4.เลือดเย็น
ั้ วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม 2550 เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันมหาปวารณา ที่พระสงฆ์จะได้ประชุมกันทำสังฆกรรมที่เรียกว่าปวารณา หรือพูดง่ายๆว่า พระสงฆ์ทำพิธีออกพรรษา หลังจากจำพรรษามาครบสามเดือน นับตั้งแต่แรมหนึ่งค่ำเดือน 8 วันออกพรรษาจึงเป็นวันแรมหนึ่งค่ำเดือน 11 รวมจำพรรษาเป็นเวลาสามเดือน
เทศกาลเข้าพรรษา เป็นวันเวลาแห่งการพัฒนาตนเอง ศึกษาเรียนรู้ตัวเอง ทำความรู้จักตัวเอง ทั้งด้านนอกด้านในกันอย่างชัดๆ ชาวพุทธไม่ว่าพระสงฆ์หรือฆราวาส ล้วนใช้เวลาในเทศกาลเข้าพรรษานี้ฝึกฝนตนเองเป็นพิเศษ กระบวนการฝึกฝนตนเองที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้เรียกว่าไตรสิกขา ได้แก่ศีล สมาธิ และปัญญา
กระบวนการฝึกฝนที่เรียกว่า ศีล สมาธิ และปัญญา นี้ เป็นกระบวนการฝึกที่สามารถใช้ฝึกฝนตนเอง เพื่อเข้าถึงความสงบแห่งใจตั้งแต่ขั้นต้นจึงถึงที่สุด ชาวพุทธทุกคนเกิดมาล้วนเป็นนักศึกษา อย่างน้อยต้องศึกษาตนเองให้ทะลุปรุโปร่ง สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเองให้ก้าวไปสู่ความเจริญก้าวหน้าทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิตได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์
วันนี้ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเวลาตีสี่ครึ่งตามปกติ จิตใจปลอดโปร่งร่างกายเบาสบาย หลังจากทำภารกิจส่วนตัวแล้วก็เริ่มทำวัตรสวดมนต์ตอนเช้า ปีนี้การทำวัตรสวดมนต์เช้าเย็นที่วัดพุทธปัญญาในช่วงเข้าพรรษาจัดเป็นพิเศษคือ หลังจากทำวัตรสวดมนต์แปลแล้วในภาคเย็นจะนำเอาคำบรรยายภาคภาษาอังกฤษของท่านสุเมโธบ้าง ท่านปสันโนบ้าง มาเปิดฟังขณะทำสมาธิเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เรื่องที่เปิดฟังก็เลือกเรื่องที่เกี่ยวกับการเจริญภาวนา เช่นเรื่องอานาปานสติของท่านปสันโน ซึ่งท่านได้ศึกษาอานาปานสติทั้งในพระไตรปิฎกและนำเอาคำบรรยายของท่านอาจารย์พุทธทาสมาประกอบคำบรรยายส่วนใหญ่ เพราะนักปฏิบัติธรรมทางเดียวกันมักจะเห็นตรงกัน
ท่านสุเมโธนั้นท่านจะเจาะลึกเรื่องความรู้สึกตัวทั่วถึงเป็นหลัก คำบรรยายของท่านสามารถเชื่อมโยงกับอานาปานสติของท่านปสันโนได้เป็นอย่างดี เป็นการให้รายละเอียดในทางปฏิบัติไปอย่างครบถ้วนรอบด้านที่ค่อนข้างจะต้องมีอยู่ทุกขั้นตอนทุกก้าวย่างของชีวิต ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า สติ สัพพัตถะ ปัตถิยา แปลว่า สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง กล่าวคือต้องใช้สติในทุกย่างก้าวที่เคลื่อนไหว
การทำวัตรสวดมนต์ในตอนเช้า หลังจากทำวัตรเช้าแล้ว ก็จะฟังคำบรรยายของหลวงพ่อพุทธทาส เป็นหลัก โดยเน้นหนักไปทาง อานาปานสติ และวิปัสสนายุคปรมานู ซึ่งท่านบรรยายไว้นานแล้ว แต่เนื่องจากเรื่องที่ท่านบรรยายนั้นเป็นเรื่องปรมัตถธรรม คือเป็นเรื่องสัจธรรมแท้ๆ นำมาฟังตอนไหนก็ฟังได้ เพราะความจริงแท้ไม่เปลี่ยนแปลง
เวลาที่หลวงพ่อพุทธทาสได้บรรยายเรื่องที่เกี่ยวกับสมถวิปัสสนา ไม่ว่าจะเป็นชุดยาว อย่างอานาปานสติหรือ วิปัสสนายุคปรมานู ท่านจะบรรยายไว้แต่ละครั้งอย่างครบถ้วน หากมีเวลาฟังสั้นๆก็เลือกฟังการบรรยายที่มีความยาวหนึ่งชั่วโมงจบ หากมีเวลาพิเศษ เช่นวันหยุดยาวๆหรือ อยากจะฉลองวันเกิดตัวเองแบบธรรมสมโภช จะใช้เวลาให้หมดไปกับการฟังธรรม พิจารณาธรรมและภาวนาก็เลือกชุดยาว เช่นอานาปานสติ ปรมัตถสภาวธรรม หรือ ความเป็นมนุษย์ แต่ละชุดล้วนเป็นธรรมะที่ฟังเท่าไรก็ไม่เบื่อ
ช่วงเข้าพรรษาปีนี้แม้จะมีงานก่อสร้างวัดเข้ามา ต้องจัดการดูแลอยู่บ้างจนการก่อสร้างดำเนินไปด้วยดีตามลำดับ แต่เนื่องจาก พุทธบริษัททุกท่านได้ช่วยเหลือกันเป็นอย่างดีอย่างเต็มกำลัง เต็มความสามารถ งานก่อสร้างจึงไม่เป็นภาระแก่การภาวนาแต่อย่างใด
การเจริญภาวนาอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำทุกวันไม่ขาด ย่อมดีกว่าการทำแบบหยุดบ้างทำบ้าง ความต่อเนื่องจะทำให้การพักใจไว้กับอารมรณ์ที่กำหนดเช่นที่ลมหายใจ มีความชำนาญมากขึ้น จิตใจไม่กวัดแกว่ง หวั่นไหว วอกแวก พอเริ่มนั่งกำหนดลมหายใจไม่นานก็สงบทันที
การนำเอาเสียงพระอาจารย์ที่เคารพนับถือมาเปิดฟังเบาๆไปด้วยกลายเป็นกัลญาณมิตรที่ดี มีความอบอุ่นประดุจว่าอาจารย์ยังอยู่ด้วย คอยอบรมสั่งสอนเป็นกำลังใจอยู่ตลอดเวลา เสริมกำลังการปฏิบัติได้เป็นอย่างดี
การเจริญสมาธิแบบอานาปานสติ เมื่อลมหายใจดำเนินไปอย่างปกติที่สุดแผ่วเบาที่สุด ร่างกายจะรู้สึกผ่อนคลายมาก ยิ่งลมหายใจละเอียดเท่าไร ความผ่อนคลายก็เกิดมากขึ้นเท่านั้น เมื่อสังเกตดูกาย ก็จะพบว่า กายจะเย็น สัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของโลหิตที่เป็นไปอย่างอย่างแผ่วเบา สะดวก รู้สึกเสมือนว่า เลือดที่ไหลหล่อเลี้ยงร่างกายอยู่นั้นเย็น
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple