ท่องกรุง มุ่งสู่อนาคตประเทศไทย
Shutdown Bangkok. Restart Thailand.
ตามที่ คณะกรรมการกปปส และมวลมหาประชาชนได้นัดหมายกันก่อนหน้านี้ว่า จะจัดโครงการ Shutdown Bangkok. Restart Thailand ในวันที่
13 มกราคม 2557 เพื่อโค่นล้มรัฐบาลนางสาวยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตร และระบบทักษิณให้จบสิ้นภายในวันเดียวนั้น บัดนี้ เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม ยังไม่มีทีท่าว่า จะโค่นล้มรัฐบาลรักษาการของนาง
สาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและระบบทักษิณได้เลย ทั้งคณะกรรมการกปปส และมวลมหาประชาชนยังไม่มีทีท่าว่าจะล่าถอยแต่ประการใด ทุกค่ำคืนยังประกาศอย่างหนักแน่นว่า จะต้องต่อสู้จนกว่าจะได้รับชัยชนะ
ก่อนที่โครงการนี้จะเริ่มขึ้น ประชาชนทั้งในกรุงเทพมหานคร ประชาชนทั่วประเทศและต่างประเทศที่จะเดินทางไปทำธุระที่ประเทศไทย ต่างพากันวิตกกังวลว่า โครงการดังกล่าวจะต้องกระทบเศรษฐกิจของชาติและการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนที่อยู่ต่างประเทศจึงตัดสินใจงดการเดินทางไปประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ส่วนคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานคร ก็ต้องเตรียมตัว เตรียมปัจจัยสี่ไว้อย่างพร้อมพรั่งตามสมควรหากมีวิกฤตกาลอะไรขึ้นมาจะได้พอประทังชีวิตด้วยปัจจัยสี่ที่เตรียมไว้ได้สักระยะหนึ่ง และแล้ววันที่กำหนด คือ วันที่ 13 มกราคม 2557 ก็มาถึง เวทีต่างๆ ของผู้ชุมนุมถูก
จัดวางไว้ถึงเจ็ดเวทีในจุดสำคัญๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร แต่ละจุดมีแกนนำคนสำคัญๆ ที่มีภาวะผู้นำพอจะ นำมวลชนได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปักหลักที่ปทุมวันพร้อมกับมวลมหาประชาชน จุดนี้ถือว่าเป็นกองอำนวยการกลางที่จะต้องประสานกับเวทีต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร
การชุมนุมขับไล่รัฐบาลนักษาการผ่านไปด้วยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลรักษาการยังอยู่พร้อมหน้า และยัง
ยืนยันอย่างหนักแหน่นว่า ไม่ลาออก จะอยู่เพื่อรักษาระบบประชา
ธิปไตย
กิจกรรมหลักที่ผู้ชุมนุมได้ทำกันทุกวันคือ เดินทางไปปิดล้อมหน่วยราชการต่างๆ มิให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ได้ เพื่อเป็นการ
ยืนยันว่า บัดนี้รัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้แล้ว จะต้องลาออกไป
หน่วยงานราชการหลายหน่วยยอมปิดทำการแต่โดยดี แต่บางหน่วยก็ย้ายสถานที่ทำการไปในสถานที่ที่ปลอดภัย เนื่องจากจำนวนผู้ชุมนุมไม่มากพอที่จะไปสะกัดกั้นการทำงานของราชการได้ การปิดสถานที่ราชการจึงมีผลกระทบบ้าง แต่ไม่ถึงกับมีนัยยะสำคัญจนกระทั่งระส่ำ
ระสาย ถึงกับทำให้รัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้จนต้องจำนนหรือลาออกตามข้อเรียกร้อง
การโต้ตอบของรัฐบาลต่อกิจกรรมดังกล่าวคือ การใช้สถานีวิทยุและโทรทัศน์ที่เข้าข้างรัฐบาลเสนอข่าวว่า การเดินทางปิดสถานที่ราชการหรือปิดกรุงเทพมหานครครั้งนี้ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยพยายามโยนความผิดทั้งหลายให้ผู้ชุมนุมเป็นผู้รับ
ผิดชอบ เพราะผู้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนคือผู้ชุมนุม มิใช่ผู้รับผิดชอบ เมื่อรัฐบาลยึดสื่อทีวีที่คนส่วนใหญ่ชมได้และได้รับข้อมูลจากสื่อหลักแบบนี้ ภาพของผู้ชุมนุมที่ปรากฏแก่คนทั่วไปที่รับข่าวจากฟรีทีวีก็เป็นภาพติดลบ และรัฐก็ใช้ทีวีเหล่านี้ให้ข่าวโหมกระ
