วัดพุทธปัญญา

บทความ\32.ภาวนาแบบสาม R และสาม A

32.ภาวนาแบบสาม R และสาม A

เมื่อวันพุธที่ 4 กรกฎาคม 2550 พุทธบริษัทได้หลั่งไหลกันมาวัดพุทธปัญญาเพื่อร่วมกันปลูกต้นโพธิ์จำนวนไม่ต่ำกว่า 150 คน แต่ละคนต่างปลาบปลื้มยินดีในการบำเพ็ญกุศลครั้งนี้อย่างทั่วหน้า นับว่า พุทธบริษัทมีภูมิปัญญา รู้ความเป็นมาเป็นไปของสัญลักษณ์แห่งพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี

พุทธบริษัทที่มาทำบุญที่วัดพุทธปัญญาเป็นประจำมักจะเชิญชวนเพื่อนพุทธบริษัทที่ยังไม่เคยมาเยี่ยมเยือนวัดพุทธปัญญาให้มาเยี่ยมเยือนกันอย่างสม่ำเสมอ วัดพุทธปัญญาจึงมีโอกาสได้ต้อนรับพุทธบริษัทใหม่ๆอยู่มิได้ขาด หลายท่านเมื่อได้มาครั้งหนึ่งแล้วก็มาบ่อยๆ

เมื่อวันร่วมปลูกต้นโพธิ์ชาวพุทธทั้งที่เป็นชาวไทยและชาวต่างประเทศมาร่วมกันมากหน้าหลายตา ที่น่ายินดียิ่งก็คือ ชาวพุทธอินโดนิเซียท่านหนึ่ง ชื่อ คุณเมตตา ได้มาร่วมงานปลูกต้นโพธิ์แล้วสอบถามว่า ที่นี้มีการสอนสมาธิไหม ก็ตอบว่า มีการทำมากกว่าการสอน เพราะพุทธบริษัทส่วนใหญ่เข้าใจเรื่องการทำสมาธิกันพอสมควรทีเดียว เหลือก็แต่ลงมือทำให้เป็นประจำเท่านั้น

แม้ขณะนี้วัดอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่คุณศรีนุช พงษ์สวัสดิ์ เจ้าของบ้านอโยธยา เปิดบ้านให้เพื่อนๆอุบาสกอุบาสิกาที่สนใจด้านภาวนาเป็นพิเศษได้มาเพิ่มพูนประสบการณ์การด้านภาวนาเป็นประจำทุกวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 19.00-22.00 น. เป็นประจำใครมีเวลาว่างสนใจด้านภาวนามาได้เลยตามวันเวลานี้แหละ

เมื่อคุณเมตตามีกุศลเจตนาที่จะเจริญภาวนาอย่างนี้ก็นัดหมายว่า วันเสาร์ตอนเย็นให้มาพบกันที่วัดพุทธปัญญาก่อนเวลาหนึ่งทุ่ม พอถึงวันนัดเธอก็มาตามนัดเวลาสิบแปดนาฬิกาสามสิบนาทีตรง เมื่อนั่งพักดื่มน้ำตามอัธยาศัยพอสมควรแล้ว ก็พากันเดินไปบ้านอโยธยา ซึ่งใช้เวลาเพียงสองสามนาทีก็ถึง

วันนั้นเป็นวันที่เลข 7 มาพ้องกันห้าตัวทีเดียว คือ เป็นวันที่ 7 เดือน 7 ปี 007 เริ่มรายการธรรมะเวลา 7 น.ตอนเย็น มีผู้มาร่วมปฏิบัติและสนทนาธรรม 7 คน

ก่อนเจริญภาวนา คุณเมตตาถามว่า ภันเต มีสูตรการภาวนาแบบง่ายๆไหม

สูตรการเจริญภาวนาแบบง่ายๆก็คือ เริ่มต้นที่ รู้แจ้งประจักษ์ หรือ รู้สึกตัวทั่วถึง Realization เวลาที่นั่งภาวนาก็วางตัวรู้อยู่คู่กับลมหายใจในทุกขณะและลีลา ไม่ว่า หายใจเข้า หายใจออก หายใจสั้นหรือยาว หยาบหรือละเอียด แผ่วเบาหรือหนักแน่น อึกอัดหรือโปร่งเบา รู้แจ้งในทุกท่วงทำนอง

การภาวนา คือ การอยู่ร่วมกันอย่างแนบแน่นอ่อนโยนระหว่างกายกับจิต

เมื่อใจได้กลับมาอยู่กับกายอย่างไกล้ชิด มิได้ท่องเที่ยวไปไกล ไม่ห่าง กายอยู่ไหนใจอยู่นั่น การผัผ่อนทางใจก็เริ่มขึ้น

การภาวนาจึงมิใช่เรื่องเคร่งเครียดแต่เป็นเรื่องการพักผ่อน Relax ด้วยการพักใจไว้ที่กายหรืออาการเคลื่อนไหวใดๆของกาย

พวกเราคงจะประจักษ์ชัดทุกคนว่า เช้า ออกจากบ้านไปทำงาน เมื่อทำงานมากจนร่างกายเหน็ดเหนื่อยแล้ว ต้องการพักผ่อนตอนเย็นก็กลับมาพักผ่อนที่บ้าน เรียกพลังต่างๆคืนมาเพื่อจะต่อสู้ต่อไปในวันพรุ่งนี้

ลองหันมาสังเกตใจซิ การใช้ความคิดอย่างหนัก ทั้งเรื่องที่จำเป็นและเรื่องที่ไม่จำเป็น เป็นเวลานานๆ การท่องเที่ยวไปในอดีต การฝันถึงอนาคต ล้วนเป็นเหตุให้ใจเหน็เหนื่อยเหนื่อย หากไม่รู้จักพักใจ ความเครียดทางใจ ก็เพิ่มมากขึ้น และต้องกระทบถึงความเครียดทางกายอย่างหนีไม่พ้น

การภาวนา คือ การพักใจจากการโหมคิดทั้งเรื่องที่จำเป็นและไม่จำเป็น เมื่อใจได้พัก Relax ก็จะถึงภาวะที่ผ่อนคลาย Relief

ปล่อยลมหายใจให้ดำเนินไปสบายๆ วางตัวรู้ไว้ที่กาย หายใจอย่างผ่อนคลาย เหมือนนั่งดูนกนานชินดบินผ่าน ดูสุนัขและแมวที่น่ารักเล่นตามธรรมชาติ ให้ผ่านมาผ่านไป โดยไม่มีการปรุงแต่งจัดการแต่อย่างใด

ความรู้ต่างๆจะค่อยๆพัฒนาตามลำดับเริ่มตั้งแต่ Awareness รู้สึกตัวทั่วพร้อม จะเพิ่มขึ้นทุกๆขณะที่ภาวนา หรือ แค่ระลึกรู้ถึงความเคลื่อนไหวต่างๆที่เป็นไปแม้ในชีวิตประจำวัน เมื่อฝึกมากๆตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ภาวิตา ทำให้เจริญ ทำให้เพิ่ม พหุลีกะตา ทำให้มาก จะเป็นไปเพื่อความรู้แจ้ง รู้ยิ่ง รู้พร้อม ก็จะเป็นผู้ตื่นอยู่เสมอ Awake และพร้อมจะระวัง( Alert )กิเลสที่จะจรเข้าสู่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ แล้ว ปั่นไฟ ให้เป็นทุกข์ อยู่ตลอดเวลา

เมื่อสนทนาธรรมจนเป็นที่เข้าใจ สงบใจแม้ในขณะสนทนาอยู่ จึงได้เริ่มหลับตาลงมองความเคลื่อนไหวด้านในตามที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า คุณค่าของพระธรรมทั้งปวง อันวิญญูชน คือผู้รู้สึกตัวทั่วถึงพึงรู้ได้ด้วยตนเอง(ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ)นั่นแล

 

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple