46.การปฏิบัติธรรม
คำถามยอดฮิตคำถามหนึ่ง ที่มักจะได้ยินได้ฟังบ่อยๆ คือ การปฎิบัติธรรมคืออะไร ทำได้อย่างไร คนในวัยไหนเหมาะที่จะปฏิบัติธรรม และผลจากการปฏิบัติธรรมจะเป็นอย่างไร คนที่ยุ่งอยู่กับการทำงานในชีวิตประจำวันเพื่อทำมาหาเลี้ยงครอบครัวจะปฏิบัติธรรมได้หรือไม่ ขอให้ตอบแบบง่ายๆ
คำว่า แบบง่ายๆมักจะได้ยินบ่อย เพราะเมื่อพูดถึงการปฏิบัติธรรมคนส่วนใหญ่จะมองว่าเป็นเรื่องยากด้วยศัพท์แสงทางศาสนา เป็นเรื่องยากเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกหน้า เป็นเรื่องยากเพราะเกี่ยวพันกันกับอำนาจลึกลับที่คนธรรมดาสามัญจะมีโอกาสสัมผัสได้น้อย จึงเข้าใจว่า เรื่องศาสนาเป็นเรื่องยาก
คนที่เข้าใจอย่างนี้ก็มีมาก และไม่ตัดสินว่า ความเข้าใจดังกล่าวนั้นถูกหรือผิด แต่อยากมาทำความเข้าใจเบื้องต้นว่า เราจะปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร มีจุดประสงค์อยู่ตรงไหน เมื่อเราพบจุดหมายปลายทางของการปฏิบัติธรรมแล้ว เราก็เลือกธรรมะที่เหมาะกับตนเองที่สุดมาปฏิบัติ เหมือนกับเลือกเส้นทางเดินนั้นเอง การเลือกธรรมะที่เหมาะสมมาปฏิบัตินี้แหละเรียกว่า ธัมมวิจัย ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ
ทีนี้ถ้าหากว่า จะเลือกวิธีการปฏิบัติธรรมที่ง่ายที่สุด ซึ่งคิดว่าเหมาะสำหรับทุกคนก็ต้องเริ่มต้น ตรงที่กลับมาหาตัวเอง สำรวจตรงๆลงที่ การทำ การพูด และการคิด ที่ดำเนินไปทุกเมื่อเชื่อวัน ลองสังเกตดูว่า ความเคลื่อนไหวทางกาย วาจา และใจของเราเป็นไปเพื่อประโยชน์ตนหรือประโยชน์ผู้อื่นหรือไม่ ถ้าเป็นไปเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น ก็เรียกว่า ปฏิบัติธรรม แต่ถ้าไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ตนและผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนก็ไม่เรียกว่าปฏิบัติธรรม
ยกเรื่องจริงที่ครอบครัวทั่วไปทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันมาให้เห็นชัดๆว่า กระบวนการปฏิบัติธรรมได้เกิดขึ้นแล้ว แม้บางครั้งผู้ปฏิบัติไม่ทราบก็มี เช่น ตื่นเช้าขึ้นมา แม่คิดว่าจะต้องทำอาหารเช้าให้ลูกรับประทานก่อนไปโรงเรียน คิดดังนี้แล้ว แม่ก็ตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ด้วยความกระปรี้กระเปร่า สดชื่นรีบจัดอาหารเช้าที่เป็นประโยชน์ให้ลูก แต่ลูกยังไม่ตื่นเลย แม่จัดอาหารเสร็จทั้งที่ทานที่บ้านและนำไปทานกลางวันที่โรงเรียนด้วยเพราะแม่รักและสงสารลูกกลัวลูกจะหิว จากนั้นก็ไปปลุกลูกที่กำลังนอนอยู่บนที่นอนอย่างมีความสุขให้ตื่นขึ้น
ลูกไม่เต็มใจที่จะตื่นอยากหลับต่อไปอย่างไม่มีกำหนด เมื่อแม่ไปปลุกจึงแสดงอาการกระฟัดกระเฟียดใส่แม่ หน้าตาบูดบึ้งไม่เป็นที่สบอารมณ์ แต่แม่ยิ้มอย่างใจเย็นรักลูกสงสารลูกเข้ใจลูก แต่ต้องการให้ลูกไปโรงเรียนแม่ลูกรับประทานอาหารและเตรียมเครื่องเขียนแบบเรียนพร้อม แม่ก็ขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน เป็นอันเสร็จภารกิจช่วงเช้า
ที่จริงงานของแม่ยังมีอีกมาก แต่ยกมาเพียงแค่นี้ก่อน แล้วเรามาดูกันว่า การปฏิบัติธรรมมีอยู่ตรงไหนบ้าง
แม่คิดสงสารลูกปรารถนาจะให้ลูกได้ทานอาหารทั้งเช้าและเที่ยง เป็นความกรุณา ซึ่งแปลว่าสงสาร พอความกรุณาเกิดขึ้นแม่จะสมัครใจทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกเสียเอง ไม่ยอมออกปากขอร้องลูกเลย โดยเฉพาะแม่ไทยๆลักษณะแบบนี้จะมีอย่างใกล้เคียงกัน
การที่แม่มีความกรุณาตั้งแต่ก่อนจะลืมตาลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันนั้นแหละเรียกว่า แม่ปฏิบัติธรรมทางใจ เพราะความกรุณาเกิดขึ้นที่ใจ
กระบวนการทำอาหารเช้าทั้งหมดและการจัดอาหารใส่ภาชนะเตรียมให้ลูกรับประทาน คือการปฏิบัติธรรม เพราะเป็นการกระทำที่เกิดประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่นคือลูกที่ตนเองมีหน้าที่ดูแล เพราะการทำหน้าที่แม่อย่างถูกต้องก็เป็นการปฏิบัติธรรม ด้วยการที่แม่ตื่นขึ้นมาปฏิบัติธรรมแต่เช้าตรู่ดลบันดาลให้ลูกมีอาหารรับประทานเต็มท้องไม่ต้องไปนั่งเรียนทั้งๆที่หิว
การที่แม่เรียกลูกมารับประทานอาหารก็ดี ปลุกลูกเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนก็ดี เป็นการปฏิบัติธรรมทางวาจา เพราะเป็นการพูดที่มีประโยชน์ที่สุด คืดพูดออกมาแล้วทำให้ลูกได้มีโอกาสไปโรงเรียนหาความรู้มาใส่ตัว โตขึ้นก็จะกลายเป็นคนดีมาทดแทนคนดีที่ต้องจากโลกนี้ไปตามกฎธรรมชาติ
กิจวัตรประจำวันที่แม่เพียรปฏิบัติอยู่อย่างไม่เหนื่อยหน่ายเป็นเวลาสิบๆปีอย่างนี้ ล้วนเป็นการปฏิบัติธรรม บางครอบครัวหากพ่อเป็นคนทำหน้าที่นี้ก็ เรียกว่าพ่อปฏิบัติธรรม บางครอบครัว พ่อกับแม่จะทำหน้าที่นี้ร่วมกัน ก็เรียกว่า เป็นการปฏิบัติธรรมร่วมกัน หากลูกขยันลูกเข้าร่วมโครงการด้วย ทำอะไรยังไม่เป็นก็เริ่มมด้วยตั้งใจล้างจานที่ตนเองรับประทานอาหารก่อน หรือทำสิ่งอื่นๆที่คิดว่า จะเป็นประโยชน์ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมกันทั้งครอบครัว
ครอบครัวที่ปฏิบัติธรรมร่วมกันย่อมเป็นครอบครัวที่เป็นสุข พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมอยู่เย็นเป็นสุข การใช้กาย วาจา และใจ เพื่อประโยชน์ของตนและผู้อื่น เป็นการปฏิบัติธรรม
สรุปสั้นๆว่า การทำหน้าที่อย่างถูกต้องเป็นการปฏิบัติธรรม ที่ไหนมีการทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ไม่จำกัดว่า บ้าน วัด โรงเรียน สำนักงาน โรงงาน แม้แต่บนถนนหนทางที่นั้นมีการปฏิบัติธรรม ใครก็ตามไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดวัยทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้องเต็มใจ ก็เรียกว่ากำลังปฏิบัติธรรม ผลจากการปฏิบัติธรรมจะออกมาเป็นความเจริญก้าวหน้าทั้งในด้านการศึกษา อาชีพ หน้าที่การงาน ความมั่นคง สุข สงบ สดชื่นเบิกบานแก่ทุกชีวิตที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างเต็มความสามารถ สมดังพระพุทธภาษิตว่า ธัมโม สุจิณโณ สุขะมาวะหาติ ธรรมะที่ปฏิบัติดีแล้ว นำความสุขมาให้
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple