15.งานกับความสุข
ั้ หลวงพ่อปัญญานันทะเคยกล่าวถ้อยคำสำคัญเอาไว้ว่า งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข ทำงานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน แม้จะเป็นคำที่หลวงพ่อผู้ทรงศีล ทรงธรรม ทรงความรู้ ครบถ้วนรอบด้านเป็นผู้กล่าว แต่ก็มีคนตั้งคำถามในใจเสมอว่า การทำงาน ทั้งหนัก ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด จะเป็นสุขได้อย่างไร
คนที่ตั้งคำถาม ก็ตั้งคำถามได้ถูกต้อง ไม่มีผิดเพี้ยนแต่อย่างใด เพราะทุกคนเชื่อกันว่า การทำงานนั้นหนักเหนื่อย การไม่ต้องทำอะไรเลยแต่มีชีวิตอยู่ได้เป็นเรื่องที่ดีที่คนจำนวนมากปรารถนา ดังคำที่ว่า เกิดมานั่งกิน นอนกิน สมบูรณ์พูนสุข
แต่หากมองอีกมุมหนึ่งให้เห็นอย่างรอบด้านจะพบว่า คนเกษียณอายุก็ตาม วัยรุ่นวัยเรียนที่ไม่ต้องทำงานก็ตาม กลับบ่นว่า เหงา ว้าเหว่ เปล่าเปลี่ยว และเครียด จึงต้องหาทางคลายเครียดด้วยการเที่ยว เล่น เสพยาเสพติด สนุกสนาน รื่นเริง ตามสถานบันเทิงจึงเต็มไปด้วยคนที่ไม่ได้ทำงาน
เมื่อพูดถึงงาน เรามักจะคิดไปถึงงานที่ทำแล้วได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือน เป็นเงินวันหรือเป็นเงินชั่วโมง แต่ไม่มองไปว่า แม้แต่งานที่ไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนก็ทำให้มีความสุขได้ เราได้เห็นผู้สูงอายุหลายๆท่านที่เกษียณอายุจากงานประจำแล้ว ก็หางานอาสาสมัครตามที่ต่างๆทำ เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถที่ตนเองมีอยู่ให้เกิดประโยชน์ อย่างเต็มความสามารถ เป็นการสร้างความภูมิใจให้กับตนเอง
ความปีติอิ่มอกอิ่มใจ เป็นยาชูกำลังใจที่สำคัญ ที่ทุกคนจะพึงมีเพื่อเป็นพลังในการก้าวเดินไปในชีวิตประจำวันอย่างสดชื่น
เราจะได้ความปีติยินดีมาจากไหนบ้าง
เท่าที่เราทราบๆกันอยู่ทุกวันนี้ เรามักจะรอความปีติ ประจำเดือน ประจำปี หรือหลายๆปี เช่นรอคอยความปีติ วันที่เงินเดือนออก รอความปีติในวันที่เจ้านายประกาศเกียรติคุณ หรือรอวันประกวดผลงานในรอบปี ระหว่างรออยู่นี้ จิตใจก็เหี่ยวแห้ง หม่นหมอง ไปตลอดเวลา เพราะการรอคอยหรือปรุงแต่งด้วยจิตใจที่แห้งผากขาดน้ำหล่อเลี้ยง เป็นที่มาของความระทมทุกข์
สำหรับผู้ที่มองการทำงานว่า งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข ทำงานให้สนุกเป็นสุขเมื่อทำงานนั้น จะสร้างความปลาบปลื้มขึ้นมาด้วยตนเองจากภายใน ไม่ต้องไปรับสิ่งเร้าหรือกระตุ้นจากภายนอก โดยการเก็บเกี่ยวความสุขในระยะสั้นทุกๆครั้งที่ทำงาน
ก่อนที่จะทำงานก็ภูมิใจว่า ดีหนอ เรามีโอกาสได้ทำงาน เพราะงานเป็นที่มาของการแสดงความรู้ ความสามารถ ได้ใช้กำลังกาย กำลังใจ กำลังสมองอย่างครบครัน ได้ใช้ชีวิตนี้อย่างมีประโยชน์ แค่คิดอย่างนี้ก็รับความชื่นใจไปส่วนหนึ่ง
เมื่อต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น ได้รับความรู้ได้รับประสบการณ์ในการทำงาน เพิ่มขึ้นก็ภูมิใจได้ว่า ชีวิตมีค่าขึ้นทุกวัน แค่คิดอย่างนี้ก็รับความชื่นใจไปได้อีกไม่น้อย
การทำงาร่วมกับผู้อื่น ทำให้เกิดความอบอุ่นเพราะไม่ต้องอยู่คนเดียวด้วยความเหงาหรือว้าแหว่ ต้องขอขอบคุณที่มีงานให้ทำจะได้ไม่เหงา
ขณะที่ทำงานไปในแต่ละขั้นตอนก็เก็บเกี่ยวความสุขไปทุกขั้นตอน ไม่ปล่อยผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ ภาคภูมิใจกับความสำเร็จของงานในหน่วยแม้น้อยนิด เช่นในการทำอาหารจานหนึ่ง ขณะที่หั่นผัก ก็จงภูมิใจในงานหั่นผักที่ได้รับมอบหมาย ขณะที่กำลังหั่นผักเสร็จไปแต่ละขณะก็พอใจที่ทำสำเร็จ เมื่อเสร็จกระบวนการหั่นผักทั้งหมด ก็จะได้รับความสุขเป็นรางวัลมากมาย เมื่อนำผักไปเข้ากระบวนการอาหาร มีอีกกี่ขั้นตอน เมื่อแต่ละขั้นตอนเสร็จสิ้นลงก็รับความสุขไปตลอดเวลา
เวลาที่ทำงานต้องเผชิญกับความยากนานนับประการ ความยากของงานคือสะพานแห่งความสนุก เมื่อเกิดปัญหาครั้งหนึ่งก็แก้ไขครั้งหนึ่ง กระบวนการแก้ไขปัญหายิ่งยาก สลับซับซ้อน ยิ่งท้าทาย ยิ่งสนุก
งานที่ทำได้อย่างราบรื่นเป็นงานที่มีความสุข งานที่ต้องตื่นเต้นท้าทายคล้ายเล่นเกมส์เป็นงานที่สนุก ความสุขกับความสนุกจึงมาพร้อมๆกันในงานนั้น ท่านอาจารย์พุทธทาสกล่าวไว้ว่า สุขแท้มีแต่ในงาน และท่านยังกล่าวอีกว่า การทำงานคือการปฏิบัติธรรม
การทำงานจึงเป็นการพัฒนาตนเองให้เข้าถึงธรรมอีกทางหนึ่ง เพราะการทำงานทุกชนิดต้องอาศัยธรรมะทั้งสิ้นจึงสำเร็จ ธรรมะที่เห็นๆกันชัดก็คือ ความขยันต้องลงไปในทุกงาน การเอาใจใส่ต้องมีทุกขั้นตอน ความจริงจังกับการทำงานต้องมีอย่างพอเพียง ความอดทนยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี สติต้องใช้ตลอดเวลา ปัญญาต้องนำมาใช้ทุกครั้งบที่มีปัญหา สมาธิคือความตั้งใจเป็นแกนแห่งงานที่สำคัญที่ต้องวางไว้เป็นรากฐานที่แสนจะมั่นคง
งานทุกชนิดจึงสำเร็จด้วยพระธรรมที่มีอยู่ในตัวมนุษย์งานทุกคน
ความภูมิใจสูงสุดของชาวพุทธเมื่อทำงานก็อยู่ที่ว่า การทำงานคือการปฏิบัติธรรมไปด้วย ผลจากงานเป็นทรัพย์สินมาเลี้ยงชีวิต แต่ธรรมะที่มีอยู่ตลอดเวลาที่ทำงานจะเป็นอาหารและน้ำหล่อเลี้ยงใจให้ชุ่มชื่นเบิกบาน เป็นสุขสำราญในงานที่ทำตลอดเวลา หากเข้าใจงานในทุกมิติก็จะพบว่า สุขแท้มีแต่ในงานจริงๆ
© วัดพุทธปัญญา -แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา :: © Copyright 2008 Buddhapanya Temple