เผยแผ่พุทธธรรมที่วัดพุทธธรรม
อาตมาเริ่มปฏิบัติหน้าที่เจ้าอาวาสวัดพุทธธรรม เมืองวิลโลบรูค รัฐอิลลินอยส์ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 เนื่องจากถูกพิษไข้หวัดเล่นงานหนักไปจากรัฐเคลิฟอร์เนียจึงต้องพักรักษาตัวอยู่สามวันเต็ม
ระหว่างนี้ก็ได้ให้คำปรึกษาพระสงฆ์ที่อยู่ด้วย 2 รูป คือพระมหาฐปกรณ์ โฆสธมฺโม และพระครูสมุห์ธรรมวัฒน์ ธมฺมวฑฺฒโน เกี่ยวกับเรื่องการจัดงานรำลึกถึงคุณูปการะ ของ หลวงพ่อพุทธทาสและหลวงพ่อปัญญานันทะในวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2558 ซึ่งท่านทั้งสองและชาววัดพุทธธรรมได้ช่วยกันคนละไม้ละมือ จนการเตรียมงานทั้งด้านการประชาสัมพันธ์ อาคารสถานที่ อันเป็นหัวใจสำคัญของการจัดงานสำเร็จลงด้วยความเรียบร้อย
ทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2558 พุทธศาสนิกชนทะยอยกันมาร่วมงานมากหน้าหลายตา คณะกรรมการทำหน้าที่รับแขกกันด้วยไมตรี ยินดีต้อนรับผู้มาร่วมกิจกรรมทุกคน เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ 10.30 น. เริ่มทำวัตรสวดมนต์แปล กรวดน้ำ แผ่เมตตา กล่าวคำถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเพล และรับประทานอาหารร่วมกัน
บรรยากาศในการรับประทานอาหารอบอวลไปด้วยมิตรภาพ ชาววัดพุทธธรรมหลายคนที่มีภาระธุระหายหน้าหายตาไปจากวัดได้ถือโอกาสนี้มาร่วมงานแห่งการรำลึกถึงคุณูปการะของหลวงพ่อผู้เป็นนักปราชญ์ที่มีต่อพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวโลก อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เวลา 13.00 น. การอภิปรายธรรมภาคบ่ายเรื่อง คุณูปการะของหลวงพ่อพุทธทาสและหลวงพ่อปัญญานันทะที่มีต่อชาวไทยและชาวโลก เริ่มด้วย คุณหมอชูศักดิ์ ลัดพลี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย พุทธศาสนิกชนชาววัดพุทธธรรมร่วมกันวางดอกไม้หน้าภาพและกราบแสดงความเคารพรำลึกถึงคุณูปการะ ในขณะนั้น คุณสันทนา ทองใหญ่ได้ขับเสภา ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จการวางดอกไม้
พุทธศาสนิกชนกลับมานั่งพร้อมกันที่นั่งเดิม พระมหาฐปกรณ์ โฆสธมฺโม อ่านประวัติของหลวงพ่อพุทธทาส พระครูสมุห์ธรรมวัฒน์ ธมฺมวฑฺฒโน อ่านประวัติหลวงพ่อปัญญานันทะ ทั้งสองท่านอ่านประวัติจบแล้ว ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ แสดงปาฐกถาธรรมเรื่องคุณูปการะที่หลวง พ่อพุทธทาสและหลวงพ่อปัญญานันทะมีต่อชาวพุทธและชาวโลกโดยนำเอาปณิธานสามประการของหลวงพ่อพุทธทาสเป็นแนวทางสำคัญในการปาฐกถา
ปณิธานสามประการคือ
- เข้าถึงหัวใจศาสนาของตนของตน
- ให้ความร่วมมือกันระหว่างศาสนา
- นำตนออกมาเสียจากอำนาจของวัตถุนิยม
ส่วนคณูปการะของหลวงพ่อปัญญานันทะ ก็บรรยายตามแนวทางแห่งหลักใจของท่าน 5 ประการคือ
- ร่างกายชีวิตของข้าพเจ้าเป็นของพระรัตนตรัย ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระรัตนตรัยอย่างสมบูรณ์
- ความมุ่งหมายของข้าพเจ้าอยู่ที่การประกาศคำสอนที่แท้ของพุทธศาสนา ข้าพเจ้าจึงกล้าประกาศความจริง ทุกกาลเทศะ
- ข้าพเจ้าจักต้องสู้ทุกวิถีทาง เพื่อทำลายสิ่งเหลวไหลในพุทธศาสนา นำความเข้าใจถูกต้องมาให้แก่ชาวพุทธ
- ข้าพเจ้าไม่ต้องการอะไรเป็นส่วนตัว นอกจากปัจจัยสี่พอเลี้ยงอัตภาพเท่านั้น ผลประโยชน์อันใดที่เกิดจากงานข้าพเจ้า สิ่งนั้นเป็นของงานที่เป็นส่วนรวมต่อไป
- ข้าพเจ้าถือว่าคนประพฤติชอบตามหลักธรรมเป็นเพื่อนของข้าพเจ้านอกจากนี้ไม่ใช่
ใช้เวลาบรรยายธรรมร่วมสองชั่วโมงท่ามกลางพุทธศาสนิกชนที่ตั้งใจฟังธรรมด้วย ความสนใจ มีความรื่นเริงบันเทิงในธรรมยิ่งนัก เมื่อจบการปาฐกถาธรรมแล้วอุบาสิกาท่านหนึ่งมาแสดงความรู้สึกต่อการฟังธรรมครั้งนี้ว่า ในชีวิตไม่เคยได้ฟังธรรมยาวนานอย่างนี้มาก่อน คิดว่าถ้าฟังนานต้องเฝ้าเทวดาบนฟ้าแน่นอน พูดง่ายๆ ว่าหลับ แต่ฟังไปเพลินๆ ก็จบจนได้ ภูมิใจมากๆ ๆ ปลื้มมากๆ คงได้บุญมากนะ
อาตมาเลยตอบว่า แค่มานั่งฟังธรรมก็ขอบคุณยิ่งแล้ว แต่ฟังแล้วยังบูชาธรรมด้วยลูกยอก็ต้องรับไว้ด้วยความอนุโมทนายิ่งแล้ว
จบรายการธรรมะแล้วทุกคนกลับบ้านด้วยความอิ่มบุญพร้อมกับสัญญาว่าจะมาพบกันใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2558 อันเป็นวันวิสาขบูชาน้อมรำลึกถึงวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สัปดาห์หนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะเป็นสัปดาห์แห่งการเตรียมงานวันวิสาขบูชา แม้พระสงฆ์จะมีจำนวนน้อย พุทธบริษัทที่อาสามาเตรียมงานก็มีไม่มาก แต่ท่านที่มีจิตอาสาจริงๆ แม้มีงานรัดตัวทุกวันก็ปลีกตัวมาช่วยงานวันละเล็กวันละน้อยจนงานเสร็จเรียบร้อยด้วยดี
วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2558 พุทธศาสนิกชนเริ่มทะยอยเดินทางเข้ามาวัดไม่ขาดสาย หลายๆ ท่านบอกว่าห่างหายจากวัดไปหลายปี วันนี้ดีใจที่กลับมาอีกครั้ง แล้วคราวหน้าจะมาเรื่อยๆ ถ้ามีเวลา จึงขอบคุณที่ท่านคิดถึงวัดแล้วพากันมาทำบุญที่วัดในวันสำคัญเช่นนี้ ขอให้ถือเสียว่ามาเพื่อร่วมกันบูชาพระพุทธเจ้าด้วยกัน
อาตมารับแขกทักทายเกือบทุกท่านที่เดินทางมาร่วมงาน เมื่อใกล้เวลาทำวัตรสวดมนต์แปลซึ่งจะเริ่มเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันนี้เริ่มเร็วหน่อยเพราะตามปกติธรรมดาจะเริ่มเวลา 10.30 น. เพื่อจะได้มีเวลาทำกิจกรรมหลายๆ อย่างในช่วงเช้าที่มีเวลาแสนจำกัด
เมื่อเดินเข้ามาที่พระอุโบสถวัดพุทธธรรม พบว่าที่นั่งในพระอุโบสถเต็มเกือบจะทุก ที่นั่ง ญาติโยมที่เห็นพระสงฆ์เดินผ่านต่างพากันยกมือไหว้ทักทายอย่างเป็นกันเอง แต่จริงๆ ก็เป็นกันเองเพราะเราทั้งหลายล้วนเป็นญาติธรรมด้วยกันทั้งนั้น
การทำวัตรเช้าวันนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นกว่าทุกๆ วัน เพราะตามปกติทำวัตรเช้ากันสามรูปเพราะวัดมีพระภิกษุสงฆ์แค่สามรูป แต่วันนี้มีอุบาสกอุบาสิกามาร่วมสวดมนต์ประสานเสียงกันเป็นจำนวน100 กว่าคน ใครได้ยินแล้วล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไพเราะจับใจ
สวดมนต์ทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว อุบาสกและอุบาสิกาอาราธนาศีล 5 อาตมาทำหน้าที่ กล่าวนำอุบาสกและอุบาสิกาสมาทานศีล จบแล้วอุบาสกอุบาสิกาพากันอาราธนาธรรม อาตมาแสดงธรรมสิบนาที เรื่องธรามะสำคัญของเจ้าชายสิทธัตถะที่จะนำมาปฏิบัติได้ คือท่านอยู่ใกล้ใคร คนนั้นก็เย็นอกเย็นใจได้เพราะท่านมีแต่ความเมตตากรุณาหาประมาณมิได้
แสดงธรรมจบแล้ว เป็นพิธีมอบตราตั้งและพัดยศพระครูสมุห์ธรรมวัฒน์ ธมฺมวฑฺฒโน ฐานานุกรมของพระราชธรรมเวที จากวัดราชโอรสารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร โดยพระราชธรรมเวทีเป็นผู้มอบให้ด้วยตัวท่านเอง
เสร็จพิธีแล้วท่านได้ให้โอวาทเรื่องความรู้รักสามัคคีเป็นวิถีแห่งความเจริญของวัดวาอารามและสังคม รวมถึงประเทศชาติบ้านเมือง
ต่อมาพุทธศาสนิกชนจึงพากันกล่าวคำถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ เมื่อเสร็จแล้วจึงกราวดน้ำรับพร อาตมานำพุทธศาสนิกชนกล่าวคำบูชาดอกไม้ธูปเทียน จบแล้วจึงพากัน เดินออกมาจากพระอุโบสถมุ่งสู่ห้องอเนกประสงค์เพื่อเวียนเทียนร่วมกัน โดยมีอาตมาเป็นต้นเสียงสวดอิติปิโสหลายจบ เสียงการสรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้าดังก้องได้ยินไปไกลเป็นเสียงที่ไพเราะจับใจเยือกเย็น
การเวียนเทียนรอบองค์พระปฏิมาในห้องโถงใหญ่ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยสวยงาม ได้เห็นแล้วรู้สึกชุ่มชื่นในหัวใจจริงๆ
จากนั้นพระสงฆ์ออกรับอาหารบิณฑบาตแล้วฉันภัตตาหารเพล โดยที่ผู้ร่วมงาน ได้รับประทานอาหารไปพร้อมๆ กันอย่างมีความสุข แบ่งปันอาหารที่นำมาจากบ้านให้แก่กันและกันเป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่สำคัญ แม้แต่การสนทนาด้วยภาษาประจำถิ่นของแต่ละท่านก็คือการแสดงทางวัฒนธรรมเช่นกัน
รับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว จึงพากันช่วยงานเก็บกวาดจัดโต๊ะเก้าอี้ให้อยู่เป็นที่เป็นทาง เป็นบุญที่เรียกว่าเวยยาวัจจมัย แปลว่าบุญสำเร็จด้วยความขวนขวายในการช่วยเหลือ เข้ากับคติว่า ร่วมมือ ร่วมแรงและร่วมใจ
เวลาบ่ายโมงพุทธศาสนิกชนพร้อมเพรียงกันที่พระอุโบสถเพื่อร่วมกันฟังอภิปรายเรื่องพุทธสดุดี ซึ่งแปลว่า การสดุดีหรือยกย่องสรรเสริญพระพุทธเจ้า โดยมีแนวคิดหลักว่าพระสงฆ์รูปใดประทับใจพระพุทธเจ้าในส่วนใดบ้างก็อภิปรายเรื่องนั้นจากใจ
เริ่มต้นที่พระราชธรรมเวที ท่านมีความประทับใจพระพุทธเจ้าในพระวิริยะบารมีกล่าวคือ พระพุทธเจ้าได้เริ่มตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าตั้งแต่สมัยที่เป็นสุเมธดาบสได้ตั้งความปรารถนาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ทีปังกร จากวันนั้นจนถึงวันที่ตรัสรู้ใช้เวลาถึงสี่อสงไขย กำไรแสนกัปป์ นับว่าต้องทรงมีความเพียรพยายามอย่างต่อเนื่อง ทุกชาติที่เกิดมาตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าต่อไป เพราะเหตุที่พระองค์มีความพากเพียรมากมายเช่นนี้ จึงได้รับการขนานพระนามว่า พระมหาวีโร
พระมหาฐปกรณ์ได้อภิปรายเป็นท่านต่อมาโดยท่านเปิดการอภิปรายว่า วันนี้ทุกคนยิ้มแล้วหรือยัง เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากที่ประชุมได้เป็นอย่างดี นับเป็นการคืนความสุขให้แก่ประชาชนอย่างฉับพลันทันด่วนก็ว่าได้ ต่อจากนั้นท่านประทับใจพระพุทธเจ้าที่ได้นำเอาหลักอริยสัจสี่มาสอนเพราะสอนเรื่องความไม่มีทุกข์ เมื่อทุกข์เกิดอย่ามองข้ามต้องกำหนดรู้ ทุกข์ทั้งหลายเกิดมาแต่เหตุ เมื่อเหตุแห่งทุกข์ไม่เกิด ทุกข์ก็ไม่เกิด การทำความระมัดระวัง สำรวมอิทรีย์ขณะที่มีผัสสะมิให้เกิดเวทนาเรียกว่า มรรค ก็ทางแห่งความดับทุกข์ เมื่อปฏิบัติมรรคถูกต้องตลอดเวลาก็ไม่มีทุกข์เกิด คือนิโรธ นั่นเอง ท่านจึงบอกว่าท่านรักพระพุทธเจ้าเพราะท่านชี้ทางดับเพลิงกิเลสและเพลิงทุกข์ให้เราอย่างสิ้นเชิงจนไม่มีทุกข์เหลืออีกพระพุทธเจ้าเป็นจึงเป็นผู้นำโชคสู่มวลมนุษย์เพราะไม่มีโชคใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่า การเข้าใจธรรม การเข้าถึงธรรม การรู้แจ้งในธรรมจนไม่มีทุกข์
พระครูสมุห์ธรรมวัฒน์ ธมฺมวฑฺฒโน ได้แปลพระพุทธคุณให้ญาติโยมได้ฟังว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์
พระคุณเหล่านี้ล้วนเป็นที่น่าประทับใจยิ่งและสามารถนำมาเป็นแนวทางแห่งการดำเนินชีวิตได้
ส่วนอาตมาสรุปเป็นคนสุดท้ายมีความประทับใจพระพุทธเจ้าในพระมหากรุณาธิคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระปัญญาคุณ ของพระพุทธเจ้ายิ่งนัก แต่ที่รู้สึกว่าประทับใจพิเศษจริงๆ คือพระมหากรุณาธิคุณที่มีอย่างเต็มเปี่ยมของพระองค์พิจารณาพระพุทธกิจใดที่เป็นไปเพื่อส่งเสริมพระมหากรุณาธิคุณแล้วล้วนประทับใจนัก พระองค์จะตื่นบรรทมเวลาเช้าตรู่ทุกวันแล้วทรงแผ่ข่ายพระญาณออกไปตรวจดูว่า วันนี้ใครมีความทุกข์ที่สุดแล้วพระองค์จะเสด็จไปทันที เส้นทางที่พระองค์เสด็จไปจะทุกข์ยากลำบากเพียงใด ไกลแค่ไหนก็เสด็จไปเพื่อช่วยให้ผู้มีทุกข์ทั้งหลายได้พ้นจากทุกข์สิ้นเชิงหรือระงับทุกข์ได้ในเบื้องต้นและพัฒนาไปสู่คุณธรรมเบื้องสูงต่อไป
เนื่องจากเวลามีจำกัดแต่อัดแน่นไปด้วยสาระการอภิปรายดำเนินไปจนถึงเวลา 15.10 น.จึงได้ปิดการอภิปรายเรื่อง พุทธสดุดี อันเป็นกิจกรรมหลักของการเฉลิมฉลองงานวิสาขบูชาของวัดพุทธธรรมในปีนี้
เมื่อจบการอภิปรายมีผู้ฟังยังนั่งอยู่เต็มห้องจึงได้เชิญชวนถ่ายภาพหมู่ไว้เป็นที่ระลึก การที่พุทธศาสนิกชนได้รวมตัวกันทำกิจกรรมเพื่อพระพุทธเจ้าเป็นจำนวนร้อยๆ คนแบบนี้ชี้ให้เห็นว่า ความเจริญของพระพุทธศาสนาของวัดก็ตาม ของชุมชนก็ตาม ของสังคมหรือของโลกจะเกิดขึ้นเมื่อชาวพุทธมารวมตัวกันปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทางกาย วาจาและใจ อย่างพร้อมเพรียงกันอย่างนี้
เพราะฉะนั้นการที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า ความเจริญหรือความเสื่อมของพระพุทธศาสนาขึ้นอยู่กับพุทธบริษัทนั้นเป็นจริง เมื่อไรพุทธบริษัทเปลี่ยนแปลงการทำชั่ว พูดชั่ว และคิดชั่ว ทางกาย วาจา และใจ เป็นการทำความดีทางกาย วาจาและใจ เมื่อนั้นพระพุทธศาสนาเจริญทันที มีการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ไหน ความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาก็เจริญที่นั่น
หากพวกเราทั้งหลายมีความเห็นตรงกัน มีความเข้าใจตรงกันตามนี้มาร่วมกันรังสรรค์พระพุทธศาสนาให้เจริญอย่างถูกทางเถิด
ขอแสดงความชื่นชมยินดีแสดงความขอบอกขอบใจที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายมาบูชาพระพุทธเจ้าด้วยปฏิบัติบูชาที่กายวาจาและใจ ทั่วทุกถิ่นที่ในโลกนี้ ขอความเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัวและหน้าที่การงาน ด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบประกอบด้วยธรรมทุกท่านทุกคนเทอญ
วันที่ 2 มิถุนายน 2558 เวลา 03.10 น.
วัดพุทธธรรม เมืองวิลโลบรูค รัฐอิลลินอยส์
ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ
เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า
www.buddhapanya.org & www.skytemple.org