วัดพุทธปัญญา

บทความ\33. มองรอบด้าน

33. มองรอบด้าน

ลานธรรมวัดพุทธปัญญา เปิดประชุมสมัยสามัญแล้ว ตอนนี้ประธานลานธรรมจะมาอยู่ประจำวัดพุทธปัญญาชนิดไม่หนีไปไหนอีกจนกว่าจะสร้างวัด อันประกอบด้วยลานจอดรถ รั้ว ธรรมศาลาและอุโบสถพุทธปัญญาจะเสร็จสมบูรณ์ ท่านผู้ใดจะสนทนากับประธานลานธรรมหรือจะร่วมกันสร้างวัดในครั้งนี้มาพบท่านประธานลานธรรมได้ตลอดเวลา

ใครที่มีเวลาว่างในวันที่ 27 พฤษภาคม 2550 ตั้งแต่เช้าจรดเย็น จะมาร่วมงานวางศิลาธรรม เพื่อเป็นสัญญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นสร้างวัดในพระพุทธศาสนาก็ยินดีต้อนรับทุกท่าน

หลายๆท่านที่ไปเยี่ยมทำบุญในวันธรรมดา หรือวันเสาร์อาทิตย์มักจะถามปัญหาเสมอๆว่า มีความคิดเห็นอย่างไรในกรณีที่ชาวพุทธอันประกอบไปด้วย พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เคลื่อนไหวเพื่อให้บรรจุคำว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ก่อนจะตอบปัญหานี้แก่ใครๆก็มักจะถามกลับไปก่อนว่า จะถามหาความรู้หรือ ความเห็น หรือหาเพื่อนทะเลาะ

ถ้าเป็นการถามเพื่อหาความรู้จะต้องมองเหตุปัจจัยต่างๆมาประกอบอย่างรอบด้าน มองให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างตรงไปตรงมาไม่เอนเอียง มีเหตุปัจจัยและข้อมูลข่าวสารประกอบอย่างไรก็เห็นอย่างนั้นโดยไม่มีการเอาความเห็นตนเองไปใส่ให้บิดเบี้ยว

ถามหาความเห็น ผู้ตอบจะเห็นอย่างไรก็ได้ ไม่มีคำตอบตายตัว

ส่วนถามแบบหาเรื่องทะเลาะ ผู้ถามจะรู้เป็นนัยๆแล้วว่า เมื่อถามคนนี้แล้วมักจะตอบอย่างนี้ มีความเห็นขัดกันกับตนเองได้ชัด แต่เพื่อยุแหย่ให้อีกฝ่ายได้มีอารมณ์แปลกๆออกมา ซึ่งไม่พ้นความโกรธเป็นเจ้าเรือน จึงยินคำถามเช่นนั้น

หากจะตอบกันแบบความรู้ก็คือ

  • ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเป็นชาวพุทธ การร่างรัฐธรรมนูญที่มีการฟังเสียงประชาชนเป็นองค์ประกอบสำคัญ ควรจะได้ฟังเสียงส่วนใหญ่ของชาวพุทธโดยหาวิธีหยั่งเสียงอย่างมีมาตรฐานเป็นที่เชื่อถือได้
  • เมื่อบัญญัติพระพุทธศาสนาไว้เป็นศาสนาประจำชาติ บุคคลากรในพระพุทธศาสนา คือพระภิกษุสามเณรและอุบาสกอุบาสิกาจะได้รับการพัฒนาเป็นระบบ โดยมีนโยบาย และงบประมาณสนับสนุนจากรัฐชัดเจน ความฝันที่จะทำให้พลเมืองไทยตั้งมั่นอยู่ในความดี มีความตระหนักชัดในศีลธรรมจะเกิดขึ้นและค่อยๆเข้มแข็งขึ้นตามลำดับ
  • สามารถปรับองค์กรที่ดูแลพระพุทธศาสนาทั้งที่เป็นฝ่ายโลกและธรรมให้มีความคล่องตัวสามารถนำไปเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนในชาติได้อย่างสะดวก
  • เป็นการเตรียมการสร้างคน สร้างครอบครัว สร้างสังคม และประเทศชาติให้มีศีลธรรมอย่างเป็นระบบ
  • พุทธศาสนาอันเป็นศาสนาคู่ชาติไทยจะได้มีโอกาสประยุกต์เข้าไปสู่ชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย อันจะทำให้ชีวิตปลอดภัยจากความทุกข์กายทุกข์จิต
  • สร้างสังคมอุดมธรรมที่เต็มไปด้วยสันติสุข โดยมีองค์กรพุทธศาสนาที่ได้รับการพัฒนาดีแล้วเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน

ข้อเสียของการบัญญัติคำว่าพระพุทธศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญ แทบจะหาไม่พบแต่เพื่อความสมบูรณ์ขององค์ความรู้จะพบว่า

  • ประเทศไทยปัจจุบันนี้กลายเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย การบัญญัติดังกล่าวทำให้ผู้ที่มีรากฐานทางวัฒนธรรมต่างกันรู้สึกแปลกแยก
  • เมืองไทยมีศาสนาต่างๆอยู่อย่างมากมายเมื่อศาสนาใดศาสนาหนึ่งได้รับการยกย่องอาจจะก่อให้เกิดความน้อยใจได้
  • ทำให้คนที่ไม่ค่อยชอบทำความดีรู้สึกว่าตนเป็นเหมือนคนบาปในแผ่นดินที่คนส่วนใหญ่เขาเป็นคนดีมีความตระหนักในความเป็นพุทธทั้งกายและใจ
  • จะมีผลกระทบในด้านเศรษฐกิจของชนกลุ่มน้อยที่ผูกขาดการประกอบอาชีพอบายมุข เมื่อเยาวชนและผู้หลักผู้ใหญ่หันมาปฏิบัติธรรมเว้นจากอบายมุข ธุรกิจบาปทั้งหลายที่เคยเฟื่องฟูอย่างมากเช่นบริษัทสุราจะมีผลกระทบอย่างแรงเมื่อประชาชนพากันตระหนักรักศักดิ์ศรีความเป็นพุทธ ที่เป็นอิสระจากยาเสพติด

หากพิจารณาถึงผลดีผลเสียของการบัญญัติคำว่าพระพุทธศาสนาลงในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็พบว่าผลดีมากกว่าผลเสีย แม้จะพอมองเห็นผลเสียอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีผลดีแฝงเร้นรอเปล่งประกายเมื่อความชั่วร้ายมลายสูญไปด้วยแสงแห่งพระธรรม

จึงเห็นสมควรบัญญตัติไว้ตามที่ชาวพุทธเขาได้ขอมา แต่หากไม่ลองฟังเสียงประชาชนและวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียให้แจ่มแจ้ง ชาวพุทธที่กระจายตัวอยู่ทุกซอกทุกมุมในประเทศไทย เมื่อเขาไม่เห็นคำนี้ปรากฏในรัฐธรรมนูญตามที่พวกเขาเรียกร้อง

หากพวกเขาถือ คติว่า เวลาพวกเขาขอสิ่งที่พวกเขาปรารถนาทั้งส.ส.ร.และคณะกรรมาธิการยกร่างยังไม่ยอมให้ตามที่เขาขอ ถึงเวลาที่ ส.ส.ร.และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญไปขอให้เขาช่วยรับรองรัฐธรรมนูญ

หากเขาบอกว่า เขาไม่พร้อมที่จะรับรองเพราะเขาไม่มีส่วนร่วมในการร่างครั้งนี้ กันมากๆ รัฐธรรมนูญก็มีสิทธิ์ล้มลงง่ายๆเพราะผู้มีหน้าที่รับผิดชอบล่วงละเมิดหลักการแห่งประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน คือการมีส่วนร่วมในทางปฏิบัติมิใช่เพียงพิธีกรรม แล้วต้องมาตายน้ำตื้นก็นับว่าน่าเสียดาย

 

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple