกเล่นการพนัน เลิกสูบ เลิกเสพ สิ่งเสพติดทุกชนิด งดเว้นจริงจัง แต่พอออกพรรษาได้ไม่กี่วัน ทั้งเหล้าทั้งเล่นซึ่งเป็นสหายรักเก่าก็ลากคอไปเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้การระวังมิให้ตนเองหวนกลับไปหาสิ่งชั่วร้ายอีก จึงต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก

บางคนหลุดพ้นจากอบายมุขได้แล้ว แต่ติดอย่างอื่นเช่น ความหรูหรา ฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย รายจ่ายเกินรายได้เสมอ เมื่อถึงฤดูกาลเข้าพรรษาหากต้องการจะลองลดดูบ้างก็จะเป็นการปฎิบัติทางจิตที่ขูดเกลายิ่งขึ้น หากวันเสาร์อาทิตย์เคยไปซื้อหาเป็นประจำ พอถึงเวลาก็ทนไม่ไหวต้องไปห้างสรรพสินค้าให้ได้ ใครจะไปก็ได้แต่ว่า ต้องพกสติไปใช้แทนสตางค์ จะเดินดูอะไรก็ได้ แต่ดูสักว่าดู เห็นสักว่าเห็น ไม่ต้องซื้อ แค่มาเดินออกกำลัง มาใช้สติแทนสตางค์ ก็เท่ากับแปรสภาพห้างสรรพสินค้าเป็นศาลาเดินจงกรมไปด้วยเลย

ยิ่งไปห้าง ยิ่งเพิ่มสติและเหลือสตางค์ ก็น่าไป แต่ถ้าไปแล้ว เสียทั้สติและเสียทั้งสตางค์ก็ต้องพยายามงดให้ได้ หากพยายามจนงดได้แล้วไม่ต้องมาทุกข์กับหนี้สินก็เป็นการมีชีวิตที่ปลอดทุกข์อีกทางหนึ่ง

เพราะเรื่องการลดละเลิกอบายมุขหรือสิ่งที่ชอบและลุ่มหลงทั้งหลายเป็นของยาก  พระพุทธเจ้าจึงทรงประทานความเพียรที่ถูกต้องมาให้ฟาดฟันโรมรันกับกิเลสเหล่านี้จนมันโผล่ไม่ได้

เมื่อจิตใจไม่ถูกความเศร้าหมองตามล้างตามผลาญ มีความชำนาญรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของกิเลสทั้งหลายแล้ว จิตใจผ่องใสอยู่โดยปกติก็หันมาปลูกฝังความดีลงไป ความดีที่สูงสุดก็คือ การวางใจไว้กับปัจจุบันให้มากที่สุด คิดสิ่งต่างๆที่ดีๆสร้างสรรค์เท่าที่จำเป็นแล้วกลับมาอยู่กับความว่าง เมื่อต้องคิดก็คิดอย่างบริสุทธิ์ แล้วกลับมาอยู่กับความว่าง กับอยู่กับความปกติ เมื่อฝึกได้ดีแล้ว ต่อไปก็รักษาการฝึกฝนนั้นให้ยืนยง มีทักษะรวดเร็วในการคิดเรื่องดีๆ  แล้วกลับมาอยู่กับปกติไม่เพลินจนไปติดกับความดี คิดเรื่องดีๆแต่ไม่ติดกับความคิดเรื่องความดีๆ คิดสเร็จแล้ว ก็ทำตามที่คิดนั้น เท่าที่จำเป็น แล้วมอบความดีให้พระธรรม หรือ ธรรมชาติไป ไม่ยึดสิ่งใดเป็นของเรา

เหมือนการใช้ถ้วยโถโอจาน ใช้เท่าที่จำเป็นใส่แกงเผ็ด แกงร้อน แกงจืด ใส่อาหารหวานคาวได้ทั้งนั้น แต่เมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็ต้องล้างเช็ดให้สะอาดและเก็บไว้ให้เป็นที่เป็นทาง  เป็นถ้วยจานที่สะอาดและว่างเปล่าพร้อมจะนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆได้ทุกเมื่อ ใจก็เช่นกันต้องคิด ต้องรับรู้เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา แล้วผ่านไป แต่รับรู้ตามหน้าที่เสร็จแล้วก็เก็บใจดังที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ผู้ใดจะระวังจิต ผู้นั้นจะพ้นจากบ่วงแห่งมาร คือไม่ปล่อยใจให้ไปลอดบ่วงเล่น ไม่ว่าบ่วงชนิดใด เผลอไผลจะถูกติดบ่วงเอาง่ายๆ อย่าปล่อยใจไปซุ่มซ่ามเดี๋ยวจะติดบ่วงไม่รู้ตัว

เมื่อติดบ่วงแล้วไม่ว่าบ่วงทองคำหรือบ่วงเชือกธรรมดา ล้วนหมดอิสรภาพและเจ็บปวดไม่แพ้กัน เมื่อใดไม่ติดบ่วง เมื่อนั้นจึงไม่เจ็บ

ความระลึกถูกต้อง จึงเป็นเครื่องเตือนภัยให้รู้ว่า อะไรเป็นอะไร เจ้าของบ้านต้องการให้บ้านปลอดภัย ต้องติดตั้งเครื่องป้องกันภัยฉันใด ชีวิตที่จะปลอดภัยก็ต้องติดต้องเครื่องป้องกันใจฉันนั้น

ความระลึกรู้สึกตัวทั่วถึง คือ เครื่องป้องกันภัยของชีวิตที่สำคัญ พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนให้วางสติเอาไว้ ที่จุดสำคัญๆคือ กาย ทั้งกายเนื้อและกายกู กายเนื้อก็ต้องระวังสิ่งต่างๆที่จะเป็นเหตุแห่งโรคภัย กายกูก็ต้องระวังมากเป็นพิเศษ เพราะเกิดตัวกูขึ้นมาทีไร ต้องเจ็บใจทุกที หากไม่ต้องการให้ใจได้รับบาดเจ็บ ต้องระวังมิให้เกิดกายกูมาทำร้ายใจได้ เมื่อใจว่างจากกูมากเท่าไร ความเจ็บใจก็น้อยลงไปเท่านั้น

ความรู้สึกความเป็นตัวกูของกูจึงเป็นความรู้สึกที่แสนจะมายายิ่งนัก เพียงมันผ่านมาแว็บๆแล้วผ่านไป  แต่ไฉนจึงฝากแผลใจไว้เหวอะหวะ รักษายากรักษาเย็นคอยแต่จะติดเชื้อกลัดหนองเจ็บปวดเรื่อยไป

ความระลึกถูกต้องจึงต้องวางไว้ อย่าให้เผลอ เผลอเมื่อไรเจ็บใจทุกที

เมื่อระวังกายได้เป็นอย่างดีแล้ว ต้องมาระวังความรู้สึกชอบชังเป็นกระบวนการต่อไป ความรู้สึกชอบชังนี้เจ็บปวดลึกซึ้งกระชากลากถูชีวิตผู้คนให้ต้องวิ่งตามเหนื่อยแล้วเหนื่อยอีก การตั้งครอบครัวของทุกครอบครัวก็เพราะอำนาจของความชอบชัง การหย่าร้างก็เพราะอำนาจของความชอบชัง สงครามหรือสันติภาพ ก็ตั้งอยู่บนความรู้สึกแห่งความชอบชังของมนุษย์ มันจึงเป็นนายใหญ่เสียจริงๆ

เมื่อไรจัดการความรู้สึกชอบชังได้เชื่อง สถาปนาอาณาจักรแห่งสติเข้าไปแทน การวิ่งล่าอย่างลนลานที่ตามแล้ว ตามอีกก็จะสิ้นสุด ความเหน็ดเหนื่อยจะหมดไป ความหยุดพักและผ่อนคลายก็จะปรากฏ ความเร่าร้อนจะผ่อนลง ความเย็นจะคืบคลานเข้ามาแทนที่

เมื่อมีความระลึกชอบคอยเป็นยามเฝ้าความรู้สึกชอบชังเอาไว้อย่าให้แผลงฤทธิ์ได้ ความดิ้นรนของชีวิตจนแทบวิกฤติวางวายก็ยุติลง ชีวิตจะเข้าสู่ภาวะปกติสงบเย็น

วางสติดูต่อไปถึงจิตที่ดิ้นรนกวัดแกว่ง แสวงหา เฉกเช่นลิงป่า กระโดดคว้าสิ่งนั้นมาเป็นของกู คว้าสิ่งนี้มาเป็นของกู ไม่เคยหยุดไม่เคยพอ หรือดูความสงบนิ่ง ขณะใดขณะหนึ่ง การเอาความระลึกรู้สึกตัวทั่วถึงเข้าไปเฝ้าตามดูตามรู้ ตามเห็นความเคลื่อนไหวของจิตให้ทันทุกขณะ จะเห็นความจริงว่า จิต ก็คือสภาวะ ที่เกิดดับเหมือนคลื่นที่เกิดเร็วและดับเร็ว แต่หากไม่มองใกล้ๆอย่างใช้วิปัสสนาจะมองไม่เห็น แต่ถ้าเฝ้าดูชัดๆก็จะเห็นและประจักษ์ว่า สภาวะของมันก็แค่เกิดดับ ไม่ใช่ตัวตนอะไรที่จะบังคับบัญชาอะไรได้ หากเกิดดับด้วยความบริสุทธิ์ก็มิได้มีพิษภัยแต่อย่างไรหรอก แต่หากเกิดดับด้วยกิเลสทุกครั้ง เผลอทุกครั้ง ใจนี่แหละมันกลายเป็นยักษ์เป็นมารไปในบัดดล

ด้วยความที่จิตละเอียดและลีลาเหลือร้ายนี้เองจึงต้องใช้สติกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดจนเชื่องและไม่ใฝ่หาพิษภัยเข้ามาสู่ชีวิตอีกต่อไป

ความระลึกถูกต้องยังมองเห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริงว่า สิ่งทั้งปวง หรือธรรมชาติ หรือเรียกสั้นๆว่า ธรรมะ ไม่ว่า กาย หรือจิต ชอบ ชังหรือ เฉย ล้วนเป็นเพียงปราฏการณ์ของธาตุต่างๆทำปฏิกิริยาต่อกันเท่านั้น ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา ไม่มีสิ่งใด น่ายึด น่าถือ น่าเอา น่ามี น่าเป็น ทุกอย่าง ว่างจากความหมายแห่งความเป็นตัวตนจริงๆ

เมื่อใช้สติเฝ้าดูอย่างแยบยล ต่อเนื่อง จิตก็จะมั่นคง บริสุทธิ์ อ่อนโยน เหมาะสมแก่การงาน ทั้งด้านกายและด้านจิต สติยังคงเฝ้าดูแลรักษาให้กายและจิตดำเนินไปด้วยการประสานอย่างแนบสนิท กายอยู่ไหนใจอยู่นั้น ไม่หวั่นไหวโยกโคลง ไปไหนไปด้วยกัน ไม่แยกจากกัน อยู่กับปัจจุบัน ทันสมัย ไม่ปล่อยใจให้ไปขุดคุ้ยอดีต ไม่ดิ้นรนทะยานไปข้างหน้า อยู่กับปัจจุบัน อันเป็นเวลาที่ประเสริฐที่สุด จริงที่สุดเพราะสัมผัสได้ ทุกสิ่งเลื่อนไหลเคลื่อนคล้อยไปตามเหตุปัจจัย จนไม่มีอะไรต้องปรุงแต่ง ไม่น่ายึดไม่น่าถือ ไม่น่าเอา ไม่น่าเป็น ดั่งพระพุทธวจนะที่พระพุทะองค์ทรงพระมหากรุณาตรัสแก่ พระมหาโมคคัลลานะขณะที่ภาวนาอยู่ว่า สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทาน เส้นทางอันเป็นคู่ขนาน ที่ห่างไกลจากการทำร้ายรุกรานของกิเลส เป็นทางที่นำไปสู่ความไม่ทุกข์ทรมาน พระองค์ทรงชี้ทางแล้ว การเดินทางจึงเป็นภารกิจของพุทธบริษัทผู้ปรารถนาชีวิตที่อิสระจากบ่วงและสงบเย็นทุกคน

พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ การปฏิบัติบูชา ว่า เป็นการบูชาที่ประเสริฐ เพราะนอกจากนำให้ผู้บูชาพบความสุขแท้เย็นสนิทแล้ว ยังช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวอีกด้วย จึงขอเชิญชวนผู้ปรารถนาความสิ้นทุกข์มาบูชาพระธรรมด้วยการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันอย่างพร้อมเพรียงกันเถิด

 วันเข้าพรรษา อังคารที่ 27 กรกฎาคม 2553 เวลา 20.33 น.  Fairbanks, Alaska.

C:\Users\Ashley\Documents\เจ้าอาวาส.jpg

 

 

 

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple