56.ป่า
เวลาที่เราเดินทางไปทำธุระ หรือท่องเที่ยวที่ไหนๆ ถ้าได้พบป่าหรือสวนสาธารณะที่มีต้นไม้มากๆ จะรู้สึกได้ถึงความร่มรื่น สดชื่นแจ่มใส ป่าเป็นสัญญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์ของแต่ละท้องที่ เพราะป่าเป็นที่รวมสิ่งมีค่าต่างๆมากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่มนุษย์และสัตว์อย่างหาประมาณมิได้
ต้นไม้น้อยใหญ่ล้วนทำหน้าที่ฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ เมื่อเราเดินเข้าไปในป่าร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ เวลาเดินอยู่ในป่ามักจะได้ยินคนที่กำลังเดินพูดว่า หายใจลึกๆสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด เมื่อร่างกายรับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอดหลายๆครั้งความสดชื่นก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย กลายเป็นความสุข นับเป็นความสุขที่รับได้ง่ายๆโดยตรงจากป่า
ป่าเป็นหอศิลป์ที่ธรรมชาติบรรจงจัดวางต้นไม้ใบหญ้าชนิดต่างๆไว้อย่างเหมาะสมสวยงาม เล็กบ้างใหญ่บ้าง สูงบ้าง ต่ำบ้าง ต้นไม้ ต้นหญ้า ไม้ดอก ไม้ผล กาฝาก เถาวัลย์ แต่ละต้นแต่ละเถาล้วนเกื้อกูลแก่กันอย่างใกล้ชิด นับเป็นต้นแบบแห่งความสัมพันธ์ที่ต่างก็มีอุปการะดูแลรักษาแก่กันและกัน บนพื้นฐานแห่งการหยิบยื่นแบ่งปันโดยไม่ต้องคำนึงถึงการได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใด
ป่าเป็นแหล่งรวมอาหารและยานานาชนิด คนที่อยู่ในชนบทไทยโดยทั่วไปคุ้นเคยกับการอาศัย ต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้และผลไม้มาทำยารักษาโรคชนิดต่างๆตามตำรายาที่เป็นภูมิปัญญาไทยสืบทอดมาเป็นเวลาช้านาน สมุนไพรที่เก็บมาจากป่าปรุงยาจะสดบริสุทธิ์และมีคุณภาพในการประกอบยาอย่างดีเยี่ยม ยาที่เป็นสมุนไพรส่วนใหญ่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆแก่ร่างกายเพราะสมุนไพรคืออาหารชนิดหนึ่งที่ย่อยสลายได้ง่ายตามกระบวนการธรรมชาติ
พืชผักและผลไม้จากป่า เป็นพืชปลอดสารพิษ สด บริสุทธิ์ เมื่อนำมาเป็นอาหารล้วนให้ประโยชน์แก่ร่างกาย ไม่มีสารตกค้างใดๆที่จะก่อให้เกิดโรคภัยแก่ร่างกายในภายหลัง
พืชที่ได้มาจากป่าโดยตรงจะเป็นพืชสีเขียว และมีไฟเบอร์สูง เช่น ยอดผักหวานป่า ยอดผักเหลียง ยอดผักภูมิ ยอดผักกระโดน ยอดผักแต้ว ยอดจิก ยอดหวาย ฝักเพกาและยอดผักอื่นๆอีกเหลือคณานับ แต่ละภาคก็มียอดผักป่าที่ชาวบ้านต่างรู้จักกันดีและใช้ปรุงอาหารเลิศรสสดๆที่ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงอะไรมากมาย เพียงแต่ใส่เกลือ กะปิ น้ำปลาหรือน้ำปลาร้าเล็กน้อยลงไปก็อร่อย รสชาดหวานตามธรรมชาติ มีคุณค่าทางอาหารสูงเพราะเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติและธรรมชาติด้วยกันที่จะดูแลซ่อมเสริมให้แก่กันและกันอย่างประสานกลมกลืน
คนโบราณหรือชาวชนบทที่อาศัยอาหารจากป่า จากแม่น้ำลำคลอง จากทะเลตามธรรมชาติจึงมีอายุยืนโดยไม่ต้องอาศัยไวตามินหรือยาบำรุงกำลังอะไรมากมายนัก เพราะอาหารป่าตามธรรมชาติไม่มีไขมัน ไม่มีน้ำตาล ที่ย่อยสลายยากตกค้างในร่างกายเหมือนอาหารที่ปรุงด้วยมันหรือน้ำตาลที่ผ่านการปรุงแต่งโดยอาศัยสารเคมีบางอย่างเจือปน
ทุกครั้งที่มีโอกาสเดินเข้าไปในป่า สัมผัสแรกของป่าก็คือ ความรู้สึกสบายตาที่ได้สัมผัสกับสีสันที่สลับกันไป เวลาเดินไปในป่า ต้องถอดแว่นตาออก เพื่อเปิดโอกาสให้ตาได้สัมผัสกับสีธรรมชาติอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีอะไรขวางกั้น สายตาที่ได้สัมผัสกับสีที่เป็นธรรมชาติแท้ๆจะรู้สึกสบายผ่อนคลายเป็นพิเศษ
คนโบราณจากอารยธรรมสายอินเดียสั่งสอนต่อๆกันมาว่า ตื่นเช้าขึ้นมาถ้าได้มองพุ่มไม้หรือใบไม้สีเขียวๆ จะเป็นมงคล ตื่นเช้าขึ้นมาถ้าเท้าเปลือยเปล่าได้เหยียบดินหรือหญ้า จะเป็นมงคล แม้ความเชื่อเหล่านี้จะขัดแย้งกับหลักมงคลสามสิบแปดประการในทางพระพุทธศาสนาแต่ถ้าพิจารณาให้ดีก็จะพบว่า เป็นเรื่องของการส่งเสริมสุขภาพบนพื้นฐานความสัมพันธ์ระหว่างธาตุสี่คือ ดิน น้ำ ไฟ และลมนั่นเอง
ในด้านจิตใจ ป่าเป็นแหล่งบ่มเพาะญาณทัศนะอันบริสุทธิ์ของปราชญ์ทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ลองสังดูเกตว่า เมื่อเดินเข้าป่าจิตใจมักจะอยู่กับต้นไม้ใบหญ้าที่ปรากฎตรงหน้ามากกว่าที่จะล่องลอยไปคิดเรื่องอื่นที่ไกลออกไปจนเหน็ดเหนื่อย
การเจริญสติในป่าจึงทำได้ง่ายและได้ผลเร็วกว่าในบ้านเมืองที่มีตึกรามบ้านช่องแออัดยัดเยียดและอึกทึกครึกโครม เมื่อเดินทางท่ามกลางป่าที่สงบ สายตาที่มองไปก็พบแต่ธรรมชาติที่เคลื่อนไวไปมาอย่างเป็นมิตร เช่น ถ้าเราเดินผ่านต้นไม้ต้นหนึ่งกำลังออกดอกสีม่วงบานสะพรั่ง เราหยุดยืนดูดอกไม้จากพุ่มไม้นั้น สติ สัมปชัญญะ รวมเรียกว่าความรู้สึกตัวทั่วถึงจะเกิดขึ้นได้ง่ายและสัมผัสได้ เป็นขณะๆไป เมื่อเกิดขึ้นติดต่อกันไปมากๆจิตผ่อนคลายได้พัก กายก็พลอยผ่อนคลายหายเครียดไปด้วย
หากใครทำงาน หน้าคอมพิวเตอร์ หน้าเตาไฟในภัตตาคาร บนถนน หรือในสถานเริงรมย์ที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า บุหรี่และเสียงดนตรีที่อึกทึก ตลอดทั้งสัปดาห์หรือมากกว่านั้น หากปรารถนาที่จะพักผ่อนและหย่อนใจให้สงบพบความว่างเสียบ้าง ก็ทำได้ง่ายๆโดยเลือกสวนสาธารณะหรือป่า ที่ใกล้ที่สุดแล้วเดินตรงเข้าไปแบบง่ายๆ ปล่อยกายปล่อยใจตามสบายผ่อนคลายสงบสักครู่หนึ่งก็จะกระซิบกับตัวเองเบาๆว่า สวรรค์(บนดิน)มีจริง
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple