วัดพุทธปัญญา

บทความ\18.ชีวิตที่มีค่า

18.ชีวิตที่มีค่า

เมื่อสามปีกว่า ขณะที่ฉันเพิ่งมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสที่วัดพุทธปัญญาใหม่ๆ งานที่ทำส่วนใหญ่นอกแจกแสดงธรรมวันเสาร์วันอาทิตย์แล้ว เมื่อมีเวลาก็มักจะไปนั่งอยู่ที่ร้านหนังสือ เลือกมุมเล็กๆโดยเฉพาะมุมศาสนาที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในสายตาของคนตะวันตกหรือพุทธศาสนิกชนอื่น เช่นจีนหรือญี่ปุ่น

เดิมทีเดียวฉันยังไม่รู้จักร้านหนังสือที่ตั้งอยู่ใกล้วัดที่สุดสักแห่ง เมื่อมีเวลาว่างก็ออกเดินตระเวนไปตามสไตล์ของฉันเอง เวลาไปไหนมาไหนหากไม่ไกลมากก็เดิน หากไกลเกินไปก็ใช้บริการรถเมล์ขนส่งมวลชนที่วิ่งผ่านจุดที่ต้องการจะไป

วันหนึ่งฉันนั่งรถบัสสาย 480 ไปเรื่อยๆจนถึงหน้ามอนด์แคลพลาซ่า มองเห็นร้านหนังสือขนาดใหญ่แห่งหนึ่งอยู่แว๊บๆ แล้วรถก็ผ่านไป

ฉันตัดสินใจเดี๋ยวนั้นลงจากรถบัสทันที แต่รถวิ่งมาไกลประมาณหนึ่งป้าย ร้านหนังสือที่เห็นก็พลอยหายลับไปกับสายตา แต่แนยังมีความหวัง หลังจากลงจากรถแล้วก็เดินไปเรื่อยๆ ผ่านห้างสรรพสินค้ามอนด์แคลร์พลาซ่า

พอเดินไปกลางห้างก็ได้ยินเสียงเรียกดังมาทางข้างหลังว่า ลามะ ลามะ

ฉันเหลียวไปดูพบอาฟริกันอเมริกันผูกไทด์ใส่สูทสีดำ ท่าทางเรียบร้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฉันด้วยความสุภาพแล้วถามว่า ท่านเป็นลามะใช่ไหม

ฉันตอบว่า ไม่ใช่ลามะจากประเทศธิเบต ฉันเป็นพระมาจากประเทศไทย

เขายิ้มแล้วพูดว่าไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน ท่านเป็นพระแบบแคทอลิกใช่ไหม

ฉันตอบว่า ฉันก็เป็นพระแบบที่พระเป็นนะซิ

เขาฟังแล้วยิ้มกับคำตอบที่เขาคาดไม่ถึง

เพียงไม่กี่นาทีเราสามารถสัมผัสความมีมิตรภาพกันได้แล้ว เขาถามฉันต่อว่า ท่านมาธุระอะไรที่นี้

ฉันตอบว่า ฉันต้องการความช่วยเหลือหาร้านหนังสือ ซึ่งฉันเพิ่งเห็นมันแต่ไกลแต่พอฉันลงรถบัส มันหายไปเสียแล้ว

เขาหัวเราะแล้วตอบว่า มหัศจรรย์จริงๆ ท่านมาถูกทางแล้ว ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมนำทางไปให้ถึงร้านหนังสือเลย ขณะที่เดินทางไปร้านหนังสือ เขาถามฉันว่า วัดอยู่ที่ไหนจะไปหาได้หรือไม่

ฉันตอบว่า วัดในศาสนาพุทธยินดีต้อนรับทุกคน คุณว่างเมื่อไรก็ไปเยี่ยมซิ

เขานำฉันเข้าไปร้านหนังสือขนาดใหญ่ ฉันไม่ผิดหวัง ใช่เลย ฉันพบร้านหนังสือที่หนีหายลับตัวตึกพบแล้ว ฉันเข้าไปในดงหนังสือพระพุทธศาสนา อ่านทัศนะจากผู้คนจากหลากหลายอาชีพจากทุกมุมโลก ให้นึกภูมิใจว่า พระพุทธศาสนาเป็นที่รู้จักของประชาชนมากจริงๆ

ประมาณหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป คนที่เคยนำทางไปร้านหนังสือ ก็มาปรากฏตัวที่วัดด้วยท่าทางสุภาพอย่างเคยแนะนำตัวเองว่า ชื่อ ดร.สตีเฟ่น แคมเบล จบการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาชีววิทยา เคยทำงานเป็นอาจารย์มาหลายแห่ง

เขามาพร้อมกับถือคัมภีร์ใบเบิ้ลเล่มใหญ่ อ่านข้อความบางข้อความให้ฟังแล้วเขาก็บอกว่า พระเจ้ารักท่านนะ

ฉันบอกว่า ใช่ ฉันทราบ ถ้าท่านไม่รักแล้วท่านจะส่งคุณมานำทางฉันหรือ

ฉันเสริมคำพูดของเขา เขาถูกใจมากหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้วพูดว่า ใช่ผมจะมาคอยช่วยเหลือท่าน พระเจ้าส่งมาอย่างนั้นจริงๆ

ฉันพูดต่อไปว่า นี้คือการช่วยเหลือระหว่างศิษย์พระพุทธเจ้ากับศิษย์พระเยซู แม้เราต่างศาสนากันแต่เราก็รักกันได้เพราะทั้งสองศาสนาสอนเรื่องความรัก ขณะนี้โลกเดือดร้อนเต็มที เห็นท่าพระของคุณคงจะช่วยโลกลำบาก พระพุทธเจ้าของฉันต้องมาช่วยด้วย

เขาถามตามทัศนะของเขา พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน อยู่บนสวรรค์ใช่ไหม?

ฉันตอบว่า พระพุทธเจ้าองค์จริงอยู่กับเราทุกเวลาที่เราปฏิบัติธรรม พระธรรมคือพระพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้าคือพระธรรม

เขาถามว่าพระธรรมคือ อะไร

ฉันตอบเบื้องต้นก่อนว่า อยู่ที่กาย วาจา และใจ ของคุณ คุณใช้กาย วาจา และใจถูกต้องเมื่อไหร่ก็พบพระพุทธเจ้าเมื่อนั้น ขอให้คุณอ่านรายละเอียดเอาเองก็แล้วกัน

ขอให้เราเลิกคิดว่า ฉันจะเปลี่ยนศาสนาคุณ หรือคุณเปลี่ยนศาสนาฉันแต่เรารักกันและหวังว่า เมื่อไรพระเยซูกับพระพุทธเจ้ามาดื่มกรีนทีด้วยกันวันนั้นโลกสงบแน่

พูดจบฉันก็ยื่นหนังสือคู่มือมนุษย์ภาคภาษาอังกฤษของหลวงพ่อพุทธทาสให้อ่าน

เขาหายไปหลายอาทิตย์กลับมาพร้อมกับบทย่อการเรียนคู่มือมนุษย์ที่ทำคำตอบคำถามมาอย่างดี ใช่เขาอ่านอย่างลึกซึ้ง

สามปีกว่าผ่านไปมิตรภาพของเราทั้งสองเจริญงอกงามตามลำดับ พวกเราทั้งสองคือ สัญญลักษณ์อันมีนัยยะสำคัญแห่งความสัมพันธ์ระหว่างศาสนา โดยมี น้ำใจ ความห่วงใย เอื้ออาทร เชื่อมประสานสมานกันอย่างสนิทสนม

งานใดๆของวัดที่ต้องใช้การเขียนและการพูดภาษาอังกฤษ การติดต่อประสานงานที่สำคัญๆ เขาจะช่วยเหลืออย่างทุ่มเทโดยไม่คิดค่าตอบแทนใดๆเลยเขาทำเหมือนสมาชิกของเราคนหนึ่ง ระยะหลังเขาตกงาน ได้มาพักที่วัดประมาณสองเดือนได้ถวายความรู้ภาษาอังกฤษแก่พระสงฆ์ ด้วยความเต็มใจแล้วกลับไปอยู่กับครอบครัว

ประมาณกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเขาได้สมัครงานเป็นคนตรวจทานหนังสือที่โบสถ์แห่งหนึ่ง เมื่อเขาไปสอบสัมภาษณ์ เขาถูกถามว่า คุณรู้จักพระเจ้าไหม เขาตอบทันทีว่าเขารู้จักพระเจ้าดี เพราะเขาจบปริญญาโททางด้านเทววิทยา เคยเป็นนักสอนศาสนามาหลายแห่ง

ผู้สอบสัมภาษณ์ถามเขาต่อว่า คุณมั่นใจว่าพระเจ้ามีไหม

เขาตอบว่า เมื่อไรที่เราคิดถึงพระเจ้า เมื่อนั้นพระเจ้าก็มี เมื่อไรที่ไม่คิดถึงก็ไม่มี ความมีหรือไม่มีอยู่ของพระเจ้าขึ้นอยู่กับความคิด

คนสอบสัมภาษณ์คงเคยเรียนศาสนาเปรียบเทียบมาแล้วอย่างดี ได้พูดสวนกลับเขาว่า คุณตอบแบบนี้ คุณไม่รู้จักพระเจ้า ดีพอ พระเจ้าที่คุณตอบมานั้นเป็นทัศนะทางพุทธศาสนา คุณเป็นพุทธหรือเป็นคริสต์กันแน่

เขาเล่าว่า เขาตอบออกไปโดยไม่ต้องคิดว่า เป็นชาวพุทธ แล้วเขาก็ออกมาจากที่สอบสัมภาษณ์ด้วยความงุนงง เขาพูดออกไปได้อย่างไร หรือว่า ถึงเวลาที่เขาจะต้องเป็นชาวพุทธแล้ว

อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาเขารู้สึกเพลีย จึงตัดสินใจไปตรวจสุขภาพ

หมอบอกเขาว่า คุณมีเวลาไม่เกินเก้าสิบวัน คุณเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่ถุงน้ำดี ปอด และตับ

สติเขาดีมาก เขาตอบหมอไปทันทีว่า พระพุทธเจ้าสอนว่า ชีวิตที่สงบเพียงชั่วขณะหนึ่ง (one moment) ที่เปี่ยมด้วยสติสัมปชัญญะและสงบ มีค่ามากกว่าชีวิตที่ยืนยาวร้อยปี ที่เต็มไปด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย ฉันมีเวลาเหลือเฟือที่จะเจริญสติมีสมาธิและสงบ

หมอถามเขาว่า คุณเป็นชาวพุทธหรือ

เขาตอบว่า ใช่ฉันเป็นชาวพุทธ

หมอแนะนำเขาว่า หากคุณรู้จักพระสงฆ์จะนิมนต์พระสงฆ์มาเยี่ยมให้กำลังใจก็ได้นะ

เขาโทรฯมาหาฉันและแจ้งข่าวให้ทราบ พวกเราพระสงฆ์วัดพุทธปัญญาทั้งหมด รวมทั้งพระสงฆ์วัดพุทธชินราช ชิโนฮิลล์ได้ไปเยี่ยมกันอย่างอบอุ่น อุบาสก อุบาสิกาวัดพุทธปัญญาก็ไปเยี่ยมเยือนอย่างอบอุ่น

ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมเขานอนบนเตียงคนไข้อย่างเบิกบาน พูดคุยอย่างไม่วิตกกังวล เขาพูดธรรมะมากขึ้น พวกเรานำซีดีธรรมะภาคภาษาอังกฤษทั้งคู่มือมนุษย์และตะรางชีวิตที่เขาเคยอ่านอัดเทปไว้ พี่วีระซื้อเครื่องฟังเอ็มพีสามไปให้ไว้ฟังธรรม

เขาผ่าตัดเสร็จแล้วก็กลับมาพักฟื้นที่บ้าน คุณชาย พรบิดา เพื่อนรักของเขาก็ได้ไปเยี่ยมอยู่เป็นประจำ

เขาอยากมาวัดมาก และวันที่ 21 กรกฏาคม 2549 ที่ผ่านมา เขาได้มาที่วัดเพื่อทำพิธีปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ เป็นการตัดสินใจเปลี่ยนทางชีวิตอย่างเป็นทางการ

ฉันพูดกับเขาว่า เราจะไม่ชวนกันเปลี่ยนศาสนาของใครนะ

เขาพูดว่า ท่านอาจารย์ไม่ได้เปลี่ยนผม แต่เมื่อเวลามาถึงทุกอย่างมันเบ่งบานของมันเอง ผมก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่ผมกำลังจะเป็นตามที่ผมเป็นคือ เป็นพุทธศาสนิกชนตามองค์พระศาสดา ผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน

เมื่อเขากล่าวจบเขาสะอื้นด้วยความตื้นตัน

คณะสงฆ์วัดพุทธปัญญาร่วมกับวัดพระพุทธชินราชได้ร่วมกันนั่งเป็นสักขีพยาน ในการปฏิญาณตนของเขาบูชาพระรัตนตรัยและสมาทานศีล

เขาแสดงความรู้สึกว่า ท่านอาจารย์พุทธทาสสอนให้เขารู้จักชีวิตและดำเนินชีวิตผ่าวิกฤตได้อย่างเรียบง่าย สงบและมั่นใจ เขารู้จักท่านอาจารย์พุทธทาสผ่านหนังสือ คู่มือมนุษย์ ตะรางชีวิต ชีวิตเทียมด้วยควายสองตัว ความหิวและความสงบ ซึ่งเขาอ่านหลายรอบจนพบกับวันที่ดอกไม้ในดวงใจของเขาเติบโตและเบ่งบานอยาสวยงาม

เขากล่าวว่า วัดพุทธปัญญา คือบ้านหลังที่สองของเขา เป็นบ้านที่แสนสงบสุข อบอวลด้วยมิตรภาพ เขาจะเข้ามาเมื่อไรได้เสมอ เปิดรับตลอดเวลา เขารักพระสงฆ์ทุกรูป รักพุทธศาสนิกชนชาวไทย เขาได้พบสิ่งที่เขาศึกษาในไบเบิ้ล เรื่องความรักไร้พรหมแดน ความกรุณา การยอมรับผู้อื่นและการให้ ที่นี้เอง

เขาพูดไปร้องให้ไปด้วยความตื้นตันใจนับ เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในชีวิตของเขาที่เขาได้รับความอิ่มเอิบอบอุ่นท่ามกลางกัลยาณมิตรอย่างแท้จริง

ไม่มีใครรู้ว่า วันนั้นคือวันที่เขามาเยี่ยมวัด เยี่ยมพระสงฆ์ เยี่ยมสหายธรรมที่เขารักและผูกพันครั้งสุดท้าย

วันที่ 27 กรกฎาคม 2549 คุณวีระ ที่เขานับถือว่าเป็นพี่ที่แสนดีของเขาและคุณชายเพื่อนรักได้ไปเยี่ยมและนำน้ำผลไม้ไปฝาก เขาดื่มได้ไม่มากนัก เขายังสนทนาเรื่องราวต่างๆอย่างรื่นเริงไม่มีวี่แววแห่งความวิตกกังวลหรือหวาดกลัวต่อวันเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิด

เวลาประมาณตีสามของคืนวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2549 กริ่งหน้าประตูวัดพุทธปัญญาดังขึ้น พี่วีระ เปิดประตูรับ คนกดกริ่งลูกชายคนหัวปีของเขา มาแจ้งข่าวว่า พ่อเสียแล้ว เขาตกใจ เสียใจ ทำอะไรไม่ถูกเลยตรงมาที่นี้

ฉันและพี่วีระปลอบใจและรับปากกันว่าจะช่วยเหลือจัดงานศพให้อย่างเต็มความสามารถในฐานะเขาเป็นส่วนหนึ่งของวัดพุทธปัญญา

เขาเป็นชาวพุทธที่เตรียมตัวตายอย่างดี เขาเจริญสติสมาธิภาวนาตลอดเวลาตามที่ฉันแนะนำ เขาเป็นชาวพุทธอย่างเป็นทางการผ่านพิธีกรรมได้เพียงเจ็ดวันก็จากไปอย่างสงบตามวิถีแห่งชาวพุทธที่ควรจะเป็น แต่เขาได้พบเส้นทางที่สว่างสงบในทางปฏิบัติมานานแล้ว แต่เขาไม่ทราบ พอๆกับที่เขาไม่ทราบว่า เขาได้เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว

เขาเคยเล่าว่า ขณะที่เขานอนรักษาตัวอยู่ แพทย์หญิงคนหนึ่งเข้าไปดูแลเขา พอทราบว่า เขาเป็นชาวพุทธก็บอกว่า คุณกลับใจได้นะ ถ้าคุณเป็นชาวพุทธคุณตายคุณตกนรกแน่นอน แต่ถ้าคุณยืนยันในความเป็นชาวคริสต์คุณก็จะไปสวรรค์

เขาตอบว่า สวรรค์หรือนรก ก็เป็นเพียงมายา ผ่านมาแล้วผ่านไป ทุกอย่างไม่เที่ยงแท้แน่นอน เขาไม่ได้เป็นชาวพุทธเพื่อต้องการสวรรค์แต่เขาต้องการนิพพาน

แพทย์หญิงคนนั้นกลับไปด้วยความผิดหวังและไม่พอใจ

เขานอนบนเตียงคนไข้อย่างสงบ

ในฐานะที่เป็นพระธรรมทูต ผู้มาประกาศธรรม ณ ดินแดนแห่งนี้เป็นเวลาสี่ปีกว่าแล้ว ได้ให้ความรู้ทั้งชาวพุทธไทยและชาวพุทธอเมริกันอย่างสุดความสามารถไม่เลือกหน้า มาบัดนี้มีชาวอเมริกันได้ร่วมศึกษาจนซาบซึ้งแล้วเปลี่ยนวิถีชีวิตมาเป็นชาวพุทธอย่างเปิดเผย ย่อมยินดีต้อนรับด้วยความเต็มใจ แม้ผู้นั้นจะมาเสียชีวิตลงภายในเจ็ดวันหลังจากประกาศตนเป็นชาวพุทธ ก็เป็นการจากไปตามกฎธรรมดาแห่งความเกิดแก่เจ็บตายอย่างมีความหมายข้อเพราะก่อนจะจากไปเขาตระหนักรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ทุกขณะว่า ชีวิตที่สงบเย็นหนึ่งขณะ มีค่ามากกว่า ชีวิตที่ยืนยาวตั้งร้อยปีที่เร่าร้อนวุ่นวาย

 

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple