49.บุญกุศล
คนไทยได้ยินคำว่า บุญกุศล มาจนคุ้นหู แต่บางครั้งพอมานั่งสนทนากันเข้าจริงๆเพื่อทำความเข้าใจหรือขยายความให้กว้างออกไป ก็ทำให้งงเหมือนกันว่า คำสองคำนี้เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร เป็นเรื่องของความเชื่อหรือเรื่องของความจริง
เมื่อพิจารณาตามความหมายดั้งเดิมในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาแล้ว คำว่า บุญเป็นชื่อของความสุขอันเป็นผลมาจากความพยายามฝึกฝนอบรมตนเอง คำว่ากุศล เป็นชื่อของความดีและความฉลาด ที่การจากสามารถยกระดับจิตให้อยู่เหนือกระแสของกิเลสได้
เมื่อพิจารณาในแง่เหตุผล ก็พบว่า คำทั้งสองคำนี้เป็นได้ทั้งเหตุและผล ในส่วนที่เป็นเหตุก็คือทั้งบุญและกุศลล้วนมีวิธีการฝึกฝนกาย วาจา และใจ ของตนเองเป็นหลัก และการฝึกตนเองนั้น ไปมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยตรง
วิธีฝึกฝนตนเองในทางบุญ เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ มี 10 วิธี
วิธีฝึกฝนตนเองในทางกุศล เรียกว่า กุศลกรรมบท มี 10 วิธีเช่นเดียวกัน
หรือสรุปหลักการง่ายๆได้ว่า กุศล คือ เรื่องที่จะต้องละ ปล่อย วาง
บุญเป็นเรื่องที่ต้องทำให้เกิดขึ้น
สิ่งที่จะต้องละ หรือไม่กระทำ ในส่วนที่เป็นกุศลได้แก่ ไม่ฆ่าหรือเบียดเบียนมนุษย์หรือสัตว์ตลอดถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ไม่ลักขโมยฉ้อโกงช่วงชิงทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตนทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ประพฤติผิดในกาม สามประการนี้เรียกว่า การละความชั่วทางกาย หรือละกายทุจริต
ชุดต่อไปได้แก่ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ การงดเว้นจากคำพูดทั้งสี่ประการนี้เรียกว่า เว้นจากวจีทุกจริต คือความชั่วทางวาจา
ชุดล่าสุดได้แก่ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ที่เรียกว่า มโนทุจริต อันได้แก่ความชั่วทางใจ และสามประการสุดนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อกุศลมูล คือแหล่งกำเนิดแห่งความชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวง ลองนั่งสงบๆแล้วทบทวนดูบรรดาความเลวร้ายน้อยใหญ่ทั้งหลายที่ทำลายตนเอง ผู้อื่น สังคมหรือโลกย่อมมีถิ่นกำเนิดเกิดจากความโลก ความโกรธ และความหลงนี้เอง
เมื่อได้หลักการด้านกุศลชัดเจนเช่นนี้แล้ว ต่อไปเวลาที่จะพิจารณาว่า อะไรเป็นกุศล หรืออะไรเป็นอกุศลก็ย่อมทำได้ง่ายขึ้น เวลาใครชวนไปงานกุศลก็พิจารณาเสียก่อนว่า งานที่จัดขึ้นนั้นส่งเสริมหรือละ กายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต ถ้าเป็นเรื่องส่งเสริมก็เป็นงานอกุศล ถ้าเป็นการละก็เป็นเรื่องกุศล
เดี๋ยวนี้เรามักจะได้ยินคำว่า งานกุศลกันอย่างหนาหู เช่นจัดงานเต้นรำการกุศล เดินแฟชั่นการกุศล ประกวดนางงามการกุศล กอล์ปการกุศล โบว์ลิ่งการกุศล จัดงานกินเลี้ยงเพื่อหารายได้บำรุงการกุศล และสารพัดวิธีที่จะนำมาทำกัน
สิ่งที่กระทำกันเหล่านั้นจะเป็นการกุศลแท้ๆหรือไม่ก็ดูที่การกระทำว่า เป็นการละกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริตหรือไม่ ถ้าพิจารณาแล้วกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อละอกุศลมูลก็เป็นงานกุศล
แต่ถ้าไม่ใช่แล้วยังเป็นการเสริมและหล่อเลี้ยงอกุศลมูลให้เจริญเติบโตด้วยแล้ว นอกจากจะมิใช่งานกุศลที่แท้แล้วยังทำลายความหมายของกุศลตามรากฐานเดิมให้หมดไปด้วย สร้างความเข้าใจผิดเรื่องงานกุศลกว้างขวางออกไปจนเปลี่ยนเรื่องผิดให้กลายเป็นถูกและเรื่องถูกกลายเป็นผิดไปโดยปริยาย
เรื่องบุญ เป็นเรื่องที่ต้องลงมือทำเพื่อฝึกฝนชีวิตจิตใจให้มีความโล่งโปร่งเบาสบาย คุ้นเคยกับความอิ่มเอิบใจ มีไมตรี มีเมตตา มุ่งมั่นพัฒนาตนเองไปสู่การละตัวตนจนไม่มีตัวตน การทำบุญทุกชนิดจึงมีเป้าหมายตรงไปที่การละความเห็นแก่ตัว
เพราะความรู้สึกเห็นแก่ตัวเป็นเหตุแห่งทุกข์ ความไม่เห็นแก่ตัวเป็นเหตุแห่งความสุข เมื่อบุญเป็นชื่อของความสุข ก็ต้องสร้างเหตุแห่งความสุขให้ครบถ้วน การทำบุญคือการฝึกฝนตนเองให้หมดความเห็นแก่ตัวและดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขในทุกสถานการณ์
วิธีการทำบุญประกอบด้วย การเสียสละเพื่อขจัดความตระหนี่ถี่เหนียวปลูกฝังความรักผู้อื่นทุกครั้งที่เสียสละ การสามาทานศีล เป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเองที่จะไม่ประกอบกรรมชั่วโดยการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นอย่างเด็ดขาด การเจริญภาวนา คือการเข้าหาความสบที่มีอยู่อย่างธรรมชาติและการเฝ้าดูจิตใจว่าเศร้าหมองหรือผ่องแผ้วและหาประสบการณ์จากอาการของจิตที่มีอยู่แต่ละขณะนั้นตามที่เป็นจริง
การขวนขวายช่วยเหลือกิจการต่างๆของชุมชนและสังคมก่อให้เกิดสายใยสัมพันธ์ห่วงหาอนาทรต่อเพื่อนร่วมสังคม ความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อคนทุกคนที่เข้ามาเชื่อมสัมพันธ์ด้วยเพราะการอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นทางแห่งความสุขทั้งผู้ปฏิบัติและผู้ที่ได้รับการปฏิบัติ
การแสดงธรรมเพื่อร่วมกันสืบสานความจริงที่มีอยู่ในโลกให้ยืนยงคงอยู่เป็นเครื่องมือดับทุกข์ให้กับชีวิตที่ต้องการแสงสว่างเพื่อดับทุกข์ การฟังธรรมเพื่อเพิ่มเติมความเข้าใจชีวิตจิตใจให้ถูกต้องมากที่สุดเพื่อจะได้จัดการชีวิตอย่างถูกต้องบนพื้นฐานแห่งความจริง
การมอบความดีให้ผู้อื่นแม้ความดีจะเป็นเรื่องของใครของตนจะถ่ายโอนกันไม่ได้แต่การชักชวนให้ผู้อื่นร่วมทำความดีอย่างถูกต้องชักจูงออกมาจากความชั่วได้เป็นการมอบความดีให้กันโดยตรง การยอมรับความดีของผู้อื่น ทำให้เปิดใจกว้างรับสิ่งดีๆเข้ามาสู่ชีวิตเพื่อความเจริญงอกงามไพบูลย์ในทุกๆด้าน
และสุดท้ายก็คือการทำความเห็นให้ตรงกับความเป็นจริงในทุกๆเรื่อง เมื่อมองสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริงก็จะเกิดปัญญาว่า ควรจะจัดการกับชีวิตอย่างไรให้เป็นสุข ควรจะเก็บอะไร ควรจะวางอะไร ควรจะทำอะไร ไม่ควรทำอะไร เมื่อเข้าถึงความจริงข้อนี้ชีวิตก็ปลอดภัยเพราะเดินถูกทาง
เรื่องของบุญกุศล ไม่ใช่เรื่องความเชื่ออย่างงมงายไร้เหตุผล ไม่ใช่เรื่องหน้าตา ไม่ใช่เรื่องแสดงความใหญ่โตโอ่อ่า ไม่ใช่เรื่องอวดมั่งอวดมี แต่เป็นเรื่องของการฝึกฝนขูดเกลาเพื่อให้ชีวิตเข้าถึงความจริงและความฉลาดอย่างลึกล้ำและหาความสุขได้จากความดีและความฉลาดนั้น ทุกขั้นตอนของการฝึกฝนล้วนเป็นเหตุเป็นผลและเป็นความจริง
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple