วัดพุทธปัญญา

บทความ\จากวัดพุทธปัญญาด้วยรัก

จากวัดพุทธปัญญาด้วยรัก

     

            นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2553 เป็นต้นมา เมื่อชาววัดพุทธปัญญาทราบว่า ฉันกำลังเปลี่ยนวีการทำงานจากการทำงานแบบพระธรรมทูตที่ต้องประจำอยู่ ณที่ใดที่หนึ่งตลอดเวลา เป็นงานพระธรรมสัญจร ที่จาริกไปสั่งสอน สนทนา เสวนา หรือนำปฏิบัติธรรม แก่ผู้ใฝ่ธรรมตามสถานที่ต่างๆอย่างไม่มีพันธะใดๆ ต่างเดินทางมาเยี่ยมเยือนสนทนาธรรมและปฏิบัติธรรมร่วมกันมิได้ขาดทั้งกลางวันและกลางคืน

            พี่น้องชาวพุทธหลายคนได้ถามปัญหาธรรมะที่ค้างคาใจมานาน เมื่อมีเวลาช่วงสุดท้ายก็ถือโอกาสถามกันอย่างเจาะลึกจนไม่มีข้อสงสัยใดๆคั่งค้างหลงเหลืออีก พี่น้องหลายคนนอนประจำอยู่ที่วัดพุทธปัญญา ฟังทุกเรื่องที่สนทนา พี่น้องที่สนิทชิดเชื้อหลายคนได้ถามประวัติส่วนตัวซึ่งอาศัยข้อเขียนจากบทความและหนังสือ วัยใส ในบ้านสวน มาเป็นฐานในการถามไถ่พูดคุย เพื่อค้นหาคำตอบบางอย่างเกี่ยวกับความคิด ความตั้งใจและเป้าหมายชีวิตของฉัน

            ชาววัดพุทธปัญญาทุกท่านที่เดินเข้ามาทำบุญสร้างวัดร่วมกันด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ขาวใสไร้สารปนเปื้อนใดๆที่ปิดบังซ่อนเร้น ล้วนมีความรู้สึกรักใคร่ผูกพันกันมากเป็นพิเศษ เป็นมิตรแท้ที่เห็นหน้ากันทั้งยามสุขและยามทุกข์ ยามใดเราต้องเจอมรสุมเจอทุกข์ต่างช่วยกันอดทนฟันฝ่า เผชิญเหตุแห่งทุกข์นั้นจนผ่านพ้นไปด้วยดี ยามใดที่สะดวกสบายพวกเราแบ่งปันรอยยิ้มและความสุขอย่างถ้วนทั่ว

            เมื่อญาติโยมต้องการทราบเรื่องใด จึงบอกเล่ากันอย่างเทใจไม่ปิดบังซ่อนเร้น เมื่อได้เล่าถึงชีวิตหนหลังหลายคนฟังด้วยความตั้งใจ หัวเราะร่วนในบางตอนที่ซื่อใส บริสุทธิ์ และร้องให้ เมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัสที่ยากแก่การทนทานผ่านพ้นได้ แต่ก็ผ่านมาด้วยดี โดยไม่ต้องข้องแวะเรื่องชั่วช้าต่ำทรามมาเป็นตัวช่วยเช่นการเล่าเรื่องการบริหารความฝืดคืองของชีวิตในเยาว์วัยสมัยที่ต้องฉันเพลด้วยอาหารที่มีเพียงน้ำพริกที่ต้องใช้พริกขี้หนูเป็นผักจิ้ม ไม่ต้องพูดถึงน้ำปานะยามเย็นที่มีเพียงน้ำบ่อใสๆดื่มลงไปพอหนักท้อง ละลายน้ำย่อยมิให้กัดกระเพาะ เมื่อต้องท่องอ่านหนังสือด้วยแสงเทียนที่ต้องจุดๆดับๆเพื่อประหยัดเทียนที่หาได้ยาก หรือต้องอ่านหนังสือกับแสงธูปเพื่อจำข้อความใด ข้อความหนึ่งที่จะต้องท่องจำอย่างรวดเร็วแล้ว หลับตาท่องข้อความนั้นจนจำขึ้นใจได้ แล้ว ส่องธูปอ่านตัวหนังสือในข้อความหรือถ้อยคำที่ต้องท่องจำต่อไปอีก หากต้องการข้อความยาวๆติดต่อกันนานๆก็ต้องเดินอ่านใต้เสาไฟฟ้า จะได้รับแสงจากดวงไฟตามเสาไฟฟ้าริมถนนโดยตรง

            เรื่องราวอื่นๆอีกมากมายที่นำมาเล่าสู่กันฟังอย่างไม่เบื่อ หลายท่านมาถวายเพลเสร็จแล้ว กว่าจะกลับบ้านก็ห้าโมงเย็น ลากลับบ้านกันไปเพียงชั่วโมงกว่าๆเพื่ออาบน้ำอาบท่าแล้ว กลับมาใหม่ ร่วมทำวัตรสวดมนต์นั่งสมาธิกรวดน้ำแผ่เมตตาด้วยกัน เสร็จแล้วยังนั่งคุยต่อไปถึงห้าทุ่มเป็นประจำทั้งๆที่พ่อแม่พี่น้องของฉันเหล่านั้นส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบปีสักรายเดียว แม้จะมีวัยรุ่นปะปนมาบ้างประปรายก็รุ่นหกสิบขึ้นไปทั้งนั้น พวกเราจึงสนทนากันอย่างเป็นสุขสนุกสนานเพลินในเรื่องโลกบ้างธรรมบ้างสลับกันไปตามใจปรารถนา นับเป็นวันเวลาที่มีความสุขเพื่อเฉลิมฉลองการปลดเปลื้องหนี้สินของวัดก็ถูก หรือจะเป็นการคุยก่อนลาไปธรรมจาริกที่ต้องสัญจรไปอย่างไม่มีกำหนดก็ไม่ผิด

            ก่อนวันเดินทางธรรมสัญจรเป็นวันที่ 4 กรกฎาคม 2553 อันเป็นวันตรงกับวันประกาศอิสรภาพของประเทศอเมริกาที่ประกาศว่าจะไม่อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษต่อไป ชาวอเมริกันจึงถือเอาวันนี้ว่า เป็นวันชาติที่ประกาศเสรภาพ หรือเรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่ า Independent Day ชาววัดพุทธปัญญาและชุมชนคนรักธรรมจากกริฟฟิตพาร์คจากทุกมุมมหานครลอสแอนเจลิสและบริเวณเมืองอื่นๆที่คุ้นเคยกันมานาน ได้ฟังธรรมกันเกือบจะทุกวันเสาร์อาทิตย์ทั้งที่วัดและที่กริฟฟิตพาร์คได้หลั่งไหลกันมายังวัดพุทธปัญญาอย่างล้นหลาม หลายคนสังเกตผ่านๆว่าน่าจะถึงสามร้อยคนทีเดียว

            ทุกท่านที่เดินเข้ามาวัดวันนี้ต่างพกความรักความผูกพันมาอย่างเต็มเปี่ยม ดวงตาหลายคู่ฉ่ำไปด้วยน้ำตา แม้จะไหลออกมาไม่มากนักแต่เห็นชัดว่า เป็นน้ำตาแห่งความรักและความผูกพันที่ไหลออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ แม้จะทราบอยู่ก่อนแล้วว่า วันหนึ่งจะต้องเดินทางจากไปตามวิสัยแห่งสมณะที่ต้องจาริกไปเรื่อยๆเพื่อพบปะสนทนาธรรมกับผู้ใฝ่ธรรมอย่างไม่จำกัด ก็อดใจหายไม่ได้

            เมื่อเข้าใจเจตนารมณ์แห่งการจากไปครั้งนี้แล้ว ต่างคนต่างแสดงน้ำใจ ด้วยการเขียนบัตรอวยพรบ้าง ด้วยการถวายค่าเดินทางบ้าง ค่าใช้จ่ายในกิจการพระพุทธศาสนาที่ไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายอะไรบ้างในอนาคตบ้าง กล่าวคำอวยพรกันสดๆและมักจะพ่วงม้ายแถมมาด้วยน้ำตากันเกือบจะทุกรายไป

            ฉันมีแต่ความตื้นตันปลาบปลื้มที่เห็นกระแสธารแห่งความรักของมหาชนที่ไหลออกมาอย่างท่วมท้น จะพูดคำใดออกไปที่เกี่ยวกับการพลัดพรากจากลา ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะปรากฏการณ์น้ำท่วมเช่นนี้ได้เริ่มมาตั้งแต่กริฟฟิตพาร์คของชุมชนคนรักธรรมมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อนแล้ว ชาวชุมชนคนรักธรรมที่ไปกริฟิตพาร์คก็มาเล่าบรรยากาศให้ชาววัดพุทธปัญญาฟังแล้วผูกคำใหม่กันขึ้นมาพูดกันว่า วันเสาร์ที่แล้วน้ำท่วมกริฟฟิตพาร์ค ซึ่งหมายถึงทั้งน้ำตาและน้ำใจไหลบ่ามาบรรจบกันนั้นเอง

            ท่ามกลางสถานการณ์น้ำท่วมทั้งที่วัดพุทธปัญญาและกริฟฟิตพาร์คอย่างนี้ ฉันไม่มีถ้อยคำใดที่ควรค่าแก่การตอบแทนความรักอันยิ่งใหญ่ที่พุทธศาสนิกมหาชนมอบให้ เพียงรำพึงในใจอย่างไร้ซุ่มเสียงว่า Don’t cry my beloved people! I shall come back one day.

            ฉันเองก็ยังเป็นพระปุถุชนธรรมดามิใช่พระอริยเจ้าผู้เข้าถึงโลกุตรธรรมหลุดพ้นจากความชอบชังอย่างเด็ดขาดเสร็จสิ้น ยังมีความรู้สึกประทับใจ รับรู้รับทราบ ถึงความรักความปรารถนาดีที่มีให้กันอย่างบริสุทธิ์ เมื่อนั่งย้อนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาคราใดก็สุดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้ แม้จะรำลึกนึกถึงคำพร่ำอสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า จงดำรงความเป็นปกติไว้ ไม่ปล่อยใจให้ฟูเมื่อบประสบกับอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความฟู และไม่ปล่อยให้ใจแฟบเมื่อต้องประสบกับอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความแฟบ แต่ใจก็ยังไม่แข็งพอที่จะปีติปราโมทย์กับสิ่งดีๆที่เร้าใจให้เกิดปีติจนน้ำตาไหล อันเป็นเรื่องของเวทนาและจิตใจที่ยังไม่แข็งแกร่งประดุจภูเขาแห่งศิลาแท่งทึบนั่นเอง

            วันสุกดิบผ่านพ้นไปด้วยไออุ่นแห่งความเมตตากรุณาจากใจของพุทธศาสนิกชนที่ทยอยมาพบปะสนทนากันไม่ขาดสาย โทรศัพท์ดังตลอดเวลา พุทธศาสนิกชนที่พอมีเวลาว่างหลายท่านหลังจากกลับ้านไปทำภารกิจเท่าที่จำเป็นแล้วย้อนกลับมาอีก ค้างคืนกันที่วัดเพื่อจะได้รอส่งกันในวันรุ่งขึ้น แน่นอนที่สุดหลังทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว การสนทนาก็เริ่มขึ้นอีกกว่าจะแยกย้ายกันไปนอนได้ เข็มนาฬิกาก็ผ่านเลยเลขสิบสองก้าวเข้าสู่วันใหม่แล้ว

            ปรากฏการณ์น้ำท่วมครั้งนี้  เป็นท่อน้ำใจขนาดใหญ่ที่ถูกส่งมาหล่อเลี้ยงเปลวไฟแห่งศรัทธาในความดีและในมนุษย์ว่า ความดีงามที่ทำลงไปเพื่อคนส่วนใหญ่แม้มิได้ปรากฏเสียงตอบรับที่เกรียวกราวสนั่นหวั่นไหวในทันทีทันใด แต่ทุกการทำดีทุกอย่างที่หวังให้ส่วนรวมได้รับประโยชน์สุข ที่ทำลงไปด้วยใจอันบริสุทธิ์ย่อมมีเสียงตอบรับเสมอ แม้เสียงนั้นจะเป็นเพียงเสียงรำพึงเบาๆอยู่ภายในของคนที่เห็นด้วยจำนวนไม่มากนัก วันหนึ่งจะค่อยๆก้องกังวาลออมา ไม่ต้องคิด ไม่ต้องหวัง แต่เสียงจะค่อยๆดังขึ้นเองตามกฎธรรมชาติที่ประสานกันตามลำดับ

            สองสัปดาห์ก่อนจากมีเสียงโทรศัพท์หลายสาย จากคนที่ไม่เคยรู้จัก ไม่คุ้นเคย ไม่เคยเห็นหน้า โทรฯมาร้องขอว่า อย่าเพิ่งจากไป เพราะเขาหรือเธอกำลังศึกษาธรรมะทางหนังสือพิมพ์ เพราะต้องยุ่งอยู่กับงานจึงไม่เคยร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนากันเลย แต่จะตัดบทความเก็บไว้เสมอเพื่ออ่านครั้งต่อๆไปเมื่อมีเวลา บางคนบอกว่า กำลังสร้างศาลาหลังน้อยๆเตรียมจะนิมนต์มาคุยกันในวงย่อยๆ ศาลายังไม่ทันจะเสร็จก็ไปเสียก่อนแล้ว

            หนุ่มสาววัยทำงานหลายคนไม่เคยเห็นหน้า อยู่ๆก็มาพบขอถวายค่าเดินทางด้วย เมื่อถามว่ารู้จักได้อย่างไร ก็ตอบว่า ได้ฟังเสียงธรรมจากซีดีทุกอาทิตย์ ซีดีทุกแผ่นที่เพื่อนนำไปฝากจะเก็บไว้ในห้องนอนและในรถเพื่อจะหยิบฉวยมาฟังได้สะดวก พวกเธอไม่เคยมาวัด ไม่เคยร่วมตักบาตรที่ไทยแลนด์พลาซ่า แต่เธอก็ฟังธรรมมิได้ขาด

            เหล่านี้คือ เสียงสะท้อนที่ตอบรับในใจ ก้องออกมาจากใจ เพื่อเป็นน้ำใจ โหมไฟศรัทธาให้ก้าวไปข้างหน้า เพื่อสร้างสรรค์ความสงบสุขแก่มหาชน โดยไม่เคยทราบ ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็นมาก่อน นี่คือพลังเงียบตัวจริงเสียงจริงที่จะต้องบันทึกไว้ในใจด้วยหน่วยความจำที่จะคำนวณมิได้

            วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม 2553 ตื่นนอนเวลา 04.00 น. ญาติโยมที่พากันมานอนค้างคืนที่วัดลุกขึ้นมารอกันพร้อมหน้า เตรียมพร้อมที่จะเดินทาง พระสงฆ์ทั้งสองรูปที่พำนักอยู่ด้วยกันมานานหลายปีเตรียมตัวขอขมาลาโทษตามประเพณีสงฆ์ที่จะต้องจากกันเพื่อให้กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ใดๆที่เคยก้าวล่วง พลั้งเผลอ จะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ได้เป็น อโหสิกรรม คือ เลิกแล้วต่อกัน ไม่ติดไม่ค้างคาใจใดๆต่อกันต่างรูปต่างตั้งใจประพฤติพหรมจรรย์ของตนๆให้บริสุทธิ์ด้วยความสบายใจต่อไป

            เมื่อพระสงฆ์ทำพิธีขมากันแล้ว ญาติโยมที่มารอส่งทุกท่านก็ถือโอกาสทำด้วยเพื่อให้ต่างคนต่างบริสุทธิ์ผุดผ่องเพื่อปฏิบัติธรรมตามครรลองของพระพุทธศาสนาให้เข้าถึงความสะอาด สว่างและสงบสืบไป

            เวลา 04.30 น. ฉันเอง นั่งรถ คุณบุญเลิศ จิตผ่องใส ซึ่งได้เคยไปรับมาจากสนามบินออนตาริโอเข้ามาอยู่วัดพุทธปัญญาอย่างเงียบเหงา มีเราเพียงสองคน วันนี้เป็นวันที่วัดพุทธปัญญาอบอุ่นด้วยมิตรภาพอย่างกว้างขวางมากมาย คุณบุญเลิศก็ได้บริการรถช่วยเหลืออย่างเต็มใจเต็มที่มาแปดปีเต็ม วันนี้จึงขอนั่งรถคุณบุญเลิศ อีกครั้งหนึ่งก่อนจะอำลากันไปเผยแผ่ธรรมในโลกกว้าง

            ผู้ที่มีเวลาและเสียสละเวลานอนอันอบอุ่นมาส่งเท่าที่พอจะเอ่ยนามได้มี ท่านบุญพิทักษ์ ท่านอมรญาโณ คุณนิกิ คุณนคร คุณพรรณี คุณเพ็ญสุข คุณจวน คุณสุรพงษ์ คุณรัตนา คุณพรทิพย์ คุณนิคม คุณทิพรัตน์ คุณศิริพร คุณเยี่ยม คุณวาสนา คุณสวัสดิ์ คุณวิไล คุณมณเฑียร และคุณชูจิต หากชื่อใครตกหล่นมิได้ระบุถึงก็ต้องขออภัยแต่ขอขอบคุณและประทับใจกันโดยทั่วรวมถึงท่านที่ปรารถนาดีแต่มาส่งไม่ได้ด้วย

            สาเหตุที่เลือกเครื่องบินเวลานี้เพราะคิดว่า คงจะเดินทางไปสนามบินกันเพียงสองคนกับคุณบุญเลิศเสมือนวันที่เข้ามาอยู่วัดพุทธปัญญาเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2545 แต่เมื่อเห็นว่า ญาติโยมมีความตั้งใจจริงโดยมิได้มีการเชิญชวนแต่ประการใดจึงยินดีที่จะให้ไปส่งโดยมิได้มีข้อขัดข้องใดๆ เพราะความตั้งใจดีที่ไหลออกมาจากก้นบึ้งแห่งหัวใจ เป็นสายธารที่เชี่ยวกราก แม้ฟ้าก็มิอาจกั้น

            เมื่อเจ้าหน้าที่ทำตั๋วขึ้นเครื่องบินให้เสร็จแล้ว ส่งกระเป๋าจีวรและเอกสารสำคัญเท่าที่จำเป็นที่จะต้องติดตัวพร้อมย่ามและกระเป๋าหิ้วน้อยๆหนึ่งใบเดินไปขึ้นบันไดที่จะไปเครื่องบิน

ก่อนจะขึ้นบันไดเลื่อนญาติโยมได้ถ่ายภาพร่วมกัน หลายท่านได้กราบลงกับพื้นแล้วบอกว่า อย่าลืมกลับมาหาโยมอีกนะ จะได้ให้คำปรึกษาและถือแสงสว่างนำทางญาติโยมต่อไป

            คำพูดสั้นๆง่าย แต่กินใจอย่างล้ำลึก ทำให้ความปลาบปลื้มปนกับความเศร้าที่ต้องจากลาคนที่เรารักและทุกคนก็รักเรามามาอัดแน่นที่ลำคอ จนไม่สามารถพูดอะไรกับญาติโยมได้นอกจากฝืนยิ้มด้วยด้วยตาที่ชุมฉ่ำเต็มที หากพูดอะไรออกไปมาก ก็อาจจะมีฝนฤดูร้อนตกลงมาให้ชาวกริฟฟิตพาร์คได้ประดิษฐ์ถ้อยคำอีกคำหนึ่งว่า น้ำท่วมสนามบินออนตาริโอ อีกก็เป็นได้

            บันได้เลื่อนนำฉันขึ้นไปยังประตูตรวจความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่องบินอย่างช้าๆญาติโยมที่ไปส่งยังคงยืนดูและโบกมือกันจนกระทั่งลับสายตา

            เสียงหัวใจของฉันยังคงพูดออกมาอย่างไร้ซุ่มเสียงอีกว่า Don’t cry my beloved people! I shall come back one day. ทันใดนั้นหัวใจฉันได้เปล่งวลีที่แสนตรึงตราว่า จากวัดพุทธปัญญาด้วยรัก

            เครื่องบินนำผู้โดยสารทยานขึ้นสู่ท้องฟ้า บินไปสู่เป้าหมายตามที่ตั๋วระบุไว้ แต่ชีวิตนกขมิ้นเหลืองอ่อนที่เริ่มหัดบินในวันนี้ ยังไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของการบินจะไปจบลงที่ไหนอย่างไร

5 กรกฎาคม 2553

วัดอตัมมยตา ซีแอเติ้ล เวลา 23.45 น.

 

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple