อาจารย์จ้อย พระใจดีแห่งสวนโมกข์

By | 03/12/2019

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2562 เครือข่ายเฟสบุ๊คสายธรรมะทั้งหลายแจ้งข่าว การมรณภาพ ของพระครูใบฎีกามณเฑียร มณฺฑิโร (อาจารย์จ้อย) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล อดีตเจ้าอาวาสวัดตะกรบ  และเจ้าคณะตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี กันอย่างกว้างขวาง มิตรสหายเครือข่ายพุทธธรรมช่วยกันแชร์ข่าวและเขียนคำไว้อาลัยกันอย่างรวดเร็ว นับเป็นความสูญเสียพระภิกษุสงฆ์ผู้มีความสามารถดี มีความรู้ดี ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ รอบรู้ในงานต่างๆ ครั้งสำคัญของคณะสงฆ์ไทยอีกครั้งหนึ่ง

         พระครูใบฎีกามณเฑียร มณฺฑิโร เกิด เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2499 บรรพชาอุปสมบท 32 พรรษา มรณภาพวันที่ 8 มีนาคม 2562 สิริอายุรวม 63 ปี ในวาระแห่งความสูญเสียครั้งสำคัญในวงการคณะสงฆ์ไทยนี้ ขอถือโอกาสระลึกถึงท่านในนามที่เรียกขานอย่างคุ้นเคยว่า หลวงพี่จ้อย จากการที่ได้รู้จักท่านเพียงผิวเผินแต่ความรู้สึกประทับใจยังตราตรึงอย่างลึกซึ้ง

         เมื่ออาตมายังปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่เมืองไทย เมื่อมีเวลาว่างจากศาสนกิจ จะมุ่งหน้าสู่สวนโมกข์ทันที การได้ไปพักที่สวนโมกข์สัก 2-3 วัน หรือ หนึ่งสัปดาห์ เป็นเวลาแห่งการเพิ่มพลังทั้งกายและใจอย่างแท้จริง หากมีเวลาว่างมากๆ ก็จะไปขอเข้าภาวนาที่สวนโมกข์นานาชาติสำหรับนักบวชคือ ที่ดอนเคี่ยม การเดินทางไปเยี่ยมสวนโมกข์บ่อยๆ มาตั้งแต่เป็นสามเณรน้อยจนเป็นพระมหาเถระ ทำให้ญาติโยมหลายคนเข้าใจผิดคิดว่า เป็นพระภิกษุชาวสวนโมกข์ แต่ความจริงเป็นเพียงพระอาคันตุกะ คือ ผู้เยี่ยมเยือนจริงๆ ไม่เคยไปจำพรรษาเลยแม้แต่พรรษาเดียว ได้แต่หวังไว้ลึกๆ ว่า หากวันใดศาสนกิจต่างประเทศเบามือลงคงได้ไปจำพรรษาสักพรรษา ทั้งนี้ความฝันจะเป็นจริงได้หรือไม่ ยกให้พระอนิจจังเท่านั้นเป็นผู้นำพา

         ทุกครั้งที่เดินทางไปกราบหลวงพ่อพุทธทาส ก็จะได้รับการดูแลจากหลวงพี่จ้อยเป็นอย่างดี ต้องพูดว่าเป็นอย่างดี     เพราะท่านจะมีความห่วงใยในปัจจัยการดำเนินชีวิตแบบสวนโมกข์อย่างใกล้ชิด อุปกรณ์ต่างๆ ที่ควรจะมีจากกองกลางท่านจะจัดให้ไม่ขาดตกบกพร่อง จำได้ว่า หลวงพี่จ้อย เป็นพระอุปัฏฐากใกล้ชิดหลวงพ่อพุทธทาสรูปหนึ่งในบรรดาพระอุปัฏฐากหลายๆ รูป หน้าที่ที่พระอาคันตุกะอย่างอาตมาเคยทราบคือ ท่านจะนวดหลวงพ่อพุทธทาสเป็นประจำ เล่าลือกันว่าฝีมือการนวดของท่านสุดยอดมาก นับว่าท่านโชคดีอย่างที่จะหาใครเทียบได้ที่ได้ปฏิบัติพระอุปัชฌาย์ของท่านอย่างใกล้ชิดตามแบบพระอริยสงฆ์ผู้ทรงพระธรรมวินัยขั้นละเอียดพึงปฏิบัติสืบทอดกันมา

         หน้าที่ต่อมาของท่าน คือ เป็นพระเจ้าหน้าที่จัดเสนาสนะแก่พระอาคันตุกะ คือ พระที่มาเยือนชั่วคราวไม่นานนัก ไม่ว่าพระอาคันตุกะเหล่านั้นจะเดินทามาถึงสวนโมกข์เวลาใดล้วนได้รับการต้อนรับด้วยที่พักจากหลวงพี่จ้อยเป็นอย่างดีทั้งหมด ท่านจะยืนอยู่ตรงเค้าน์เตอร์รับแขก พอพระอาคันตุกะมาแจ้งว่าจะมาขอพักชั่วคราว กี่คืนตามความปรารถนา ท่านจะเตรียมกุญแจกุฏิไฟฉาย หรือ ตะเกียง เทียน ไม้ขีด ปัจจัยเหล่านี้มีอยู่พร้อมเสมอ ญาติโยมหลายท่านที่เคยไปเยือนและพักที่สวนโมกข์ก็ล้วนรู้จักและประทับใจในความกรุณาของหลวงพี่จ้อยเหมือนๆ กัน

         ตามปกติพระที่สวนโมกข์จะฉันน้ำปานะก่อนทำวัตรเย็น เมื่อทำวัตรภาวนาและฟังธรรมแล้วก็จะกลับกุฏิของแต่ละท่าน บางครั้งเมื่อกลับมาถึงที่พักร่วมสี่ทุ่ม หลวงพี่จ้อยเป็นห่วงกลัวว่า น้ำปานะที่ฉันที่หินโค้ง น้อยเกินไป ท่านยังนำนมกล่องหรือไวตามิลค์ไปให้ ท่านบอกว่าห่วงว่าจะเหนื่อยเกินไป นี่คือ น้ำใจที่ท่านแสดงเสมอๆ หากจะต้องเดินทางตอนเช้าก่อนเวลาฉันตามปกติ ลงโรงฉันไม่ทัน หลวงพี่จ้อยจะแจ้งทางครัวให้เตรียมอาหารให้ ทำวัตรเช้าเสร็จแล้วก็มาหาท่าน เดินตามหลังท่านไปที่ครัว มีอาหารสำหรับพระที่จะเดินทางไว้พร้อม

         ความประทับใจอีกอย่างหนึ่งคือ ท่านเป็นพระที่เข้มแข็ง ขยัน อดทนเป็นเลิศ อาตมาเคยไปพักที่สวนโมกข์ในช่วงที่งานชุกมาก คือ หน่วยงานต่างๆ จะเข้ามาอบรมกันมาก แบ่งกลุ่มแบ่งงานให้พระช่วยกันก็แล้ว ถ้ายังเหลือ แม้ท่านจะต้องรับแขกอย่างหนักอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ แต่เมื่องานบรรยายเข้ามาท่านพร้อมที่จะบรรยายทันทีโดยไม่รู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อยแต่ประการใด ท่านทำงานอย่างไม่มีเงื่อนไข ง่ายๆ ไร้ตัวตนจริงๆ ท่านเป็นพระที่มีความรอบรู้งานต่างๆ ภายในสวนโมกข์อย่างรอบด้าน รู้จริงผ่านการกระทำ เวลาปฏิบัติ ท่านทำได้คล่องแคล่วมีประสิทธิภาพ

         ในคราวที่ท่านอาจารย์เจ้าคุณภาวนาโพธิคุณลาออกจากเจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล ในระหว่างที่สรรหาเจ้าอาวาสอยู่นั้น อาตมาคิดในใจว่า คนรุ่นใหม่ที่มีความคิดก้าวไกลและรอบรู้พร้อมที่จะบริหารงานในวัดใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ต้องหลวงพี่จ้อย  เพราะท่านผ่านงานมามากมาย และในช่วงที่ท่านอาจารย์เจ้าคุณพระภาวนาโพธิคุณ เป็นเจ้าอาวาส ก็ได้ท่านเป็นพระคู่ใจที่สำคัญที่ทำงานด้านต่างๆ ได้สำเร็จลุล่วงงดงาม

         มองจากสายตาด้านนอก หลวงพี่จ้อย น่าจะเป็นพระที่ให้ความเคารพท่านอาจารย์พระภาวนาโพธิคุณอย่างยิ่ง ระยะหลังอาตมาติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของท่านอาจารย์พระภาวนาโพธิคุณและหลวงพี่จ้อยผ่านเฟสบุ๊คของทีปภาวัน หลวงพี่จ้อยได้ช่วยงานท่านอาจารย์โพธิ์อย่างใกล้ชิดมากทั้งที่สวนโมกข์และทีปภาวัน เป็นความสัมพันธ์แบบศิษย์อาจารย์ที่ใครได้พบเห็นแล้วเย็นอกเย็นใจ

         หลวงพี่จ้อยเป็นพระที่มีเมตตา มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นที่ประทับใจของพระที่มีพรรษามากกว่าและพรรษาน้อยกว่า ด้วยการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาท่านได้เข้าไปบูรณปฏิสังขรณ์และเป็นเจ้าอาวาสวัดตะกรบและเป็นเจ้าคณะตำบลพุมเรียง ได้อุทิศตนช่วยงานคณะสงฆ์ด้านงานปกครองอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย แต่งานด้านเผยแผ่ทั้งที่สวนโมกข์และที่ทีปภาวันท่านก็ไปช่วยอย่างสม่ำเสมอ

         หลวงพี่จ้อย นอกจากจะเป็นพระนักเผยแผ่ตามที่พระทั้งหลายถนัด ท่านยังเก่งด้านบริหารจัดการชนิดที่จะหาใครเทียบได้ทีเดียว หากจะนำเอาธรรมะของผู้สงเคราะห์หรือสังคหวัตถุ 4 ประการคือ ทาน การให้ ปิยวาจา การพูดจาไพเราะ อัตถจริยา การบำเพ็ญประโยชน์ สมานัตตตา การวางตนได้เหมาะสมใครเข้าใกล้ก็เป็นสุข ท่านสอบผ่านชนิดเต็มร้อย ใครที่เคยไปสวนโมกข์บ่อยๆ ต้องรู้จักหลวงพี่จ้อย ด้วยได้รับการอนุเคราะห์จากท่านอย่างดีนั่นเอง

         ระยะหลังเมื่ออาตมามาอยู่อเมริกาแล้ว หลวงพ่อพุทธทาสสิ้นแล้ว แม้อาตมากลับไปเยี่ยมเมืองไทยก็ยังคงต้องไปสวนโมกข์เหมือนเคยปฏิบัติมา บางทีจะต้องออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ท่านแจ้งแม่ชีให้ทำแกงเหลืองหรือผัดสะตอให้เป็นพิเศษ อาตมาเจออาหารแบบนั้นแล้วท่านมองอาการดีใจออก ท่านยิ้มแล้วบอกว่า รู้ว่าไม่ค่อยได้ฉันเลยจัดให้ นี่เป็นความประทับใจที่ลึกซึ้งยากแก่การลืมเลือน

         เมื่อคราวอาตมาไปเดินสายบรรยายธรรม 100 ปีหลวงพ่อพุทธทาสโดยตั้งเป้า บรรยายธรรมครบ 100 โรงเรียนในอาณาเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี อยากทราบจริยวัตรของหลวงพ่อพุทธทาสอย่างลึกซึ้งไว้เป็นข้อมูลในการบรรยาย ได้ถามหลวงพี่จ้อย ท่านเมตตาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดลึกซึ้ง ทำให้ยิ่งเพิ่มศรัทธาในหลวงพ่อพุทธทาสยิ่งขึ้น

         อาตมาได้ทราบข่าวว่าท่านล้มป่วยเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง ยังไม่ทันได้ข้อมูลว่า ท่านเป็นโรคอะไรชัดเจน ทราบกว้างๆ ว่า ท่านเป็นโรคมะเร็ง แพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราชระดมกำลังช่วยอย่างเต็มความสามารถ แต่เนื่องจากสังขารถึงคราเสื่อมทรุดตามธรรมชาติ ก็ไม่สามารถฝ่าฝืนได้เพราะเป็นอนัตตา ขอร้องไม่ได้ มีรายงานสั้นๆ ว่า ก่อนท่านจะจากลา ท่านอาจารย์พระภาวนาโพธิคุณ ได้เข้าไปเยี่ยมได้จับมือท่าน หลวงพี่จ้อยตอบรับการจับมือของท่านอาจารย์โพธิ์ แล้วท่านอาจารย์ก็บอกว่า ดับไม่เหลือนะ พักผ่อนนะ แล้วท่านอาจารย์โพธิ์ก็ออกมาจากห้องเปิดโอกาสให้หลวงพี่จ้อยได้พักทั้งกายและใจด้วยการเจริญธรรมดับไม่เหลือ

         เมื่อท่านได้พบกับท่านอาจารย์โพธิ์แล้ว เสมือนได้พบกัลยาณมิตรผู้ยิ่งใหญ่มาปลุกสติความรู้สึกตัวทั่วพร้อม โน้มน้าวดับไม่เหลือเป็นธรรมารมณ์ ให้ทันตกกระไดพลอยโจน ที่หลวงพี่ได้ศึกษาและฝึกฝนมาดีแล้ว มีความพร้อมแล้วจากไปอย่างสงบ เมื่อวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2562 เวลา 13.21 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช

         ชีวิตของหลวงพี่จ้อยเป็นชีวิตงามทั้งในเบื้องต้น ท่ามกลางและที่สุดอย่างแท้จริง ท่านจากไปตามกฎธรรมชาติอย่างคุ้มค่าแก่การเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาเพราะได้ยังประโยชน์ของตนและผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ท่านมรณภาพไปอย่างสมศักดิ์ศรีแห่งพุทธบุตรสมเป็นทหารเอกของพระพุทธเจ้าที่พลีกายมรณภาพภายใต้ธงชัยแห่งพระอรหันต์อย่างสงบมั่นคงดั่งที่ พระพุทธองค์ตรัสว่า “ทันโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ ในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย ผู้ที่ฝึกตนดีแล้ว เป็นผู้ประเสริฐที่สุด” นับได้ว่าท่านเกิดมาเพื่อได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ตอบโจทย์ที่หลวงพ่อพุทธทาสตั้งไว้ว่าเกิดมาทำไมได้อย่างครบถ้วน บริสุทธิ์บริบูรณ์แท้จริง

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

วันที่ 8 มีนาคม 2562 เวลา 22.20 น.

Leave a Reply