หน่ำโยนความผิดให้แก่ผู้เข้ามาชุมนุมว่าเป็นผู้สร้างความเดือดร้อน
เมื่อมีผู้ถามมวลมหาประชาชนที่เข้ามาชุมนุมว่า จะเลิกการชุมนุมกลับบ้านกันเมื่อไร ทั้งคณะกรรมการกปปสและผู้ชุมนุมต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า จะต้องชุมนุมจนได้รับชัยชนะ คือ รัฐบาลรักษาการลาออกไปหรืออกไปโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง
ตอนนี้ข้อเสนอที่จะทำให้บ้านเมืองสงบมีอยู่แล้วสองข้อคือ
- หากรัฐบาลรักษาการลาออก ผู้ชุมนุมกลับบ้านทันที บ้านเมืองเข้าสู่ความสงบเป็นปกติ นี่คือข้อเสนอจากทางฝ่ายมวลมหาประชาชน
- หากมวลมหาประชาชนยุติการชุมนุมบ้านเมืองก็จะเดินเข้าสู่ความสงบตามภาวะปกติ
ข้อเสนอทั้งสองประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายไหนจะเป็นผู้ลงมือก่อน ใครจะยอมรับคำว่า พ่ายแพ้เพื่อให้บ้านเมืองเข้าสู่สภาวะสงบเป็นปกติได้ ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป แต่ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างยืนยันกันอยู่อย่างหน้าดำคร่ำเครียด ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครถอยได้ ต้องเดินหน้าเพื่อชัยชนะสถานเดียว
กิจกรรมต่างๆ ของมวลมหาประชาชนแต่ละวันนอกจากจะแบ่งกลุ่มไปปิดสถานที่ราชการเพื่อให้ราชการทำงานตามปกติมิได้แล้ว ยังมีการเดินเชิญชวนไปรอบๆ กรุงเทพมหานคร ในแบบบเดินท่องกรุง มุ่งหาอนาคตของประเทศไทย มากกว่า การปิดกรุงเทพ
มหานครเพื่อซ่อมแซมประเทศไทย
จากกิจกรรมที่ดำเนินไปหนึ่งสัปดาห์ มิได้เป็นกิจกรรมที่น่าสะพึงกลัวของชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า หรือนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด เพราะการค้าขายในบริเวณที่มีการชุมนุมยังเป็นไปได้ด้วยดี และยังมีรายงานว่า อาหาร น้ำและสินค้าหลายอย่างที่จำเป็นต่อการครองชีพขายดีขึ้นกว่าเวลาปกติอีกประมาณสองถึงสามเท่าตัว
อย่างไรก็ตามแม้คณะกรรมการกปปสและมวลมหาประชาชนจะพยายามขับไล่รัฐบาลด้วยวิธีอหิงสา สันติ ไม่มีอาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรง แต่จนถึงวันนี้ มีผู้ก่อการร้ายไม่ทราบฝ่ายพยายามก่อการร้าย ด้วยการยิงใส่ผู้ชุมนุม แม้กระทั่งขว้างระเบิดใส่ผู้ชุมนุมจนบาดเจ็บและเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากทุกวัน
หากนับตั้งแต่การชุมนุมสองเดือนเกือบจะสามเดือนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอันมีเหตุมาจากการชุมนุมแล้ว 6 ราย บาดเจ็บน่าจะถึง 100 กว่าราย
ความรุนแรงที่นำไปสู่การบาดเจ็บล้มตายเหล่านี้มิได้เกิดจากความรุนแรงที่ผู้ชุมนุมสร้างขึ้น แต่เกิดจากผู้ก่อการร้ายไม่ทราบฝ่ายทั้งสิ้น
แม้ผู้ร่วมชุมนุมจะพบกับการบาดเจ็บล้มตายไปมากมายแล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าจะท้อถอยแต่ประการใด ยิ่งเกิดเหตุร้าย ยิ่งมีคนออกมาสมทบมากขึ้น และทุกคนก็ยังอดทนและตั้งมั่นในอหิงสาและไม่รุน
แรงเหมือนเดิม
นับเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อการนองเลือดอยู่มาก เพราะธรรมดาของมนุษย์ปุถุชนย่อมมีความอดทนที่จำกัด หากความอดทนหลุดกรอบเมื่อใด การนองเลือดดูเหมือนว่า จะหลีกเลี่ยงได้ยาก ทุกฝ่ายต้องช่วยกันคิดให้หนักจริงๆ
การเมืองขณะนี้อยู่ในช่วงวิกฤติที่สุด เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถอยกันได้เลย มีแต่เดินหน้าเพื่อชัยชนะ จึงต้องรอดูกันต่อไปว่า จะมีฝ่ายใดที่จะยอมเสียสละชัยชนะเพื่อรักษาชีวิตของเพื่อนร่วมชาติมิให้บาดเจ็บและล้มตายอีก
ตัวอย่างของการเสียสละชัยชนะเพื่อรักษาชีวิตในประเทศไทยก็เคยมีมาแล้ว ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายผู้ชุมนุม
ตัวอย่างฝ่ายรัฐบาลที่ยอมเสียสละอำนาจเพื่อรักษาชีวิตเพื่อนร่วมชาติและบ้านเมืองด้วยการยอมลาออกคือ จอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อคราวเดิน
ขบวนใหญ่วันที่ 14 ตุลาคม 2516 เมื่อเห็นว่า ทหารใช้ความรุนแรงกับนักศึกษาจนได้รับบาดเจ็บและล้มตายก็ยอมลาออกจากตำแหน่ง แล้วลี้ภัยออกไปอยู่ต่างประเทศ เหตุการณ์ก็เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วภายในไม่ถึง 10 วัน
แม้เหตุการณ์วันที่ 17 พฤษภาคม 2535 ประชาชนขับไล่พลเอกสุจินดา คราประยูร ซึ่งครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียง 47 วัน เมื่อลาออกแล้ว สถานการณ์ทางการเมืองก็สงบ
การเมืองวันนี้ถ้านายกรัฐมนตรีน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มองเห็นประชาชนบาดเจ็บล้มตายแล้วนำรัฐมนตรีร่วมคณะลาออก สถาน
การณ์ทางการเมืองก็จะสงบลงอย่างรวดเร็ว
หรือหากทางฝ่ายกปปส พิจารณาเห็นว่า ตั้งแต่เดินขบวนไล่รัฐบาลมาเกือบจะสามเดือนแล้วได้สะกัดกฎหมายที่สร้างความไม่เป็นธรรมทางสังคม ขัดนิติรัฐ นิติธรรมและการแก้รัฐธรรมนูญที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมถึงสองสามฉบับแล้ว พยายามขับไล่นายกรัฐมนตรีน.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีเท่าไรๆ ก็ไม่ยอมออกไป ยึดตำ
แหน่งเหนียวแน่นมาก แต่สิ่งที่มวลมหาประชาชนได้รับทุกวันทุกคืนคือ การถูกลอบสังหารด้วยปืนและระเบิดจากผู้ก่อการร้ายนิรนาม ขืนยืดหยัดต่อสู้ยาว
นานไป ไม่แน่ใจว่า เราต้องสูญเสียมวลมหาประชา
ชนเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไปอีกกี่คน เพราะทางมวลมหาประชาชนสู้ด้วยมือเปล่า ผู้ก่อการร้ายที่มีอาวุธครบมือมาลอบทำร้ายเมื่อไรก็บาด
เจ็บล้มตายได้เสมอ แม้เห็นตัวผู้ก่อการร้ายพร้อมอาวุธจะไล่ตามจับแบบอหิงสา ก็ถูกสวนกลับมาอีกอาจจะบาดเจ็บหรือล้มตายได้ หากเห็นความ
จริงข้อนี้แล้วปรึกษาหารือกัน ประกาศยุติการชุมนุมเพื่อรักษาชีวิตพี่น้องเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไว้ก็ไม่น่าจะได้รับการตำ
หนิจากผู้สนับสนุนแต่อย่างใด กลับน่าจะได้รับการสรรเสริญว่า ยอมเสียหน้าเพื่อรักษาชีวิตเพื่อนร่วมอุดมการณ์ด้วยซ้ำไป
หากปรารภเหตุดังกล่าวแล้วยุติการชุมนุม ความสงบก็น่าจะบังเกิดขึ้นโดยพลัน ได้แต่หวังว่า กปปส และ คณะรัฐมนตรี ที่ได้เห็นเพื่อนร่วมชาติบาดเจ็บร้อยกว่าคน และล้มตายเกือบจะสิบคนแล้ว จะได้ข้อคิดใดๆ ขึ้นมาที่จะหามาตรการรักษาชีวิตเพื่อนพ้องพี่น้องชาวไทยและเพื่อนร่วมอุดมการณ์เอาไว้ เพราะทุกคนเสียสละชัวิตเพื่อชาติกันแล้ว แต่ท่านผู้นำทั้งสองฝ่ายพร้อมหรือไม่ที่จะเสียเหลี่ยมเสียหน้า เสียตำแหน่งและอำนาจเพื่อรักษาชีวิตเพื่อนร่วมชาติมิให้บาดเจ็บล้มตายได้บ้าง
วันที่ 19 มกราคม 2557 เวลา 16.30 น.
วัดพุทธปัญญาเมืองโพโมน่า มลรัฐแคลิฟอร์เนีย
ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ
เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญาและวัดลอยฟ้า
www.buddhapanya.org & www.skytemple.org