จดหมายจากเมืองไทย ฉบับที่ 9

จดหมายจากเมืองไทย ฉบับที่ 9

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2558

ตื่นตั้งแต่ตีสามกว่าๆ แล้วฟังธรรมหลวงพ่อพุทธทาสและทวนปาฏิโมกข์ เมื่อสว่างแล้ว ได้นั่งสนทนาธรรมกับพระที่บิณฑบาตแล้วกลับมาก่อน ท่านเล่าว่าในนครเวียงจันทร์มีพระภิกษุสงฆ์น้อย พุทธศาสนิกชนมาก ต้องการตักบาตรมาก พระสงฆ์แต่ละวัดจึงต้องจัดกลุ่มๆ ละสิบรูปหรือห้ารูป ออกไปบิณฑบาตโปรดท่านพุทธบริษัทให้ทั่วถึง

เนื่องจากวัดในนครเวียงจันทร์มีมาก แต่ละวัดก็มีชุมชนของตน เขตพื้นที่บิณฑบาตจึงมีลักษณะคล้ายๆ เขตสัมปทานว่า พระรูปใดเดินบิณฑบาตไปถึงจุดใดแล้วเดินกลับ ไม่มีการทับสายของกันและกัน การบิณฑบาตจึงใช้เวลาเพียงสามสิบนาทีก็กลับวัด

พระภิกษุสงฆ์ที่ดำรงชีพแบบพระสงฆ์ตามพระธรรมวินัย จะได้รับปัจจัยสี่จากท่านพุทธบริษัท ไม่เดือดร้อนเลย แต่ถ้าพระภิกษุรูปใดใช้ชีวิตแบบสมัยใหม่ เช่น มีโทร

ศัพท์มือถือ เช่า Wi-Fi มาใช้ จะต้องจ่ายเดือนหนึ่งๆ ไม่ต่ำกว่าสองพันบาทหรือหนึ่งพันบาทขึ้นไป ซึ่งถือว่า เป็นเงินไม่น้อยเลยสำหรับพระภิกษุที่ต้องอาศัยปัจจัยสี่จากฆราวาสญาติโยม

จึงเห็นได้ว่าหากภิกษุใดยังใช้ชีวิตถูกตรงตามพระธรรมวินัยอาศัยปัจจัยสี่จากญาติโยมเท่าที่จำเป็นจะไม่เดือดร้อน แต่ถ้าหากคิดถึงการบริหารจัดการแบบสมัยใหม่จนเกินไป ก็จะเกิดความขาดแคลนเงินทองที่จะนำมาใช้จ่าย ทำให้ต้องหาเงินในทางอเนสนาคือมิชอบ ได้แก่ออกไปนอกทางแห่งพระภิกษุจะพึงปฏิบัติ เลยเกิดปัญหาความไม่สวยงามในวงการคณะสงฆ์ขึ้นหลายกรณี

สนทนากับพระภิกษุสงฆ์นานพอสมควรแล้ว คุณหุ้มพันธ์ได้มารับไปเยี่ยมบ้านคุณจันทาซึ่งอยู่ใกล้แม่น้ำงึม ได้เจอหลานชาย หลานสาว และน้องสาว ที่ดูแลบ้าน ที่ดิน และรถให้คุณจันทา

20150321 (2) หลานชายของคุณจันทาขยันขันแข็งมาก เป็นคนรักงานไม่เกเร ทำสวน เลี้ยงวัวเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ปลูกพืชตามแบบที่ชาวบ้านทั่วไปทำกัน แต่เขาทำมากเป็นอาชีพ จะเรียกว่าเศรษฐกิจพอเพียงก็ได้ จะเรียกว่า อาชีการเกษตรครบวงจรก็ไม่ผิด เพราะปริมาณการผลิตสินค้ามีมากพอที่จะสร้างความร่ำรวยให้ได้

พวกเราไปชมสวนหลานคุณจันทาอยู่นานเข้าไปเก็บผักเมก หรือ ที่คนปักษ์ใต้เรียกเหม็ดชุน ผักชนิดนี้จะแกล้มแกงหรือจิ้มน้ำพริกล้วนมีรสชาติดีมีประโยชน์ เพราะเป็นผักปลอดสารพิษแท้ๆ20150321 (3)

จากนั้นจึงเดินทางไปชมเขื่อนแม่น้ำงึมซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ที่ผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ และใช้ทำการเกษตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของคนท้องถิ่นและแขกจากต่าง

ประเทศ เพราะเป็นสถานที่ร่มรื่นมาก คนที่อยากจะล่องเรือ ก็ไปล่องเรือเหนือเขื่อนได้อย่างสบายอารมณ์

พวกเรานั่งชมวิวรอบๆ เขื่อน ชมวิวน้ำภูเขาและต้นไม้ที่เขียวขจีพอสมควรแล้วจึงเดินทางกลับนครเวียงจันทร์ เมื่อกลับถึงวัดแล้วยังมีเวลาพอสมควรก็เดินออกกำลังรอบๆ สีมาของวัดแล้วกลับมาอาบน้ำจำวัดด้วยความอ่อนเพลีย อาการไข้ยังมีบ้าง

ตื่นเช้าฟังธรรมและฟังปาฎิโมกข์แล้ว เวลา 7 โมงกว่าคุณหุ้มพันธ์มารับไปฉันอาหารเช้าที่บ้านคุณศิวิไล อาหารเช้าที่คุณศิวิไลปรุงเป็นอาหารสุขภาพ ประกอบไปด้วยผักและผลไม้สดๆ ปลอดสารพิษ ฉันพอดีๆ สบายท้อง 20150321 (4)ตัวเบา ดังคำที่ชาววัดพุทธปัญญาท่องกันอยู่เป็นประจำว่า กินน้อย ย่อยง่าย เบาสบาย ไร้โรคา อายุยืน นั่นแหละ

วันนี้คุณศิวิไลจัดฟังธรรมที่บ้าน เชิญเพื่อนบ้านผู้ใฝ่ธรรมมาฟังธรรมกันประมาณ 30 คน แต่ละท่านแต่งตัวเรียบร้อยแบบอุบาสิกา ทุกคนตั้งใจฟังธรรมอย่างมาก ทำให้รู้สึกอยากแสดงธรรมมากๆ เพราะจะหาคนที่สนใจแบบนี้ได้ยาก ภาคเช้าแสดงธรรมเรื่องขันธ์ 5 อย่างละเอียดเชื่อมโยงกับเรื่องการจัดขันธ์ 5 บูชาพระรัตนตรัย ได้รับความสนใจมาก เพราะได้อธิบายพิธีกรรมเข้าสู่ธรรมอย่าง20150321 (5)กลมกลืน

แสดงธรรมภาคเช้าถึงเวลา 11 โมงกว่า แล้วร่วมกันถวายทาน กรวดน้ำ รับพร พระฉันภัตตาหาร พี่น้องพุทธศาสนิกชนร่วมกันรับประทานอาหารอย่างมีความสุข

เมื่อพุทธศาสนิกชนรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เวลาบ่ายเป็นการสนทนาธรรมเรื่องอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท โดยอธิบายบนหลักการที่ว่า ทั้งรูปและนาม ทุกข์และความว่างจากทุกข์ล้วนมาจากเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นและดับไปลอยๆ โดยมิได้อาศัยเหตุปัจจัย นี่คือหัวใจของ อิทัปปัจจยตาและปฏิจจสมุปบาท

เมื่อเข้าใจหลักสำคัญแล้ว จึงได้ยกตัวอย่างมาประกอบหลักการกันอย่างสนุกสนานรื่นเริงในธรรมอย่างยิ่งจนกระทั่งเวลาร่วมสี่โมงเย็น การบรรยายและสนทนาธรรมจึงยุติลง

การบรรยายธรรมครั้งนี้มีประโยชน์มาก บุญกุศลและความดีคราวนี้ต้องยกให้แก่ คุณศรีวิไล ศรีสมัย และคุณหุ้มพันธ์ เมื่อทุกคนอิ่มบุญและอิ่มใจดีแล้ว จึงอำลากันกลับบ้าน ส่วนอาตมาก็กลับวัดที่พักด้วยเหมือนกัน

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ที่วัดไตยใหญ่ ค่ำลงได้ตั้งวงสนทนาธรรมกับพระสองสามรูปเกี่ยวกับเรื่องกิจการคณะสงฆ์ เรื่องศาสนา แลกเปลี่ยนกันอย่างมีรสชาติจนถึงสามทุ่มจึงลาเข้านอน

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558 ตื่นนอนแต่เช้า ทำกิจวัตรประจำวันแล้วเก็บสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทย

เวลาประมาณ 7.00 น. คุณหุ้มพันธ์ มารับไปฉันภัตตาหารเช้าที่บ้านคุณศิวิไล ซึ่งเป็นอาหารสุขภาพเช่นเคย มีผลไม้สดผักปลอดสารพิษอย่างครบถ้วน ฉันพอดีมีความ

สุข ทุกก้าวย่างที่เคลื่อนไหว สุขกายสบายใจ

ฉันอาหารเสร็จแล้ว ยังคุยกันต่อด้วยความบันเทิงในธรรมยิ่งนัก กว่าจะออกเดิน

ทางได้ก็ 8.30 น. วันนี้ คุณศิวิไล คุณศรีสมัย คุณหุ้มพันธ์ และคุณแม่มาส่งที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเสร็จแล้ว จึงอำลาอุบาสกและอุบาสิกาใจบุญที่มาส่งถวายความสะดวกอย่างดี

การเดินทางเผยแผ่ธรรมในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในคราวนี้ดำเนินไปด้วยความสะดวกราบรื่น เพราะการประสานงานและความเสียสละของคุณศิวิไลและคุณบัวผัน ที่มีจิตใจมุ่งมั่นศรัทธาเลื่อมใสใคร่ในธรรมยิ่ง การเผยแผ่ธรรมครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะได้ร่วมมือกันสร้างสรรค์สะพานเชื่อมใจพี่น้องสองฝั่งโขงให้ได้แลกเปลี่ยนพุทธธรรม เพื่อนำมาซึ่งความสุขสงบร่มเย็นของพี่น้องทั้งสองฝั่งโขงสืบไป

วันที่ 8 มีนาคม 2558 เวลา 4.07 น.

บนเรื่อซีทรานดอนสัก เกาะสมุย

ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญาและวัดลอยฟ้า

www.buddhapany.org & www.skytemple.org

Leave a Reply