วัดพุทธปัญญา

บทความ\17.จุดยืนอุดมการณ์

17.จุดยืนอุดมการณ์

 

พุทธทาสปัญญานันทะ

ชี้ งานเผยแผ่ธรรมตามแนวท่านพุทธทาส-ปัญญานันทะไม่ฝ่อ หากชาวพุทธยังมีจุดยืน

แอลเอ (ไทยทาวน์ยูเอสเอนิวส์) :

" เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา " ศิษย์รูปหนึ่ง ของท่านปัญญานันทะ ระบุธรรมะแนวท่านพุทธทาสภิกขุ จะไม่เรียวลงในยุคที่ศาสนา ปะปนจนแปดเปื้อน ไปด้วยไสยศาสตร์ แม้จะสิ้นผู้นำ ด้านงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เข้มแข็งอย่างท่านพุทธทาสและท่านปัญญาฯ แล้วก็ตาม

 

ชี้ชาวพุทธต้องยึด พระรัตนตรัย เป็นสรณะให้มั่นคงไม่โลเลลื่นไหลไปตามกระแสไสยศาสตร์นิยมผมสมการตลาด และเลิกระบบ “ คุณน่ะทำ ” มาเป็น “ ฉันก็ ช่วยทำ ” กล่าวคือ ไม่ยกภาระการศึกษา ปฏิบัติ และเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เป็นของพระสงฆ์ หรือพุทธศาสนิกชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่ให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ว่า เรื่องการศึกษา ปฏิบัติ และเผยแผ่พระพุทธธรรม เป็นเรื่องที่ “ ทุกคนจะต้องช่วยๆกัน โดยเริ่มต้นที่ฉันต้องทำ ” ไม่ผลักภาระไปที่ “ คุณนะทำ ” “ ฉันไม่ต้องทำ ”

 

ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา ในเมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย

ซึ่งเป็นพระลูกศิษย์รูปหนึ่งของพระพรหมมังคลาจารย์ หรือ " หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ" แห่งวัดชลประทานรังสฤษฏ์

จังหวัดนนทบุรี ซึ่งถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2550 ที่ผ่านมา ได้กล่าวกับไทยทาวน์ฯ

ถึงผลงาน ด้านความเป็นพระนักเผยแผ่พระพุทธศาสนาระดับแนวหน้า นักสร้างสรรค์ที่มีความคิดริ่มเริ่ม นักปฏิรูป นักประยุกต์ธรรมะกับชีวิตประจำวันอย่างกลมกลืน และนักพัฒนามนุษย์ที่ใช้ธรรมะเป็นหัวใจ เป็นแสงสว่างในการสร้างคน สร้างสังคมให้ร่มเย็นของหลวงพ่อปัญญาฯ ว่ามีมากมายมหาศาล เช่นเป็นพระสงฆ์องค์แรกที่ริเริ่มการแสดงธรรมโดยไม่ต้องใช้ธรรมมาสน์ หรือเรียกกัน ว่า แสดงปาฐกถาธรรม เพื่อให้สามารถแสดงธรรมได้ในทุกสถานที่ จนกลายเป็น ที่นิยมอย่างแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน ลักษณะเด่นของการปาฐกถาธรรมคือ การประยุกต์เหตุการณ์ปัจจุบัน ซึ่งมักจะกำลังเป็นที่สนใจของสาธุชน เพื่อให้ ได้ตัวอย่างมาเสริมการแสดงธรรมอย่างเป็นปัจจุบัน ทันสมัย เข้าใจง่าย ฟังง่าย และน่าสนใจ นำไปใช้ได้เลย

“ ผลงานอันโด่งดังของหลวงพ่อปัญญาฯที่มีมานานกว่า 30 ปี อีกเรื่องหนึ่ง คือ เรื่องการปฏิรูปการจัดงานศพจากการที่เคยจัดกันมาอย่างฟุ่มเฟือย สิ้นเปลือง แบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ สู่การจัดงานศพแบบเรียบง่าย ได้สาระ สวดเพียงจบเดียว ฟังปาฐกถาธรรมะและข้อคิดจากการไปงานศพ ไม่ส่งเสริมความฟุ่มเฟือย ไม่ส่งเสริมอบายมุข ไม่ส่งเสริมการวางพวงหรีด ไม่ส่งเสริมการจัดดอกไม้แพงๆไม่มีการเลี้ยงดูปูเสื่อกันอย่างสนุกสนานสิ้นเปลือง โดยทั่วไปเจ้าภาพต้องจ่ายเงินทองค่าพวงหรีด ค่าอาหารการกิน หรือบางงาน ยังมีมหรศพ พิณพาท มากล่อมศพ และอื่นๆอีกมากมายล้วนแต่ต้องจ่ายทั้งนั้น เข้าตำรา คนตายขายคนเป็น สิ่งที่ท่านริเริ่ม ก็คือ ตัดรายจ่ายเรื่องพวกนี้ออกไปทั้งหมด เวลาไปงานศพที่วัดชลประทานฯ แต่ละคนใช้เวลาร่วมพิธีไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จพิธี ผู้ไปร่วมงานได้ทั้งประโยชน์และประหยัดแบบเห็นกันชัดๆ ประหยัดทั้งเงิน ทั้งเวลา ทั้งพลังงาน ทั้งทรัพยากรธรรมชาติ

เวลาหนึ่งทุ่มพระสงฆ์แสดงธรรม หนึ่งทุ่มสี่สิบห้านาที พระสงฆ์สวดพระอภิธรรมหนึ่งจบ เจ้าภาพกรวดน้ำ รับพร สองทุ่มหลวงพ่อฯสั่งให้เจ้าหน้าที่ปิดศาลาศพ เพื่อให้ญาติโยมทั้งที่เป็นเจ้าภาพและแขกที่มาร่วมงาน กลับบ้าน เพื่อพักผ่อนเอาแรงไว้ทำงานในวันรุ่งขึ้นต่อไป ไม่มีการตั้งวง ดืมสุรา หรือ เล่นไพ่ เป็นเพื่อนศพดังที่นิยมกระทำกันอยู่โดยทั่วไป ”

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญากล่าวด้วยว่าแนวทางการเผยแผ่หลักธรรมะของพระพุทธเจ้าโดยปราศจากเรื่องงมงายไร้สาระนอกธรรมะวินัยที่หลวงพ่อปัญญาฯได้กระทำมาอย่างต่อเนื่อง นั้น มีผู้ไม่เห็นด้วยกับหลวงพ่อปัญญาฯมิใช่น้อย

“ ถึงปัจจุบันนี้ พุทธบริษัททั้งฝ่ายพระสงฆ์และคฤหัสถ์มากมายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของหลวงพ่อปัญญาฯเพราะการปฏิรูปของท่านจะไปขัดใจและขัดผลประโยชน์ของเขา ซึ่งมีทั้งรูปแบบที่เป็นหน้าตาชื่อเสียงเกียรติยศและเงินทองโดยตรง เช่นหากงานศพไม่นิยมวางพวงหรีดขึ้นมา คนขายพวงหรีดก็ขาดรายได้ คนที่ต้องการประชาสัมพันธ์ตนเองโดยใช้พวงหรีดเป็นเครื่องมือก็พลอยหมดโอกาสไปด้วย เจ้าภาพที่ต้องการแสดงสถานะใหญ่โตของตนหรืออวดมั่งอวดมีผ่านงานศพ ก็อยากจะจัดทุกเรื่องให้ใหญ่โตเป็นที่พอใจยกย่องของแขกที่มาร่วมงาน เช่นการเลี้ยงข้าวปลาอาหาร สุราบาน อย่างใหญ่โต เมื่อเรื่องพวกนี้ถูกตัดออกไปเจ้าภาพที่ตั้งความหวังอย่างนั้นก็ไม่พอใจ บางรายพอทราบว่าไม่อนุญาตให้จัดเลี้ยง หรือไม่อนุญาตให้มีพิณพาทกล่อมศพ ก็ยกศพออกจากวัดไปจัดที่อื่นเลย แต่เพราะหลวงพ่อท่านทำในสิ่งที่ถูกต้องสอดคล้องกับแก่นธรรมทางพระพุทธศาสนา จึงไม่มีใครตำหนิ เพราะไม่รู้ว่าจะตำหนิอะไรท่าน และสิ่งที่ท่านพูด ท่านสอนก็ถูกต้องเสียด้วย ถ้าหันมาดูสิ่งที่ตนเองกระทำอยู่ ตัวเองก็รู้ๆอยู่ว่า ไม่เข้าท่าอย่างที่หลวงพ่อท่านว่า เลยปล่อยให้ท่านว่าไป ตนเองไม่พอใจก็ไปที่อื่น หาวัดที่ตอบสนองความพอใจ ถูกใจของตนเองต่อไป วัดต่างๆที่คอยตอบสนองความพอใจ ถูกใจของคนเหล่านี้ ก็มองเห็นว่า การทำ การพูดของหลวงพ่อก็ไปขัดใจเขาอีก ก็พลอยไม่พอใจลึกๆ แต่ไม่รู้จะโต้เถียงอย่างไร ปล่อยท่านไป ตนเองก็ทำไปตามที่รู้ ที่เข้าใจ ที่ชอบใจ อย่าว่าอื่นไกลเลย แม้แต่พระบางรูปที่ดูแลงานเหล่านี้ภายในวัด ก็อยากจะตามใจญาติโยมอยู่ลึกๆ เพียงแต่รอโอกาสเท่านั้น เช่นการจัดเลี้ยงหรือเรื่องดอกไม้ พวงหรีด ดูเหมือนว่าจะเต็มกลั้นเข้าไปทุกที เริ่มแฉลบออกไปจากหลักการที่วางไว้ไม่น้อยแล้ว บางทีเมื่อสิ้นหลวงพ่อแล้ว พระเจ้าหน้าที่เหล่านี้แหละจะปฏิรูปงานที่หลวงพ่อได้สร้างไว้เสียเอง ผู้ที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อปัญญาฯก็คงจะต้องติดตามดูแล เตือนให้ระลึกถึงอุดมการณ์ของหลวงพ่อกันต่อไป ”

 

นอกจากนี้วัดที่ยังปลุกเสกเครื่องลางของขลัง สั่นติ้ว เสี่ยงเซียมซี มีเวทย์มนต์คาถาต่างๆก็คงจะไม่ชอบท่านเพราะการแสดงปาฐกถาธรรมของท่านไปขัดลาภ ขวางที่มาแห่งรายได้ของพวกเขา แต่เมื่อพวกเขาพบหลวงพ่อก็ให้ความเคารพ ไม่แสดงอาการโกรธเคืองอะไรท่าน พระจอมขมังเวทย์ อย่างหลวงพ่อคูน หลวงพ่อปัญญาฯท่านเทศน์เอาบ่อยๆว่า ไปเขกหัวเขา ยิ่งเขกเขาก็ยิ่งโง่ พอหลวงพ่อคูณเจอหลวงพ่อปัญญาฯ หลวงพ่อคูนก็เข้ามากราบท่านในฐานะที่มีพรรษามากกว่า หลวงพ่อปัญญาจับแขนหลวงพ่อคูนด้วยความเมตตาแล้ว บอกว่า ดื่มน้ำเยอะๆ หน่อย แล้วคุยกันอย่างเป็นกันเอง คราวหนึ่งขณะที่หลวงพ่อคูณกำลังคุยอยู่กับหลวงพ่อปัญญาฯ ลูกศิษย์จุดบุหรี่ถวายหลวงพ่อคูณ หลวงพ่อคูณท่านปัดมือลูกศิษย์ไม่ยอมสูบบุหรี่ต่อหน้าหลวงพ่อปัญญาฯ เพราะหลวงพ่อปัญญาฯเป็นพระมหาเถระรูปแรกของเมืองไทยที่สอนว่าพระสงฆ์ไม่ควรสูบบุหรี่เพราะบุหรี่ เป็น มัชชะ คือของเมาชนิดหนึ่ง แต่หลวงพ่อปัญญาฯท่านก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไรกับหลวงพ่อคูณเกี่ยวกับเรื่องบุหรี่ให้ท่านต้องเสียใจหรืออับอาย เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่คงทราบพิษภัยของบุหรี่ดีแล้วแต่ยังหยุดไม่ได้ ตอนนี้หลวงพ่อคูณก็หยุดสูบบุหรี่แล้ว หลวงพ่อคูนก็ศรัทธาหลวงพ่อปัญญฯทั้งที่แนวทางการปฏิบัติและเผยแผ่ธรรมะแตกต่างกัน ” ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ กล่าว

 

ท่านปัญญานันทะ เป็นสหายธรรมกับท่านพุทธทาสภิกขุ แห่งส่วนสวนโมกขพลาราม หรือวัดธารน้ำไหล อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี มีแนวทางในการเผยแพร่หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเหมือนกันคือไม่ยึดติดวัตถุและพิธีกรรมแต่ยึดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสรณะโดยสหายธรรมร่วมอธิษฐานแห่งสวนโมกข์ว่าจะมอบกายถวายชีวิตแก่พระรัตนตรัยจนวาระสุดท้าย มีทั้งหมดสามรูป คือท่านพุทธทาส , พระราชญาณกวี อดีตเจ้าคณะจังหวัดชุมพร เจ้าสำนักเรียนบาลีแนวหน้าของเมืองไทย และท่านปัญญานันทภิกขุ ซึ่งทั้งสามรูปต่างมรณภาพภายใต้ร่มกาสวาพัตรดังที่ได้ตั้งใจไว้ทั้งหมดแล้ว ในขณะที่กระแสความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ หรืออิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ยังผูกพันกับพุทธศาสนิกชนชาวไทยอย่างแยกไม่ออกนั้น ทำให้เกรงกันว่าการมรณภาพของหลวงพ่อปัญญาฯ จะส่งผลกระทบอย่างไรหรือไม่กับศาสนาพุทธในประเทศไทย ซึ่งศิษย์ของท่านปัญญาฯ กล่าวว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก เพราะกระแสไสยศาสตร์เป็นมายา วูบวาบไปมา ตามกระแสตลาด แต่พระพุทธศาสนาเป็นความจริงที่คงเป็นอย่างนั้นไม่หวั่นไหววูบวาบ เมื่อม่านเมฆถูกลมพัดผ่านไปท้องฟ้าจะยังคงแจ่มใสเหมือนเดิม

“ คนเคารพศรัทธาหลวงพ่อปัญญาฯเยอะมาก ดูจากงานศพของท่านซิ ท่านไม่ใช่พระเกจิก็จริง แต่คนมาร่วมเป็นหมื่นๆ แสดงว่าชาวพุทธจำนวนมากฟังท่านสอนและปฏิบัติตามที่ท่านสอนมานาน พระสงฆ์จำนวนมากเคารพเชื่อฟังท่าน นำเอาธรรมะที่ท่านสอนไปปฏิบัติ อย่างเข้มแข็งแต่ยังไม่แกร่ง ไม่มากพอที่จะทวนกระแสที่เชี่ยวกรากของสังคมบริโภคที่ถือความพอใจของผู้บิรโภคเป็นหลัก ซึ่งแม้แต่เรื่องศาสนาก็เอาความพอใจเป็นที่ตั้งมากกว่าความถูกต้อง

ลูกศิษย์ลูกหาของท่านทั้งที่เป็นพระสงฆ์และฆราวาสที่ออกไปทำงานกันอยู่ในจังหวัดต่างๆของประเทศไทยมีมากมาย

ขอเพียงแต่อย่าหวั่นไหวไปตามกระแสแห่งโลกาภิวัตน์ ที่มีโลภะ โทสะ และโมหะนำเท่านั้น ตั้งใจปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านเน้นย้ำเสมอว่า ชาวพุทธที่แท้ต้องนับถือ คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ไม่ควรเป็นชาวพุทธหลายใจมีเหตุการณ์ใดๆเข้ามาสู่ชีวิต หรือพบวิกฤตใดๆในชีวิตครอบครัวหรือสังคมก็ตั้งใจให้มั่นคง ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นหลักในการผ่าวิกฤตแห่งชีวิต

เพราะฉะนั้น เวลามีปรากฎการณ์แปลกๆผ่านมา เช่น กระแสจาตุคามรามเทพที่ไหลเชี่ยวกรากผ่านสังคมไทย ชาวพุทธจำนวนมากอาจจะซวนเซเสียหลัก บ้างก็ลื่นไถลล้มไปบ้าง หน้ามืดตามัวไปชั่วคราว เมื่อฝุ่นตลบแห่งจตุคามผ่านไป ก็กลับมาคลำหัวใจดูซิว่า พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ยังอยู่กับเราหรือไม่ ถ้าหายไปประคองใจให้สงบ นิมนต์กลับมาใหม่ง่ายๆ ไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่ต้องปลุเสก พระอาทิตย์ไม่ต้องทรงกลด เพียงแต่ทำจิตให้สงบน้อมรำลึกถึงพระคุณของ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ที่เคยมีแต่หนหลัง พระรัตนตรัยก็ปรากฏที่กายวาจาและใจเหมือนเดิม

 

พวกเราพระรุ่นใหม่ คงไม่มี อำนาจบารมีใดๆไปว่ากล่าวตักเตือนใครให้เชื่อฟังอย่างที่หลวงพ่อปัญญาฯท่านเทศน์แรงๆแต่ผู้ฟังนั่งอมยิ้มยิ้ม เหมือนฟังพ่อหรือปู่เตือน ถือเป็นมงคลชีวิต แต่จะทำหน้าที่ถ่ายทอดพุทธธรรมที่มีพระรัตนตรัยเป็นหลักให้พุทธบริษัทเข้าใจอย่างถูกต้อง ว่าพระคุณของพระรัตนตรัยเป็นอย่างไร เข้าถึงอย่างไร พึ่งได้อย่างไร ผลจากการพึ่งพระรัตนตรัยเป็นอย่างไร สงบร่มเย็นแค่ไหน

สิ่งที่พระสงฆ์ทุกรุ่น จะต้องตระหนักเหมือนกันคือ เมื่อได้ทราบว่า การประกอบไสยศาสตร์ทุกรูปแบบ โหราศาสตร์ การจัดงานรื่นเริงในวัด ความหรูหราฟุ่มเฟือย หรือการทำมาค้าขายในวัด เป็นการขัดกับหลักของพระธรรมวินัย ก็ช่วยกันยุติการกระทำโดยเด็ดขาดหรือจะรอปรับตัวสักระยะหนึ่งก็สุดแล้วแต่ จนกว่าจะพร้อมและยุติเด็ดขาดในที่สุด ก็ถือว่าได้ช่วยกันปฏิบัติพระพุทธศาสนาในสาระสำคัญจุดหนึ่งแล้ว ”

 

ดร.พระมหาจรรยา กล่าวด้วยว่า ทุกๆ คนปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านปัญญาฯสอนได้ โดยเริ่มปฏิบัติที่ตัวเราก่อน อาตมาเองมีความเคารพศรัทธาในหลวงพ่อทั้งอุดมการณ์ การประพฤติพรหมจรรย์อย่างมอบกายถวายชีวิต ไม่ว่าจะไปปฏิบัติศาสนกิจที่ไหนได้ปฏิบัติตามอุดมการณ์ณ์ของหลวงพ่ออย่างเต็มสติกำลัง วัดที่อาตมาเป็นเจ้าอาวาส ต้องไม่มีไสยศาสตร์ ไม่มีโหราศาตร์ ไม่จัดงานสนุกสนานรื่นเริงใดๆภายในวัด หรือแปลงวัดเป็นสถานบันเทิงเพื่อหาเงินเข้าวัดอย่างเด็ดขาด วัดต้องเป็นสถานที่สงบ เป็นที่สถิตแห่งพระธรรม นี้คือสิ่งที่ทำมาตลอด ตามแนวทางที่หลวงพ่อปัญญานันทะวางไว้ทุกประการ

“ ต้องยกเลิกระบบ คุณน่ะทำ (ออกเสียงเหมือนคุณธรรม) คุณน่ะทำ ผมไม่ ต้องทำ แต่ขอให้เปลี่ยนเป็นระบบช่วยๆกันทำถึงจะเจริญก้าวหน้า ที่ผ่านมาเป็นระบบคุณน่ะทำทั้งหมด เช่นการเลือกตั้ง ก็บอกว่าคุณอย่าซื้อเสียง คุณอย่าขายเสียง แล้วผมล่ะ ไม่แน่ใจ ต้องฟันธงว่า แน่นอน คือเราพูดถึงคุณทั้งหมด แต่ไม่ได้เริ่มที่ผม ที่ตัวเอง ถ้าทุกคน ลงมือทำดีพร้อมกัน หกสิบล้านคน ก็หกสิบล้านดี หกสิบล้านไม่ขายเสียง แต่นักเลือกตั้งอย่าหลงซื้อเสียงอยู่อีกละ ต้องทำด้วย ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงได้ สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีได้ ชีวิตจิตใจของเราก็เปลี่ยนจากความวุ่นวายสู่ความสงบได้ ภาพพจน์ของพระพุทธศาสนาที่มีรอยด่างเปลี่ยนเป็นพระพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ผุดผ่องได้ด้วยหัวใจที่ตั้งมั่นร่วมใจกันลงมือกระทำ ” เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญากล่าวในที่สุด.

 

*ขอเชิญร่วมงานรำลึกถึง....หลวงพ่อปัญญานันทะมรณภาพครบ 50 วัน สัมมนาผลงานและชีวิต เกาะติดทุกอุดมการณ์ของหลวงพ่อปัญญานันทะ วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม 2550 เวลา 10.00-16.00 น. ที่กริฟฟิตพาร์ค เพื่อเป็นการบูชาคุณธรรมของท่าน ด้วยการร่วมปฏิบัติธรรมและให้ธรรมทาน อันเป็นทานที่เลิศกว่า ทานทั้งปวง ทางวัดของดรับริจาคเงินหนึ่งวัน ”

 

© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple