วัดพุทธปัญญา

บทความ\38.ศีลเป็นอย่างไร

38.ศีลเป็นอย่างไร

ฝนตกติดต่อกันหลายสัปดาห์ ตั้งแต่ต้นปีใหม่ พุทธศาสนิกชนที่ชอบมาทำบุญฟังธรรมกันที่วัดพุทธปัญญาใต้ร่มไม้ใหญ่ก็ต้องมีอันหายหน้าหายตากันไปบ้าง เพราะทนฝนทนหนาวไม่ได้นั่นเอง เวลาพระสงฆ์นั่งฉันภัตตาหารเพลที่ใต้ต้นไม้ท่ามกลางแดดอุ่นๆได้ไม่นาน เดี๋ยวเดียวลมหนาวก็พัดเข้ามากระทบเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที บางคนนั่งไปได้ไม่นาน ถึงกับป่วยก็มี

เมื่อย่างเข้าอาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ 2551 อากาศอุ่นขึ้นตามลำดับ ตอนกลางวัน อากาศร้อนมาก ตกกลางคืนก็ยังหนาว ดูเหมือนว่า ฝนกำลังจะลาฟ้าเป็นการชั่วคราว เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ต้นไม้ที่เคยหลับใหลหลบฝน ก็เริ่มแตกหน่อขึ้นมา เผลอเดี๋ยวเดียวหญ้าหน้าวัดก็ขึ้นเขียวชอุ่มแสดงว่า อากาศเริ่มอุ่นแล้ว เพราะพืชพันธุ์ต่างๆตัดสินใจที่จะลุกขึ้นมาเตรียมตัวรับฤดูใบไม้ผลิที่แสนงดงามแล้ว

พุทธศาสนิกชนที่เคยหายหน้าหายตาไปชั่วคราวก็เริ่มทยอยกันมาวัดอีกครั้งหนึ่ง บรรยายกาศการเสวนาธรรมที่ลานนธรรมก็เริ่มดำเนินไปได้อย่างเต็มรูปแบบ ใครที่ต้องการทราบปัญหาใดๆก็เร่เข้ามานั่งสนทนาถามไถ่กันได้ทุกปัญหา เพราะความรู้เป็นเรื่องไร้พรหมแดน ขอให้เป็นความรู้ที่ตั้งอยู่บนความจริงหรือเหตุผลเป็นใช้ได้

คุณยายวรนาถ เป็นคนเก่าคนแก่ของวัดพุทธปัญญาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ได้มาทำบุญพร้อมหน้าทั้งลูกสาวและหลานสาว เมื่อทำวัตรเช้า ตักบาตร กรวดน้ำ รับพร รับประทานอาหารร่วมกันแล้ว จึงได้เริ่มเปิดลานธรรม ตั้งวงสนทนา คุณยาย ถามว่า หัวใจของศีลอยู่ที่ไหน

เมื่อเป็นคำถามเจาะจง ต้องการคำตองที่ชัดเจน ก็ต้องตอบแบบตรงประเด็นว่า หัวใจของศีลอยู่ที่คำว่า เวรมณี ซึ่งแปลว่า ตั้งใจที่จะงดเว้น คำว่า ตั้งใจก็ขยายความได้อีกว่า เต็มใจกระทำลงไปย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะเห็นประโยชน์ของศีลอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว

ความจริงหลักธรรมของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์มักจะแสดงเป็นชุด เช่นเมื่อเราพูดถึงศีล ย่อมรวมไปถึงสมาธิและปัญญาด้วยเสมอ การที่จะมีศีลบริสุทธิ์ด้วยดี ต้องมีปัญญานำหน้า คือ เห็นประโยชน์ของศีลว่า เมื่อสมาทานแล้วจะทำให้ชีวิตเดินไปสู่ที่ดีๆ มีโภคทรัพย์เหลือจากส่วนทีไม่ต้องจ่ายเพื่อการผิดศีล เช่น ถ้าดื่มสุราต้องจ่ายเงินเพื่อล่วงละเมิดศีล พอหยุดดื่มสุราปุ๊บ เงินค่าสุราก็เหลือปั๊บเลย นี่เรียกว่า พอสมาทานศีล ได้โภคะทันที เมื่อสมาทานศึลแล้ว จะรู้สึก สบายใจ เย็นใจ มั่นใจ ไม่ว่าจะไปเข้าสังคมที่ไหนก็มั่นใจเต็มที่ และเย็นใจได้ว่า เมื่อไม่มีเวรไม่มีภัยกับใครๆชีวิตก็ปลอดภัย เมื่อใจเย็นสนิทดี คือการเข้าไปสัมผัสศีลนั้นเอง เพราะศีล แปลว่าเย็น มีรากศัพท์มาจากศิลา ซึ่งแปลว่าแข็งแกร่งและเย็น

นอกจากมีปัญญารู้คุณค่าของศีลชัดเจนแล้ว ในการปฏิบัติศีลต้องอาศัยสมาธิขับเคลื่อนไปพร้อมๆกัน สมาธิในที่นี้ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรแต่อย่างใด แต่หมายความว่าจิตใจที่ตั้งมั่น บริสุทธิ์และมีความพร้อม ตื่นตัวอยู่เสมอ

เมื่อจิตมีความมั่นคงดี มีความเข้าใจประโยชน์ของศีลอย่างสว่างไสวได้ก็ทำให้ศีลที่ปฏิบัติไปบริสุทธิ์มากขึ้น จนไม่มีสิ่งด่างพร้อยหรือผิดทางจนกลายเป็นสีลพตปรามาสไป

สรุปว่า ศีลอยู่ที่ความรู้สึกเต็มเปี่ยม ที่จะงดเว้นจากการเบียดเบียนผู้อื่น หากเป็นศีลห้าก็งดเว้นจากการกระทำชั่วห้าอย่างผ่านการงดเง้นจากเวรจากภัยห้าประการนั้นแหละ

ศีลแท้ๆก็มีลักษณะอย่างนี้

 

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple