52.กินเพื่ออยู่
ในระหว่างที่ชุมชนคนรักธรรมและอุบาสกอุบาสิกาชาววัดพุทธปัญญา ร่วมกันเจริญภาวนาเป็นพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 22-24 เมษายน 2548 ที่ผ่านมานั้น พวกเราได้จัดสรรค์วิถีชีวิตในขณะนั้นเป็นการดำเนินชีวิตกันด้วยควมรู้สึกตัวทั่วถึงที่เต็มเปี่ยม เพราะเป็นวันเวลาแห่งการฝึกฝนเพื่อให้เห็นแจ้งประจักษ์ถึงพลังของสติที่รองรับการดำเนินชีวิตอยู่ในทุกอย่างก้าว
กิจกรรมการรับประทานอาหารก็เป็นกิจกรรมหนึ่ง ที่จัดให้เป็นกิจกรรมการรับประทานอาหารอย่างภาวนา (Mindful Eating) คือเป็นการับประทานด้วยสติปัญญา ไม่รับประทานด้วยสัญชาตญาณ
ข้อแตกต่างระหว่างสติปัญญา กับสัญญชาติญาณก็คือ การทำ การพูด การคิด แบบสัญชาตญาณ เป็นการกระทำไปโดยไม่ต้องใช้ความรู้ตัวเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ กำลังคิดอะไรอยู่ และกำลังพูดอะไรอยู่ แต่ก็เป็นไปได้ ส่วนการทำ การพูดและการคิดที่ตั้งอยู่บนสติปัญญาหรือปัญญาญาณ คือการทำการพูดการคิด ที่ดำเนินไปบนความรู้สึกที่ว่า กำลังทำ กำลังพูด และกำลังคิดอะไรอยู่
การรับประทานอาหารในงานปาร์ตี้ทั่วไปเป็นการรับประทานอย่างลืมตัว หรือแทบจะไม่มีความรู้สึกว่า กำลังตักอาหารเข้าปาก กำลังเคี้ยว กำลังกลืน เพราะในงานปาร์ตี้นั้น มีทั้งการบริการที่ดีเยี่ยม เสียงเพลงที่ไพเราะ มิตรสหายที่ถูกอัธยาศัย จึงปล่อยใจไปกับสิ่งเหล่านั้นเสียทั้งหมดจะเหลือใจไว้กับการกินเพียงน้อยนิด
แม้อาหารจะดีมีรสชาติเป็นเลิศ แต่ทว่าเพียงแต่รู้เท่านั้น ไม่ได้รับรสชาติอย่างลึกซึ้ง เพราะการทำงานของลิ้นที่สมบูรณ์แบบจะต้องผสมผสานใจเข้าไปด้วย หรือเรียกว่ากินอย่างมีวิญญาณเข้าไปรับรู้ แต่ถ้าปากเคี้ยวไปแต่ใจส่งไปในที่อื่นก็เพียงแต่เคี้ยวไปกลืนไปอย่างไม่รู้ตัว
หลายคนเวลากลับจากงานกินเลี้ยงรู้สึกว่าทานอาหารไม่อิ่มต้องมาทานอาหารที่บ้านต่อทั้งๆที่ในงานมีอาหารเลิศรสและใช้เวลากินกันตั้งหลายชั่วโมง สาเหตุสำคัญก็คือว่า ไม่ได้ตั้งใจรับประทาน หรือไม่ได้รับประทานอย่างมีสมาธิ(Eating Meditation)
ส่วนการรับประทานอาหารเวลาที่มีการภาวนาเป็นพิเศษ หรืออาจจะภาวนาเป็นการส่วนตัวอย่างลึกซึ้ง เป็นการรับประทานอย่างมีความรู้สึกตัวเข้าไปจับให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ไม่ถึงกับเครียด เป็นเพียงแต่ปล่อยทุกสิ่งให้เป็นไปตามที่เคยเป็นไปแต่ใส่ตัวรู้เข้าไปเท่านั้น
เวลาที่พวกเราไปภาวนากันเป็นพิเศษ ก็เริ่มต้นตั้งแต่เข้าแถว ตักอาหารด้วยอาการสงบ ตักอาหารเฉพาะที่คาดคะเนว่า ทานพออิ่ม ไม่ตักเพราะตัณหาสั่งการ คือเลือกตักของที่ชอบโดยไม่คิดถึงคนข้างหลัง แต่ตักด้วยความรู้สึกตัวทั่วถึงว่า เราจะรับอาหารเท่าที่พอรับประทาน ไม่เหลือทิ้งขว้าง คิดถึงคนที่อยู่ข้างหลังจิตก็เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา
จิตที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตัว คิดถึงผู้อื่นด้วยความกรุณาและเอื้อเฟื้อเต็มที่ ขณะนั้นก็เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างเต็มเปี่ยม
ผู้ที่ตักอาหารไปก่อนแล้ว ก็ไปนั่งเป็นแถวอย่างสวยงาม นั่งพิจารณาอาหารที่วางอยู่ข้างหน้า รอเพื่อนที่กำลังตักให้เสร็จเสียก่อน ต่างฝ่ายต่างก็เสียสละ ใครยืนข้างหน้าได้ตักก่อน คนหลังก็ต้องรอ ครั้นคนหน้าตักอาหารมาเสร็จแล้ว ก็ต้องนั่งรอคนหลังให้ตักเสร็จแล้วจึงมานั่งพิจารณาอาหารร่วมกันจะได้รับประทานอาหารพร้อมๆกัน เป็นส่วนหนึ่งแห่งสามัคคีธรรม
การรับประทานอาหารอย่างเจริญสติ จะไม่มีการพูดคุยกันในขณะที่รับประทานอาหาร เพราะเป็นการตั้งใจและทุ่มเทไปสู่การรับประทานอาหารอย่างแท้จริง เมื่อจิตสงบรู้ท่วงทำนองของการตักข้าวในจาน ยกเข้าปาก วางช้อนลง และเริ่มเคี้ยวก็จะพบว่า การทำงานร่วมกันของฟันและลิ้นที่มีจิตเป็นตัวประสานงานอย่างดี ทำให้รับรู้รสชาติของอาหารดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเปรี้ยว หวาน มัน เค็มหรือ ขม
มองทุกสิ่งให้เป็นปัจจุบันที่ปรากฏเฉพาะต่อหน้าด้วยความรู้สึกที่เต็มที่ในทุกๆขั้นตอน จากนั้นก็มองเห็นการเกิดขึ้นตั้งอยู่และสลายไปของข้าวหรืออาหารแต่ละคำที่รับประทานเข้าไปในปาก เมื่อสลายได้ในระดับหนึ่งแล้วก็เริ่มต้นเดินทาง จากปากสู่ลำคอ จากลำคอสู่กระเพาะ เพื่อให้ร่างกายเลือกนำไปใช้งานเท่าที่จำเป็น พักอยู่ที่กระเพาะได้ไม่นานก็เคลื่อนคล้อยต่อไปตามระบบธรรมชาติสู่ภาคพื้นดิน ซึ่งมีที่รองรับแตกต่างกันออกไปที่เรียกว่าส้วม ฐาน หรือเรียกรวๆว่าห้องน้ำก็ตามแต่สะดวก
จากส้วมก็เดินทางต่อไปหลอมสลายตนเองเข้าไปสู่ธาตุดั้งเดิม ส่วนที่เป็นธาตุดินก็แปรสภาพเป็นดิน ส่วนที่เป็นธาตุน้ำก็แปรเป็นธาตุน้ำ ส่วนที่เป็นธาตุไฟก็ไปสู่ไฟส่วนที่เป็นลมก็ไปสู่ลม
อาหารแต่ละคำที่กลืนกิน ไม่ว่าจะราคาแพงเลิศหรู หรือแสนจะถูกและเรียบง่ายก็ล้วนเป็นเพียงมายาภาพที่มนุษย์เสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้นมาชั่วคราวเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องสลายกลับสู่ธาตุดั้งเดิมด้วยกันทั้งสิ้น
การรับประทานอาหารด้วยการใช้สติกำกับจะเป็นการเพิ่มพูนปัญญาญาณทดแทนสัญชาติญาณในทุกขณะ เป็นการรับประทานที่ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ ประหยัดเวลาและประหยัดพลังงานทุกด้าน ด้วยเหตุนี้อาจารย์แต่โบราณกาลที่ผ่านการเจริญสติมาอย่างดื่มด่ำล้วนเรียสติว่า เป็นธรรมะที่มีอุการะมาก เพราะมีอุปากระ ต่อร่างกาย จิตใจ ครอบครัว สังคมและแม้กระทั่งโลกทีเดียว
การรับประทานอาหารด้วยสตินอกจากจะอิ่มกายได้ลิ้มรสอย่างลึกซึ้งแล้ว ยังสร้างความอิ่มเอมใจให้ด้วย รับประทานอาหารไปด้วยภาวนาไปด้วยช่วยให้สุขภาพดีชีวีเป็นสุข
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple