เมื่อถึงยุคเข็ญพระโพธิสัตว์จะปรากฏตัว พระโพธิสัตว์ทั้งหลายมิได้มาสู่โลกมนุษย์เพื่อสู้รบกับใคร เพียงแต่ที่ไหนมีทุกข์มากพระโพธิสัตว์จะปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากให้ผ่านพ้นไป วิธีแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งในชาดกและพระโพธิสัตว์เดินดิน ช่วยผู้ทุกข์ยากทั้งหลาย ล้วนเอาความทุกข์ของเพื่อนมนุษย์เป็นที่ตั้ง ใช้กรุณาของตนๆ เป็นพลังขับเคลื่อนให้งานทั้งหลายเดินไปสู่เป้าหมาย คือ ผู้ที่เป็นทุกข์พ้นจากทุกข์ เมื่อพระโพธิสัตว์ทั้งหลายเห็นคนอื่นพ้นทุกข์ ก็คือความสำเร็จแห่งกรุณาที่ติดอยู่ในจิตใจมาสู่โลกมนุษย์เพื่อเปลี่ยนเสียงร้องไห้เป็นความอิ่มหนำและรอยยิ้ม
เมื่อประเทศไทยต้องใช้มาตรการ Social Distancing คนที่เคยทำงานมีรายได้ ก็ต้องยุติการทำงาน รายได้ก็ขาดไปตามงานที่ไม่ได้ทำนั้นด้วย ในประเทศที่มีสวัสดิการดูแลคนตกงานทั้งหลายพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็จะรับมือได้ แต่ประเทศของเราที่ยังไม่ได้วางระบบสวัสดิการไว้อย่างรัดกุม เมื่อต้องใช้มาตรการหยุดงาน ความลำบากขาดแคลนก็มาเยือนทันที แม้รัฐบาลจะพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเลือกแจกเงิน 5,000 บาทแก่คนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จริงๆ แต่เมื่อลงมือปฏิบัติแล้ว ไม่ตอบโจทย์ คือการช่วยบรรเทาผู้เดือดร้อนได้เลย กลับปรากฏคนเดือดร้อนขึ้นมาจำนวนมากที่ไม่ได้รับเงิน 5,000 บาทนั้น
แม้รัฐบาลจะรับปากว่า จะดูแลพวกเขาให้ทั่วถึง แต่เสียงเรียกร้องจากผู้ทุกข์ยากทั่วแผ่นดินยังดังกึกก้องไม่เป็นอันสงบลงได้
เมื่อคนเดินดินแต่จิตเป็นพระโพธิสัตว์ทั้งหลายได้พบเห็นคนทุกข์อยู่ตรงหน้า พลังแห่งความกรุณาก็เร่งเร้าให้เดินเข้าไปช่วย เราจึงพบว่า ความทุกข์ยากของเพื่อนร่วมชาติที่ผ่านมา ได้รับการเยียวยาบรรเทาไปส่วนหนึ่งจากคนไทยหัวใจพระโพธิสัตว์เหล่านี้ การแจกอาหารสดๆ เป็นมื้อที่รับประทานได้ตรงหน้าก็มี การมอบอาหารที่เป็นวัตถุดิบไปปรุงเองก็มี บางคนมีเงินมากนอกจากจะแจก ไข่ ข้าวสาร น้ำปลา น้ำมันพืชแล้ว ยังแจกเงินไปซื้อของใช้ที่จำเป็นอื่นๆ ด้วย
ข่าวการให้ทานแบบนี้มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งในผืนแผ่นดินไทย เหตุการณ์ครั้งนี้พิสูจน์ได้ว่า คนไทยส่วนใหญ่ มีจิตใจเมตตา มีความพอใจในการเสียสละ บุคคลที่ก้าวออกมาช่วยเพื่อนมนุษย์ก็ใช่ว่า จะเป็นคนร่ำรวยอันดับต้นๆ ของประเทศก็หาไม่ เพียงแต่พวกเขายังพอมีเงินและทรัพยากรเหลืออยู่ พอมี พอกิน พออยู่ พอใช้ และพอใจในการให้ทาน
อาตมาจึงเรียกคนใจดีและเสียสละอย่างแรงกล้าเหล่านี้ว่า พระโพธิสัตว์ อย่างเต็มปากเต็มคำ ขอได้รับการคารวะจากใจจริงๆ ท่านเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่งจริงๆ ท่านทั้งหลาย คือผู้มาเติมเต็มข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นของรัฐบาลให้เต็ม สมทบเพื่อประโยชน์สุขโดยแท้
เรื่องการทำทานที่เราพร่ำสอนส่งต่อกันมาตั้งแต่ตั้งบ้านตั้งเมืองยุคพ่อขุนรามคำแหงว่า “คนสุโขทัย มักทรงศีล มักโอยทาน” จิตวิญญาณแห่งการให้ทานนี้ ยังสืบต่อผ่านกาลเวลาได้อย่าสวยงามและจะได้ส่งผ่านกันต่อไป
ศิลาจารึกสอนมาแต่โบราณว่า “ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง สร้างกุศลอย่ารู้โรย” คุณธรรมของคนไทยทั้ง 2 ประการนี้ไม่เคยจืดจางร้างไป นับวันผลิดอกออกผลท้าทายยุคสมัยใหม่ได้อย่างสวยงาม สยามเมืองยิ้มยังไม่สิ้นมนต์ขลัง เมื่อใดหัวใจเปี่ยมด้วยกรุณา ไมตรี เมตตา สยามยังคงยิ้มได้ต่อไป
พี่น้องไทยทั้งหลายเอ๋ย ท่านคือมนุษย์เทพที่มาช่วยยุคเข็ญโดยแท้ แม้บางครั้งทานบารมีของท่านจะวุ่นวายไปหน่อย ซึ่งท่านอาจจะมองว่า ความวุ่นวายเหล่านั้นอาจจะเป็นสารเร่งความกรุณาของท่านด้วยซ้ำไป การปรับปรุงแก้ไขวิธีการให้ทานที่มีประสิทธิภาพย่อมยังปิติให้เกิดขึ้น หากจัดระบบดีๆ ชวนมิตรสหายมาช่วยกันบริหารจัดการและเป็นจิตอาสา ผู้มารับก็ซาบซึ้งในกรุณาของท่านผู้มีจิตใจดีงามทั้งหลาย
หากจัดระบบเพิ่มเข้าไปการทำบุญใหญ่คราวนี้จะนำมาซึ่งความปีติปราโมทย์ยิ่งนัก ซึ่งหมายถึงทั้งผู้ให้และผู้รับจะอิ่มกายอิ่มใจอิ่มท้องไปด้วยกัน
ขอเป็นกำลังใจแก่คนใจดีงามทั้งหลาย ขอให้เดินหน้าสร้างบารมีต่อไป ขอเป็นกำลังใจแด่ผู้ตกงานและผู้ทุกข์ยากทั้งหลายที่เป็นสุจริตชน แต่ต้องเสียสละงานของตนเพื่อช่วยชาติและเพื่อนมนุษยชาติ ท่านก็คือผู้เสียสละอันควรค่าแก่การยกย่องไม่น้อยไปกว่ากัน การเสียสละของท่านทำให้การป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ของประเทศไทยดำเนินไปอย่างได้ผล เป็นที่ชื่นชมจากองค์การอนามัยโลกและประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ขอให้พี่น้องร่วมชาติและพี่น้องมนุษยชาติจงปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ด้วยกันทุกคน ขอให้พวกเราฝ่าฟันอุปสรรคอันยิ่งใหญ่คราวนี้ไปด้วยกัน ขอให้ทุกคนแสวงหาความสุขทุกขณะเท่าที่จะหาได้ ขออายุ วรรณะ สุขะ พละ จงมีแด่ทุกท่านเทอญ
เมตตาและปรารถนาดี
ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ
วัดอุโมงค์ ตำบลสุเทพ
อำเภอเมืองเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่
วันที่ 21 เมษายน 2563 เวลา 5.26 น.