41.สงฆ์กับการเมือง
ลานธรรมวัดพุทธปัญญา ได้นำเอาเรื่องพระสงฆ์กับการเมืองขึ้นมาสนทนากันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่มีเหตุการณ์ทางการเมืองสื่อมวลชนมักจะพยายามหาข้อมูล ความเห็นจากประชาชนอาชีพต่างๆไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์แสดงความคิดเห็นทางการเมืองออกไป คนส่วนหนึ่งมักจะผลักไสพระสงฆ์ให้ไกลออกไปจากวงการเมือง แม้แต่การรับรู้การเมืองก็ไม่ควรด้วยซ้ำไป โดยมักจะขู่ด้วยคำที่พูดกันมานานว่า มิใช่กิจสงฆ์
ในทางตรงกันข้าม พุทธศาสนิกชนอีกส่วนหนึ่ง คิดว่า ถึงเวลาแล้วที่พระสงฆ์จะต้องตื่นขึ้นรับรู้ปัญหาบ้านเมืองร่วมสุขร่วมทุกข์ ร่วมคิดร่วมสร้างชาติกับประชาชนทั่วไป กลุ่มนี้ไม่ขัดข้องที่เห็นพระสงฆ์แสดงความคิดเห็นทางการเมืองในฐานะที่เป็นพลเมืองและมีสถานะเป็นผู้ปฏิบัติธรรมย่อมแสดงความเห็นตรงไปตรงมา อาจจะไปโดนพฤติกรรมของใครที่ไม่ชอบมาพากลเข้าบ้าง ก็ต้องสะดุ้งกันบ้างเป็นธรรมดา
ปัญหาอยู่ที่ว่า พระสงฆ์เกี่ยวข้องกับการเมืองขนาดไหนจึงจะพอดี ไม่ขาดไม่เกิน
เส้นแบ่งตรงนี้แม้ไม่มีพระธรรมวินัยชี้ชัดไว้ เป็นข้อห้ามหรือเป็นข้ออนุญาต แต่พระสงฆ์ในฐานะผู้ถือธรรมคือความจริงก็ควรแสดงความจริงที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นหลัก เช่นพอถึงเวลาใกล้จะเลือกตั้ง พระสงฆ์แสดงธรรมเรื่องความซื่อตรง ต่อประชาชน ต่อกฎหมาย ต่อรัฐธรรมนูญ ไม่โกงการเลือกตั้ง ไม่ซื้อเสียง เหล่านี้เป็นต้น เป็นสิ่งที่กระทำได้ เพราะนักการเมืองทุกคนทุกพรรคหากเชื่อฟังและทำตามจะทำให้การเมืองดีขึ้นแน่นอน
หรือใกล้จะเลือกตั้งมีคนถามว่า คนดีมีลักษณะอย่างไร หากพระสงฆ์จะนำเสนอคนดีในมิติทางพระพุทธศาสนาว่าจะต้องเป็นคนรู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาล รู้จักบุคคล รู้จักสังคม เพื่อเป็นแนวทางที่พุทธศาสนิกชนจะนำไปเป็นคู่มือเลือกผู้แทนของตน นับเป็นการเกี่ยวข้องทางการเมืองของสงฆ์ที่เหมาะสมเพราะได้ร่วมให้แนวทางที่ถูกต้องแก่ประชาชน
แต่พระสงฆ์ไม่ควรเกี่ยวข้องกับการเมืองในแนวทางที่ให้คุณให้โทษแก่นักการเมือง หรือพรรคการเมืองโดยตรง สิ่งที่นักการเมืองไทยชอบกระทำอยู่เป็นประจำคือ นำพระสงฆ์มาเกี่ยวกับการเมืองเสียเอง เพราะพระสงฆ์นับว่ามีอิทธิพลทางความคิดต่อคนในชนบทส่วนใหญ่ หากพระสงฆ์รูปใดชี้นำว่าให้เลือกใครหรือพรรคใดย่อมมีผล ดังประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมาไม่นานนี้ นักการมืองจากพรรคต่างๆล้วนมีพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงเป็นอาจารย์ และพยายามนำอาจารย์ของตนมาเล่นการเมือง
หลายท่านเข้าไปเกี่ยวข้องระดับช่วยประกาศรวมพรรคการเมืองให้พรรคการเมืองหนึ่งก็มี หรือเมื่อหลายปีที่แล้ว พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพทั้งประเทศพากันขับไล่รัฐบาลในขณะนั้นจนกระทั่งการเลือกตั้งคราวต่อมาพรรคที่เคยเป็นรัฐบาลต้องเป็นฝ่ายค้านเพราะพระเกจิรูปนั้นท่านเล่นงานว่าเป็นผีเป็นเปรตจนพรรคการเมืองนั้นเสียศูนย์ไปเลย
บทบาทเหล่านี้คือบทบาทที่พระสงฆ์ไม่ลงไปเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นการเกี่ยวข้องกับการเมืองที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่ชัดเจนโดยตรง
อย่างไรก็ตามการที่จะนำพระสงฆ์หรือทหารออกจากการเมืองไทยอย่างเด็ดขาดคงเป็นไปได้ยากมากเพราะเป็นความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดอันเป็นธรรมชาติของสังคมชนบทโดยทั่วไป เพราะสังคมไทยส่วนใหญ่ยังเป็นสังคมชนบทมากกว่าสังคมเมือง
ปรากฏการณ์รัฐสภาวนารามครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นการเตือนสติรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจว่า ยังมีคนอีกลุ่มหนึ่งที่ใกล้ชิดชุมชน ที่รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจจะมองข้ามไปไม่ได้ เพราะคนเหล่านี้ได้ทำหน้าที่สร้างเอกภาพ ความสามัคคี กลมเกลียวให้สังคมไทยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หากบทบาทของพระสงฆ์ได้รับการศึกษาและปรับปรุงอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์จะเป็นคุณูปการะต่อสังคมไทยในด้านสร้างสรรค์ความสงบโดยตรงทีเดียว
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple