จดหมายจากเมืองไทยฉบับที่ 2
เจริญพร ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
อาตมาเดินทางกลับเมืองไทย แล้วพักที่วัดปัญญานันทาราม คลองหก ปทุมธานี ถึงวันที่ 15 มกราคม 2558 ก็เดินทางไปเข้าอบรมที่วัดประสิทธิเวช ตำบลบางปลากด อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก
เมื่อฉันอาหารเช้าที่ลานหินโค้งวัดปัญญานันทารามแล้ว เวลา 8.30 น. เดินทางไปวัดประสิทธิเวชโดยรถเท็กซี่ การเดินทางสะดวกดีใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็ถึงวัดประ สิทธิเวช เส้นทางจากถนนใหญ่เข้าวัดทั้งสองข้างทางเป็นสถานที่จำหน่ายต้นไม้น้อยใหญ่มากมายหลายชนิด นักเลงต้นไม้เห็นแล้วต้องอดใจไม่ได้แน่ๆ ถนนเส้นนี้นอกจากมีต้นไม้ดอกไม้ประดับที่เขียวขจีและมีสีสันพันธุ์งามนานาชนิดแล้ว ยังมีเสาไฟฟ้าที่สวย งามไม่แพ้ถนนอักษะและจังหวัดสุพรรณบุรีทีเดียว
เมื่อเข้าถึงวัดก็ต้องตะลึงในความใหญ่โตของสิ่งก่อสร้างภายในวัด ซึ่งสิ่งอาคารแต่ละหลังและเครื่องใช้ไม้สอยแต่ละชิ้นบอกได้คำเดียวว่าอลังการงานสร้างจริงๆ
วัดนี้กว้างใหญ่ตั้งอยู่ในเนื้อที่หนึ่งร้อยกว่าไร่ แบ่งเป็นสองส่วน คือวัดดั้งเดิมซึ่งตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของถนนเป็นสถานที่พักของพระสงฆ์ เป็นศูนย์รวมแห่งกิจกรรมชุมชน เช่น ตลาดชุมชนที่ประชาชนพ่อค้าแม่ขายรายย่อยจะมาค้าขายอาหารและสินค้าต่างๆ ที่คนในชุมชนหรือนักท่องเที่ยว ต้องการซื้อ เป็นการสร้างเศรษฐกิจชุมชนอย่างดี ส่วนอีกฟากถนนหนึ่ง เป็นสถานที่ที่มีอาคารหลังใหญ่หลายหลังที่สร้างได้ใหญ่โตจริงๆ เช่นอาคารฝึกอบรมอเนกประสงค์ขนาดสองไร่ออกแบบหลังคาเรียบง่ายและประหยัด ตรงกลางเป็นที่ว่างพร้อมที่จะปรับใช้งานได้ตามประสงค์ ด้านข้างศาลาเป็นสถานที่พักมีห้องน้ำอยู่ภายใน แต่ละห้องพักได้เป็นสิบๆ คน อีกด้านหนึ่งเป็นสถานที่จัดอาหาร ส่วนห้องครัวและโรงอาหารยังมีอีกถัดจากอาคารหลังนั้นไป บรรจุคนได้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันคน ถัดจากนั้นยังมีอาคารอีกสองหลังใช้เป็นสถานที่พักอย่างเดียว
ได้เรียนถามท่านเจ้าอาวาสว่า อาคารเหล่านี้ทำประโยชน์อะไรบ้างคุ้มค่าไหม
เจ้าอาวาสท่านยิ้มและตอบว่า เกินคุ้มครับ เพราะใช้ประโยชน์เป็นอเนกจริงๆ การใช้สอยเบื้องต้นอุทิศให้ใช้งานคณะสงฆ์น้อยใหญ่ภายในจังหวัดนครนายกและภาค 12 งานคณะสงฆ์ใหญ่ๆ ที่ต้องการอาคารสถานที่ที่สะดวก เช่น งานอบรมพระวิปัสสนาจารย์คราวละ 400-500 รูป การสอบนักธรรมหรือบาลีคราวละ 200-300 รูป การตรวจนักธรรมของภาค 12 ซึ่งพระสงฆ์ที่มาร่วมตรวจคราวละร้อยขึ้นไป งานอบรมพระสังฆาธิการประจำปี
หรืองานคณะสงฆ์อื่นๆ เจ้าอาวาสยินดีต้อนรับด้วยความเมตตา ท่านฝึกชาวบ้านธรรมดา
ให้ผูกผ้า จัดน้ำปานะถวายพระ จัดอาหาร จัดสถานที่ได้อย่างคล่องแคล่วชำนาญสวยงามพร้อมเพรียง
งานราชการ นอกจากจะใช้สอยในงานคณะสงฆ์แล้ว ท่านยังอนุญาตให้หน่วยราช
การต่างๆ ได้เข้ามาใช้สอยอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นงานระดับชาติหรือระดับจังหวัด ทางวัดพร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา
นอกจากนี้งานที่ทำอยู่เป็นประจำคืองานค่ายคุณธรรม ซึ่งสามารถรับเยาวชนมาฝึกฝนคุณธรรมได้ครั้งละไม่ต่ำกว่าคราวละพันคน ตอนที่ไปอบรมพระอุปัชฌาย์นั้น ก็ เตรียมรับเยาวชนที่จะมาเข้าค่ายคุณธรรมและวิชาการอีกจำนวน 600 คน โดยทางวัดรับเลี้ยงอาหารเช้า เที่ยง เย็น เป็นเวลาสามวัน เจ้าอาวาสเล่าว่าครั้งแรก ครูมาขอใช้สถานที่แล้วบอกหลวงพ่อว่า งบประมาณน้อย แต่ครูอยากนำเด็กเข้าวัดฝึกฝนทั้งทางธรรมและวิชาการ ท่านจึงบอกว่าทางวัดช่วยเลี้ยงลูกหลานก็แล้วกัน นี่ก็คือประโยชน์ของอาคารขนาดสองไร่ ฟังท่านเล่าแล้วรู้สึกอนุโมทนายิ่ง
ราคาค่าก่อสร้างประมาณยี่สิบล้านบาท ค่าพรมที่ปูทั่วศาลาใหญ่ราคา 2 ล้าน นอกจากนี้เครื่องใช้ไม้สอยที่เป็นผลิตภัณฑ์ไม้อีกหลายชุด พูดได้คำเดียวว่า อลังการงาน
สร้างทีเดียว
อดสงสัยไม่ได้ว่า เงินจำนวนมหาศาลเหล่านี้ได้มาจากไหน อย่างไร เพราะเมื่อ
ก่อสร้างเสร็จแล้วต้องบำรุงรักษา ต้องตกแต่งสวน ค่าน้ำ ค่าไฟสารพัด
ท่านเล่าว่า ค่าใช้จ่ายเฉพาะคนงานเดือนละล้านกว่า เพื่อให้คนยากคนจนแถวนี้ได้มีงานทำ มีเงินยังชีพ จำนวนคนงานในวัดทุกแผนกรวมแล้ว 100 กว่าคน ท่านสร้างงานให้คนแถบนี้มีอยู่มีกินมีสถานะมั่นคงได้มากกว่าหน่วยงานราชการท้องถิ่น เช่น องค์การบริ-
หารส่วนตำบล ทำให้เงินหมุนเวียนมากมาย
วัดของท่านรัฐบาลไม่ต้องถวายงบประมาณ แต่เงินเหล่านี้มาจากพลังศรัทธาของประชาชนทั้งในจังหวัดนครนายก ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานครที่หลั่งไหลมาอาบน้ำมนต์และเจิมรถ เสริมดวงชะตาราศรี แต่ละวันมีประชาชนมาใช้บริการด้านนี้กับท่านไม่ต่ำกว่า พันคน วันเสาร์อาทิตย์ไม่ต่ำกว่าห้าพันคน ประชาชนเหล่านี้ล้วนถวายปัจจัย บำ-
รุงวัดามศรัทธา แม่ครัวที่วัดเล่าให้ฟังว่า ตอนสวดมนต์ข้ามคืน หนึ่งวัหนึ่งคืนมีเงินบริจาคเข้าวัดถึงสามล้านบาท ทางครัวก็จัดข้าวต้มเลี้ยงฟรีแก่คนที่มาร่วมงาน 9 หม้อใหญ่ๆ
เงินมากมายที่ไหลเข้าวัดนี้นำไปสร้างวัด สร้างคน สร้างชุมชน สร้างงาน สร้างจิตใจ พร้อมกันไป ประชาชนที่ไปเยี่ยมวัดได้เห็นประจักษ์ ก็ยิ่งศรัทธาบริจาคไปด้วยความเต็มใจไม่เสียดาย เพราะท่านนำไปใช้จ่ายในด้านต่างๆ เป็นที่ประจักษ์ บางทีคนที่มีเงินมากๆๆ เหลือใช้เหลือจ่ายก็นำเงินมาบริจาคให้ท่านคราวละมาก
ๆๆ เพื่อนำไปสนับสนุนกิจกรรมเยาวชนและชุมชนอย่างสะดวกคล่องตัว
นับเป็นผู้นำทางศาสนาที่ทำหน้าที่อยู่ในชุมชนได้อย่างกลมกลืนมองเห็นถึงการพึ่งพากันระหว่างบ้านกับวัดทั้งด้านวัตถุและจิตใจได้อย่างชัดเจน ประชาชนสนับสนุนทางวัตถุ พระสงฆ์ช่วยเสริมพลังใจ ให้มีกำลังใจในการทำงานต่อไป
สิ่งที่น่าสนใจในวงการพุทธศาสนิกชนก็คือ ขณะที่ชาวพุทธระดับหนึ่งในโลกออน
ไลน์ที่ใช้สื่อได้อย่างทันสมัย หันมาสนใจศึกษาพระไตรปิฎกกันอย่างมากมาย บางกลุ่ม
ก็โต้แย้งกันเรื่องพระธรรมวินัยในเชิงวิชาการอย่างเผ็ดร้อน มีการแยกแยะกันว่าอะไรคือ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อะไรคือคำสอนแท้แต่ดั้งเดิม อะไรคือคำสอนแต่งใหม่ จะ
ภาวนาแบบไหนดี
แต่พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ ยังให้ความสนใจศรัทธาเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์และโหราศาสตร์ในวัดพุทธศาสนาอย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว ไม่เปลี่ยนแปลง ข้อมูลข่าวสารทางสื่อและการศึกษาวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไม่สามารถเปลี่ยนความเชื่อถือที่มีมาแต่โบราณได้มากนัก
สังเกตดูว่า วัดที่มุ่งเน้นไปทางวิชาการหรือวิปัสสนากัมมัฏฐานที่จะมีคนสนใจกันอย่างมืดฟ้ามัวดินแบบวัดที่มีไสยศาสตร์และโหราศาสตร์นั้นมีน้อยนัก
บุคลิกของท่านเจ้าอาวาสไม่ใช่จอมขมังเวทย์ที่ขรึมขลัง ท่านเป็นพระที่มีบุคลิกอ่อน
โยน ใจดี มีสังคหวัตถุ คือ ทาน การให้ ปิยวาจา พูดจาไพเราะ อัตถจริยา บำเพ็ญประโยชน์ และสมนัตตา เป็นกันเอง ไม่ถือตัว ครบถ้วนสามารถสัมผัสได้
การที่พุทธศาสนิกชนและพระสงฆ์ล้วนมีศรัทธาเลื่อมใสในท่านมากมาย ก็เพราะท่านตั้งมั่นในธรรมด้วย ถ้าท่านเป็นแค่จอมขมังเวทย์แฝงกายในพุทธศาสนาตักตวงผล ประโยชน์เข้าหาตนและพวกพ้องเพียงอย่างเดียว คงไม่มีใครศรัทธาเลื่อมใสขนาดนี้
แม้การรดน้ำมนต์และการอาบน้ำมนต์จะทำได้ง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อนมาก แต่ถ้าไม่มี คุณธรรมด้านอื่นประกอบ ก็ไม่มีใครอยากจะให้รดน้ำมนต์ให้ ไม่อยากกราบไหว้เคารพ เรื่องนี้จึงมีมิติอื่นเข้ามาประกอบด้วยอย่างน่าสนใจ
ตลอดระยะเวลาที่พระมหาเถระทั้งในและต่างประเทศกำลังอบรมอยู่นั้น แม้ท่านจะมีงานรัดตัวมากมาย แต่ถ้าท่านว่าง ต้องมาดูแลเอาใจใส่ทั้งเช้า เพล น้ำปานะ มิได้ขาด แม้ว่าปัจจัยที่จำเป็นสำหรับบรรพชิต ท่านจะจัดไว้อย่างอุดมสมบูรณ์ไม่ขาดแคลน แต่เจอหน้าท่านต้องถามเสมอว่า ขาดอะไรบ้าง พร้อมส่งรอยยิ้มอย่างอบอุ่นแบบพ่อพูดกับลูกเสมอ
พระสงฆ์และวัดแบบชาวบ้านทั่วไปที่เจ้าอาวาสมิได้ประกาศตัวว่าเป็นนักปฏิบัติเก่งกล้าสามารถสารพัด แต่อยู่กับพระภิกษุสามเณรและภิกษุสามเณรทั้งหลายด้วยความ
เมตตา ทำให้การอยู่ร่วมกันเกิดความสงบร่มเย็นเป็นธรรมชาติ ไม่เคร่งเครียด ก็มาสู่มุมจิตปกติที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจากส่วนลึกแห่งใจที่ส่งให้กัน บรรยากาศแห่งวัด พระสงฆ์ อุบาสกและอุบาสิกาที่มีธรรมอยู่ในวิถีชีวิต น้อมให้เกิดความสงบเย็นเป็นที่พึ่งของประชา-
ชนยุคสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี
คนสมัยใหม่ยังสนใจวัดและเข้าวัดกันอย่างมากมาย แต่วัดนั้นต้องให้ความสงบสุขได้ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งแบ่งแยก
การอบรมพระอุปัชฌาย์เป็นไปได้อย่างสะดวกราบรื่นเพราะได้กำลังหนุนจากทางวัดประสิทธเวชอย่างดี เนื่องจากหลักสูตรการสอบพระอุปัชฌาย์นั้นยากมากทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ พระสงฆ์ที่เข้าอบรมมักจะตื่นกันตั้งแต่ตีสามเดินอ่านหนังสือ นั่งอ่านหนัง
สือกันตามอัธยาศรัย เวลานั้นอุบาสกอุบาสิกาที่ดูแลด้านอาหารก็จะมาทำครัว จัดสถานที่ ทำให้พวกเราระลึกถึงบุญคุณของประชาชนที่มาถวายการอุปัฎถัมภ์ว่า ทุกข์ยากลำบากเพียงใด เป็นกำลังใจปลุกเร้าให้ตั้งใจฝึกฝนอบรมกันทุกคนเพื่อจะได้ผ่านไปเป็นพระ-อุปัชฌาย์ดี สร้างพระดีเป็นศรีแห่งพระศาสนาต่อไป
แม้การอบรมจะฝึกหนักหนาเพียงใด พระมหาเถระทุกท่านก็สู้ไม่ถอย ในการอบรมครั้งนี้ได้ความรู้มากมาย ได้พลังใจในการทำหน้าที่สนองพระคุณของพระพุทธเจ้าและตอบแทนพุทธศาสนิกชนให้คุ้มค่ากับข้าวปลาอาหารและปัจจัยสี่ต่อไป รายละเอียดเนื้อหาการอบรมจะได้นำมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไป
การอบรมเสร็จสิ้นในวันที่ 18 มกราคม 2558 เวลาประมาณ 16 นาฬิกา พวกเรากราบลาและกราบขอบพระคุณท่านเจ้าอาวาส อำลาพระเถระ อำลาและขอบคุณแม่ครัวและพ่อครัวที่เสียสละให้พวกเราได้มีกำลังศึกษาอบรมเพื่อสืบสานงานพระศาสนาต่อไป
เมื่อเก็บข้าวของเสร็จแล้ว พระครูรัชชมงคลวิเทศ เจ้าอาวาสวัดสมเด็จพระมหารัชชมังคลาจารย์ ได้ประสานงานให้รองเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรีนำรถตู้มาบริการเดินทางไปยังวัดปากน้ำภาษีเจริญเพื่อเข้าอบรมครั้งที่สองต่อไป
เดินทางถึงวัดปากน้ำภาษีเจริญเวลาประมาณ 18.30 น. ทางวัดได้จัดห้องพักให้ มีห้องน้ำภายในสะดวกสบายพอสมควร ด้วยการติดต่อประสานงานอย่างดีของท่านเจ้าคุณพระศรีญาณวิเทศแห่งวัดปากน้ำมิชิแกน เนื่องจากท่านเคยอยู่วัดปากน้ำมาตั้งแต่เป็นสามเณร จึงมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่น แค่บอกให้ทราบว่ามีพระสงฆ์มาพักกี่รูปทางวัดก็จัดให้ด้วยความราบรื่นรวดเร็ว ต้องขอขอบคุณท่านไว้ ณ ที่นี่
ความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาหลายวัน ทำให้รู้สึกง่วงมาก พอเวลาสองทุ่มก็หลับสนิท มาตื่นอีกทีตีสาม เป็นเวลาที่เคยตื่น สมองกำลังโปร่งจึงเขียนจดหมายส่งมาให้อ่านกัน มีความเคลื่อนไหวใดๆ ที่น่าสนใจจะรายงานให้ทราบต่อไป
วันที่ 19 มกราคม 2558
เวลา 6.02 น.
วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ
เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญาและวัดลอยฟ้า
www.buddhapanya.org & www.skytemple.org